Spoil NieR Gestalt/Replicant Part 8 คฤหาสน์ผีชีวะ



ความจริงที่โยนาห์มีเพื่อนทางจดหมายเป็นผู้ชายทำให้สถานการณ์ในบ้านดูวุ่นวายขึ้นมาทันที เด็กหญิงจึงพยายามอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้พ่อ/พี่ชาย ของเธอใจเย็นลงว่ามิตรภาพครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะไม่ควร โยนาห์บอกว่าเพื่อนของเธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ทางตอนใต้ เขาเป็นคนดีมาก แต่ป่วยและมีปัญหาอยู่ ซึ่งเธอคิดว่าเนียร์กับไวส์สามารถช่วยเหลือเขาได้ จึงอยากให้ทั้งสองคนไปพบกับเขาแทนเธอที่เดินทางไปไม่ไหว

แม้เนียร์จะไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่าลูก/น้องสาว ของเขายังเด็กเกินกว่าที่จะมีความรัก แต่ด้วยลูกอ้อนของอีกฝ่าย ในที่สุดเนียร์ก็ตกลงจะไปพบกับชายคนนั้น ซึ่งไวส์ก็ช่วยปรามเนียร์ที่ดูหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าให้ทำอะไรด้วยความระมัดระวัง เพราะคนๆ นี้อาจจะเป็นว่าที่ ลูก/น้องเขย ในอนาคตของเขาก็ได้ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เนียร์หัวเสียเข้าไปใหญ่

เนียร์ ไวส์ และไคเนเริ่มปฏิบัติภารกิจไปเยียมบ้านไอ้หนุ่มเพื่อนทางจดหมายของโยนาห์ แต่เมื่อมาถึงคฤหาสน์ของอีกฝ่าย ทั้งสามก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะทุกอย่างในสถานที่แห่งนี้ล้วนทำจากหิน ไม่ว่าจะเป็นอาคาร โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของ รวมไปถึงต้นไม้ใบหญ้า จนทุกอย่างดูเป็นสีเทาไปหมด

ที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ปรากฏร่างของชายวันฉกรรจ์ในชุดพ่อบ้านคนหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะรู้ล่วงหน้าว่าจะมีคนมาเยี่ยมเยียนที่นี่จึงออกมาต้อนรับ ก่อนจะเดินนำพวกเขาไปในบ้านซึ่งมีสภาพเป็นหินไม่ต่างกัน ทั้งยังมีส่วนปรักหักพังคล้ายบ้านร้าง มุมกล้องเองก็เหมือนเกม Resident Evil ภาคแรกไม่มีผิด

พ่อบ้านพาพวกเนียร์มายังห้องทานอาหารและบอกให้ทั้งสามรออยู่ที่นี่ ก่อนออกจากห้องไป แต่ผ่านไปสักพักแล้วเขาก็ไม่มีทีท่าจะกลับมา ไคเนที่เบื่อการรอคอยจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ยาวและหลับไป ไวส์มีอาการหวาดกลัวสถานที่นี้ว่าจะมีสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเนียร์เริ่มสำรวจข้าวของ ท่าทางแฟนของ ลูก/น้องสาว ของเขาจะมีฐานะไม่เบา เขาตัดสินใจออกจากห้องไปสำรวจบริเวณรอบๆ โดยมีไวส์ตามไปด้วย แต่ไม่นานนักไวส์ก็แนะนำให้กลับไปรอที่ห้องอาหารตามเดิม ทว่าไคเนที่นอนอยู่เมื่อครู่กลับหายไป นั่นยิ่งทำให้หนังสือสีขาวขวัญเสียว่าคฤหาสน์นี้ต้องมีพลังงานสิงสู่อยู่เป็นแน่

ทั้งสองเริ่มออกตามหาหญิงสาว ความสยองยิ่งเพิ่มพูนขึ้น พวกเขาได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือจากห้องบางห้อง ทว่าเมื่อเข้าไปกลับไม่พบผู้ใด รูปภาพเหมือนของบุคคลที่พวกเขาเดินผ่านก่อนหน้าแปรเปลี่ยนจากเนื้อหนังสดใสเป็นเน่าเปื่อย เมื่อออกมายังลานน้ำพุกลางบ้านก็พบกับรูปปั้นมนุษย์ที่ทำจากหิน ซึ่งดูเหมือนจริงยิ่งกว่าที่เคยเห็นที่ใด ทันใดนั้นทั้งสองกับพบกับ Shade หลังจากจัดการพวกมันได้แล้ว สองคู่หูก็เดินเข้าไปยังด้านในสุดของคฤหาสน์และในห้องๆ หนึ่งพวกเขาก็ได้พบเด็กชายผมสีทอง ซึ่งดูมีวัยใกล้เคียงกับโยนาห์ กำลังนั่งอยู่ที่เปียโน

“ท่านเป็นผู้ใหญ่/วัยรุ่น ผู้ชาย อายุน่าจะประมาณ 40/15 ปีใช่ไหมครับ”

อีกฝ่ายถามขณะลุกขึ้นยืน เมื่อเขาหันใบหน้ามาหา ทั้งสองก็เห็นว่าคนตรงหน้ามีผ้าปิดตาอยู่ แม้มองไม่เห็น แต่ประสบการณ์ก็ทำให้เด็กชายรับรู้เรื่องเหล่านั้นได้ผ่านเสียงฝีเท้า เนียร์จึงแนะนำไวส์ เพราะเด็กชายไม่ได้รับรู้การมีตัวตนของอีกฝ่ายเนื่องจากหนังสือลอยได้ไม่มีเสียงเท้าให้ได้ยิน

ทั้งคู่เข้าประเด็นทันที สอบถามเด็กชายว่าเป็นใคร ซึ่งเขาก็ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพว่าตนมีชื่อว่าเอมิล เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ แต่เมื่อถามถึงเรื่องจดหมาย อีกฝ่ายกลับไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย นั่นทำให้เนียร์และไวส์ฉุกคิดได้ว่าในเมื่ออีกฝ่ายมองไม่เห็น ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งจดหมายหาโยนาห์

เรื่องดูท่าจะยุ่งยากขึ้น หากเอมิลไม่ได้เป็นเพื่อนทางจดหมายของโยนาห์ แล้วใครเป็นคนส่งมันกันแน่ เนียร์ขยับตัวเข้าไปใกล้เด็กชายตรงหน้ามากขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับร้องให้เขาถอยไป โดยบอกว่าเพราะว่าดวงตาของเขาจะทำให้ทุกสิ่งที่มองเห็นกลายเป็นหิน จึงไม่อยากให้ใครเข้าใกล้และใช้ผ้าปิดตาไว้ตลอดเวลา ความจริงข้อนี้เองก็ช่วยอธิบายให้เนียร์และไวส์เข้าใจได้ว่าเหตุใดสถานที่แห่งนี้ทุกอย่างจึงกลายเป็นหิน

เอมิลเสนอว่าพ่อบ้านของเขาน่าจะพอรู้เรื่องเกี่ยวกับจดหมายที่เนียร์ถาม ด้วยความใสซื่อเขาก็มอบกุญแจห้องให้กับทั้งสองไปยังที่พักพ่อบ้าน ซ้ำยังให้แผนที่ทางเดินในคฤหาสน์ให้ด้วย แต่ในส่วนที่พักพ่อบ้านก็มีบรรยากาศชวนสยองไม่ต่างจากส่วนที่พวกเขาเดินผ่านก่อนหน้า พวกเขาได้ยินเสียงประหลาด รูปปั้นเหมือนมนุษย์ ซ้ำยังได้เจอ Shade อีก และแล้วเขาก็เจอตัวพ่อบ้าน

พ่อบ้านที่มีชื่อว่าเซบาสเตียนยอมรับว่าเป็นคนเขียนจดหมาย เขาขอโทษเนียร์และเอมิลที่ทำอะไรไปโดยพลการ ทว่านั่นเป็นเพราะเขาอยากให้เจ้านายน้อยของเขาได้มีชีวิตปรกติ เอมิลไม่มีเพื่อน เอาแต่เก็บตัวในบ้านเพราะกลัวว่าดวงตาของตนจะไปทำร้ายใคร เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวอันกล้าหาญของเนียร์ เขาจึงเขียนจดหมายไปในนามของเอมิล โดยหวังว่าจะเชิญมาทำงานหาทางรักษาดวงตาของเจ้านาย ทว่าคนที่ตอบจดหมายกลับเป็นโยนาห์ เนื่องด้วยความเป็นเด็กจึงเข้าใจผิดว่านั่นเป็นจดหมายถึงเธอ และอีกฝ่ายเรียกให้ไปที่บ้านเพราะต้องการเป็นเพื่อนเล่นกัน

เนียร์แนะนำว่าพวกเขาควรปรึกษาเรื่องนี้กับแพทย์มากกว่าตัวเขาที่เป็นนักล่า ซึ่งไวส์ก็รีบเห็นด้วยเพราะอยากออกไปจากสถานที่น่าขนลุกเต็มที พ่อบ้านจึงรีบเอ่ยขึ้นว่าวิธีรักษาดวงตาของเอมิลนั้นที่จริงอยู่ภายในคฤหาสน์หลังนี้ ทว่าบริเวณนั้นเต็มไปด้วย Shade แถมเขาก็ไร้ความสามารถในการต่อสู้ จึงอยากให้เนียร์ช่วยไปจัดการพวกมันและนำวิธีการรักษาดวงตาของเด็กชายออกมา

เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็ทำให้เอมิลเกิดความเกรงอกเกรงใจว่าเหตุใดจึงให้แขกไปทำงานอันตรายเช่นนั้น แต่เพื่อตามหาไคเนและการจัดการเหล่า Shade ก็เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะรักษาอาการป่วยของโยนาห์ เนียร์จึงตอบรับทำภารกิจนี้ กระนั้นด้วยความเป็นเจ้าบ้าน เอมิลจึงขอติดตามไปด้วย โดยเขาสามารถใช้ดวงตาทำให้เศัตรูกลายเป็นหินได้

เนียร์ ไวส์ และเอมิลเดินทางไปยังทางที่เซบาสเตียนบอกว่ามีวิธีรักษาดวงตาของเจ้าของคฤหาสน์ตัวน้อย พวกเขาพบเหล่า Shade มากมายขวางทางไว้ สถานที่ปลายทางที่ว่าไว้นั่นก็คือห้องสมุดที่มีหนังสืออยู่มากมายจนไม่รู้จะเริ่มต้นกันที่จุดใด

ตอนนั้นเองหนังสือสีแดงที่มีเสียงหัวเราะแหบแห้งก็ลอยออกมาทำร้ายพวกเขา แล้วไคเนที่ไปเดินหลงทางในคฤหาสน์มานานก็ตามมาสมทบได้พอดี ทั้ง 4 รวมมือกันต่อสู้กับหนังสือจนกระทั่งมันระเบิดตัวเอง หน้ากระดาษกระจายออกเต็มห้อง แต่โชคดีที่กระดาษแผ่นที่เนียร์เก็บมาได้ดูเหมือนจะเกี่ยวกับคำสาปทำให้เป็นหินพอดีของเอมิลพอดี พร้อมกันนั้นพวกเขาก็ได้ Sealed verse ใหม่มา


แต่ถึงจะได้วิธีรักษามาแล้ว กระดาษแผ่นนี้จะเขียนข้อความเป็นรหัสยากจะแกะความหมายออกมาได้ เซบาสเตียนจึงอาสาจะเป็นคนหาทางถอดรหัสมันเพื่อรักษาเจ้านายของเขา

ท่าทางไคเนจะรู้สึกถูกชะตากับเอมิลเป็นอย่างมาก ก่อนจากกัน เธอเข้าไปหาเด็กชาย ยกมือขึ้นลูกใบหน้าและสัมผัสกับผ้าที่ปิดตาของเขาอยู่ด้วยความเอ็นดู

ไคเน : เอมิล ฟังข้านะ ดวงตาของเจ้าไม่ใช่เรื่องผิดบาปหรอก มันเป็นส่วนหนึ่งของเจ้า เป็นอวัยวะของเจ้าเอง อย่าได้รู้สึกอับอายกับมันเลย เข้าใจไหม

ว่าแล้วเธอก็ปล่อยไอพลังของ Shade ออกมาจากแขนซ้าย แล้วยกมือของเอมิลขึ้นสัมผัสมัน สร้างความแปลกใจให้อีกฝ่ายเป็นอย่างมากที่สตรีตรงหน้ามีร่างกายส่วนหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น

ไคเน : แขนข้างนี้ เจ้าสิ่งมีชิวิตนี้ มันคือแขนของข้า ตอนแรกข้าคิดว่าตัวเองต้องการมันเพียงเพื่อไว้ใช้แก้แค้น และพอแค้นของข้าได้รับการสะสาง ข้าคงไม่ต้องการมันอีก แต่การที่ข้ามีเหตุผลที่จะมีชีวิตต่อไป ทำให้แขนข้างนี้ก็มีเหตุผลที่ยังคงอยู่เหมือนกัน ดวงตาของเจ้าก็ไม่ต่าง ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เจ้ามีมันแน่นอน
เอมิล : ท่านไคเน...
ไคเน : แต่ฟังนะ ถ้าเจ้า Shade นี่เกิด...

หญิงสาวก้มลงตัวกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของเอมิล ซึ่งนั่นทำให้เด็กชายตกใจเป็นอย่างมาก

เอมิล : ไม่นะ ท่านไคเน ผมสัญญาว่าผมจะไม่ยอมแพ้ แต่ท่านเองก็ต้องไม่ยอมแพ้เหมือนกันนะ

เขาบอกหญิงสาว ขณะที่เธอเดินออกไปสมทบกับสหายร่วมเดินทางของตน ก่อนจาก เนียร์บอกกับพ่อบ้านว่า ลูก/น้องสาว ของเขาป่วย และมีเพื่อนไม่มาก เพราะฉะนั้นถ้าหากเขาส่งจดหมายไปหาเธออีก เธอคงจะรู้สึกขอบคุณมากๆ ซึ่งเซบาสเตียนก็รับปากว่าเขาจะเขียนจดหมายไปหาเด็กหญิงอีกแน่นอน

เนียร์บอกลาเด็กชาย หวังว่าคราวหน้าหากพบกันเขาจะสามารถมองดวงตาของอีกฝ่ายได้ ส่วนไวส์ไม่รอช้าหันมาพูดจาเสียดสีใส่หญิงสาวที่เขาไม่ค่อยถูกชะตา ถามว่าเมื่อครู่เธอไปพูดอะไรกับเด็กชาย และหวังว่ามันคงไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมทำผู้เยาว์แปดเปื้อน แต่ไคเนก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายจนไวส์โมโห แต่ยังไม่ทันที่หนังสือที่ถูกเรียกว่าไอ้หนังสือจะโต้ตอบ เนียร์ก็ห้ามทัพเอาไว้ทัน ตอนนี้พวกเขารวมรวม Sealed Verse ได้ครบทั้ง 8 ชิ้นแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องรีบหากริมัว นัว เพื่อหาทางรักษาโยนาห์

เนียร์กลับบ้านมาหาโยนาห์ พาเธอเข้านอนพร้อมให้สัญญาว่าเธอจะไม่ต้องทนเจ็บป่วยอีกนานแล้ว ตอนนี้ เหลือเพียงตามหาหนังสือทมิฬและกำจัดมันเท่านั้น เด็กหญิงก็จะหายเป็นปรกติเช่นเด็กคนอื่น

โยนาห์ : ฟังดูอันตรายจังเลย พ่อ/พี่จะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ
เนียร์ : ไม่ต้องห่วงพ่อ/พี่ หรอก ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน
โยนาห์ : พ่อ/พี่จะช่วยให้หนูแข็งแรงขึ้นใช่ไหมคะ อาการไอของหนูจะหายไปใช่หรือเปล่าคะ

เนียร์พยักหน้ารับอย่างเชื่อมั่น ทว่าโยนาห์กลับเบนหน้าไปทางอื่น เสียงเริ่มสั่นเครือ

เนียร์ : โยนาห์ เป็นอะไรไป
โยนาห์ : พ่อ/พี่ คะ อย่าเกลียดที่หนูเป็นอย่างนี้นะคะ
เนียร์ : พูดเรื่องอะไรของลูก/เจ้าน่ะ

โยนาห์ : หนูแค่... หนูแค่ไม่อยากให้พ่อ/พี่ เกลียดหนูเพราะว่าหนูป่วย
เนียร์ : พ่อ/พี่ จะเกลียด ลูก/น้องสาว ของตัวเองได้ยังไงล่ะ

หลังจากทำความเข้าใจกับเด็กหญิงว่าเขาไม่มีวันเกลียดเธอ ไม่ว่าอาการป่วยของเธอจะทำให้เขาต้องลำบาก แต่มันไม่สำคัญแลย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาก็จะรักดูแลเธอตลอดไป แล้วเนียร์ก็ออกจากบ้านไปหาโปโปลาเพื่อปรึกษาขอยามาให้โยนาห์ก่อนที่เขาจะสามารถจัดการกริมัว นัว ได้

เกร็ดเพิ่มเติม หนังสือสีแดง มีชื่อว่ากริมัว รูบรัม แปลว่าสีแดง เธอไม่มีความสามารถในการพูด

แม้จะไม่มีบอกว่าทำไมคฤหาสน์ของอีมิลถึงมีอะไรหลอนๆ แต่เรามีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ซึ่งจะบอกอีกครั้งตอนเนื้อเรื่องไปถึงจุดนั้น

สุดท้าย ทำไมพ่อบ้านต้องชื่อเซบาสเตียนทุกคนด้วย =A=

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ้าปิดตาของ YoRHa

รีวิว Nier Automata Novella ฉบับยาว ภาษาไทย แบบกาวๆ