Spoil NieR Gestalt/Replicant Part 15 ความภักดี
แม้โปโปลาจะยังไม่สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับกุญแจดอกสุดท้ายได้ เธอก็เล่าว่าตอนเดินผ่านบ้านของเนียร์ก่อนหน้านี้ หญิงสาวเห็นจดหมายอยู่ในตู้ด้วย เนียร์จึงกลับไปที่บ้านและพบว่าในตู้มีจดหมายอยู่จริงๆ มันคือจดหมายเชิญร่วมงานอภิเษกสมรสของราชาแห่งฟาเคดนั่นเอง
เนียร์และไวสู้สึกว่าตัวเองแก่ทันที เด็กชายกะโปโลที่พวกเขาเคยช่วยเหลือไว้กำลังจะแต่งงานแล้ว เวลาช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน แต่พวกเขาจะไม่พลาดงานมงคลนี้แน่นอน
เมื่อได้เจอพวกเนียร์อีกครั้ง ราชาก็ทักพวกเขาอย่างเป็นมิตร เจ้าสาวของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือฟิรานั่นเอง ดูเหมือนหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อน และคนรักในที่สุด คืนนี้ราชาได้เชิญให้พวกเนียร์พักผ่อนที่ปราสาทตามสบายดุจญาติพี่น้องก่อนจะเริ่มงานแต่งงานกันในวันรุ่งขึ้น
ถึงจะไม่ชอบงานรื่นเริงเพราะปมในวัยเด็ก ไคเนก็ยอมมาพักในปราสาท ส่วนเอมิลที่เพิ่งเคยร่วมงานแต่งงานเป็นครั้งแรกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เมื่อเนียร์เดินออกไปที่ระเบียง เขาก็ได้เจอกับราชาหนุ่มที่ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ พระองค์ทรงกังวลว่าการที่ตนเองจัดงานแต่งงานในเวลาที่เมืองทำการเกษตรได้แย่ ประชาชนเริ่มอดอยาก แถมการประทะกับฝูงหมาป่าก็มากขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือไม่ แต่เนียร์และไวส์ก็ให้กำลังอีกฝ่ายว่าการสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนยินดีในเวลาแย่ๆ บ้าง ก็เป็นหน้าที่ที่ผู้นำควรทำเช่นกัน คนเรามักมีแรงใจมากขึ้นเมื่อได้สู้เพื่อปกป้องบางอย่างหรือใครบางคน คำพูดของพวกเขาทำให้ราชาสบายพระทัยขึ้นถึงขนาดคิดว่าจะให้สิ่งที่ทั้งสองเอ่ยเป็นกฎของที่นี่เลยทีเดียว
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง งานแต่งงานก็เริ่มต้นขึ้น ประชาชนชาวฟาเคดต่างเต็มเปี่ยมด้วยความสุข พวกเขาเต้นรำ โปรยกลีบดอกไม้ไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสขององค์ราชา ราชาและราชินีจูงพระหัสต์กันและกัน มืออีกข้างยกขึ้นโบกทักทายให้ประชาชนที่มาร่วมแสดงความยินดี ทว่าในห้วงแห่งความสุขนั่นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องเกิดขึ้น ร่างของประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บเต็มตัวคนหนึ่งเดินมาเบื้องหน้าของคู่บ่าวสาว
“พ่ะ พวกหมาป่า... กำลังมา... รีบหนีไป....”
สิ้นเสียงของชายคนนั้นไม่นาน Shade ที่มีรูปร่างเป็นหมาป่าก็กระโจนเข้าใส่ราชา ทว่าฟิรากลับรีบเอาตัวของเธอบังเขาไว้ มันกัดร่างของหญิงสาวแล้วโยนเธอกระแทกเข้ากับกำแพงหินอย่างรุนแรง พวกเนียร์รีบเข้าไปต่อสู้จนกระทั่งพวกมันล่าถอยหนีไป ทิ้งให้ทุกอย่างเหลือเพียงโศกนาฏกรรม ราชาพยายามเรียกชื่อเจ้าสาวของเขาด้วยเสียงสะอื้น ขณะประคองและเขย่าตัวที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอไว้ แล้วฟิราก็รวบรวมแรงทั้งหมด ใช้ภาษามือกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้าย
ฟิรา : สวามีของข้า... พอเถอะ ไม่อย่างนั้นประชาชนจะตื่นตระหนกกัน...
ราชา : ข้าไม่สน เจ้าคือคนที่สำคัญกับข้ามากที่สุด
ฟิรา : ขอบพระทัย... เพคะ...
ราชา : เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไรนะ
ฟิรา : ขอบพระทัย... ที่ทรงเลือก... คนต่ำต้อย... อย่างข้า... เป็นภรรยาของท่าน...
หญิงสาวสิ้นใจ เรียกเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากองค์ราชา เขากอดร่างไร้ชีวิตของหญิงคนรักไว้แน่น หลั่งน้ำตาอย่างไม่อายผู้ใด ชายหนุ่มรู้ดีกว่าใครว่าที่ผ่านมาฟิราต้องลำบากขนาดไหน ทั้งๆ ที่ชีวิตของเธอกำลังจะได้เริ่มต้นใหม่ ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังจะได้มีความสุข ทั้งๆ ที่พวกเขาเคยสัญญาว่าจะเดินทางไปพบสิ่งใหม่ๆ ด้วยกัน ทั้งๆ ที่พวกเขาควรจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแท้ๆ
ราชาประคองร่างของฟิราวางลงบนพื้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนประกาศมั่นว่าคืนนี้พวกหมาป่าจะต้องสิ้นชีพทั้งหมด ให้ทุกคนเตรียมพร้อมแก้แค้นให้กับราชินีด้วย ทว่าทั้งไวส์ และที่ปรึกษาส่วนพระองค์ต่างลงความเห็นว่ามันอันตรายเกินไป ราชาจึงสวนว่าเช่นนั้นเขาก็จะไปคนเดียว เขาต้องการฆ่าหมาป่า จะฆ่าล้างบางมันให้หมด
ที่ปรึกษา : ฝ่าบาท ราชินีต้องทรงผิดหวังกับการตัดสินพระทัยเช่นนี้แน่ พระองค์ทรงเป็นราชาและผู้นำของประชาชนชาวหน้ากาก ทรงมีหน้าที่ต่อประชาชนและบ้านเมืองของพระองค์ หากฝูงหมาป่าขยายตัวเหิมเกริม สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเพิ่มการป้องกันให้กับฟาเคด ข้าขอร้องท่าน ทั้งในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำ และสามีผู้หนึ่งโปรดอย่าทำให้ความทรงจำขององค์ราชินีต้องแปดเปื้อนเลย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นราชาก็เริ่มดำริได้ เขาพยายามสงบพระทัยที่แตกสลายของตัวเองลง และกลับไปสั่งการควบคุมการปกกันกำแพงเมือง แต่เมื่อภาระงานได้เสร็จสิ้น พระองค์คงตั้งใจไปบุกรังหมาป่าอีกเป็นแน่ และพวกเนียร์จะไม่มีวันปล่อยให้ราชาต้องสู้เพียงลำพัง
ราชาเกรงว่าหากปล่อยไว้ฟิราจะไม่ใช่เหยื่อเพียงคนเดียวของเหล่าหมาป่า พวกมันคงได้ใจโจมตีประชาชนคนอื่นในอีกไม่ช้า และเขาจะไม่มีวันให้เรื่องเลวร้ายต้องเกิดขึ้นอีก ทว่าด้วยกฎของเมือง เขาพบว่าตนไม่อาจนำทัพออกไปปราบพวกมันได้ในเวลาเช่นนี้ ราชาหนุ่มจึงตั้งใจจะไปสู้รบกับพวกมันเพียงลำพัง แต่พวกเนียร์ก็เสนอตัวติดตามไปร่วมสู้เคียงข้างด้วย ไม่ใช่เพื่อราชาเท่านั้น แต่เพื่อฟิราด้วย น้ำใจของพวกเขาสร้างความประทับใจแก่ราชาหนุ่มมาก
ทว่าเมื่อพวกเขาไปที่หน้าหมู่บ้าน ที่ปรึกษากับทหารส่วนหนึ่งก็ยืนขวางไว้ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่ปรึกษา : พระองค์จะเสด็จไปที่ไหนกันครับ
ราชา : ข้าจะไปปราบเจ้าพวกหมาป่า คงต้องฝากพวกเจ้าดูแลเมืองนี้ด้วย
ที่ปรึกษา : ฝ่าบาท นั่นเป็นการฝ่าฝืนกฎหลายข้อเลยนะครับ
ราชา : แล้วกฎพวกนั้นช่วยให้ฟิราฟื้นกลับมาได้ไหมล่ะ
ที่ปรึกษา : ไม่ครับ ฝ่าบาท
ราชา : ฟิราทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ นางเกือบจะได้พบความสุขแล้วแท้ๆ แต่นางกลับต้องสูญเสียมันไปอย่างนี้เนี่ยนะ
ที่ปรึกษา : ครับ ฝ่าบาท
ราชา : ฟิราผิดที่นางพิการอย่างนั้นเหรอ
ที่ปรึกษา : ไม่ครับ ฝ่าบาท
ราชา : ถ้าอย่างนั้นก็หลบไปซะ!!
ที่ปรึกษา : พวกข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ครับ ฝ่าบาท พระองค์ทรงประพฤติตนได้โง่เขลานัก พระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระเยาว์มากจริงๆ ราชินีฟิราทรงเป็นสตรีผู้เต็มเปี่ยมด้วยเมตตา ทุกคนในเมืองทุกคนต่างก็รักนาง พระองค์ก็ทรงคิดเช่นนั้นใช่หรือไม่
องค์ราชาหลบสายตาจากที่ปรึกษา ถึงแม้เรื่องที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นจริงทุกประการ แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้พระองค์เปลี่ยนพระทัยได้ แต่โดยไม่คาดคิด จู่ๆ ที่ปรึกษาก็หันไปหาเหล่าทหารของเขา
ที่ปรึกษา : ได้ยินข้าหรือไม่ บุรุษชาวหน้ากากเอ่ย ใครคือผู้นำของพวกเจ้า!!
ทหาร : ราชาแห่งฟาเคดครับ!!
ที่ปรึกษา : แล้วใครคือคนที่องค์ราชารัก!!
ทหาร : ราชินีฟิราครับ!!
ที่ปรึกษา : แล้วใครที่มันต้องชดใช้ให้กับโลหิตของราชินีของพวกเรา!!
ทหาร : พวกหมาป่า พวกหมาป่าครับ!!
ที่ปรึกษา : แล้วใครที่จะไปจัดการเจ้าพวกหมาป่านั่นกัน!!
ทหาร : พวกเรา บุรุษชาวหน้ากากครับ!!
ที่ปรึกษา : ฝ่าบาท ข้าขอทรงประทานอนุญาตให้พวกเราร่วมสู้กับพระองค์ด้วยเถอะพะยะค่ะ ข้าต้องขออภัย ที่การแจ้งให้ประชาชนทุกคนช่วยสวดภาวนาในการรบให้กับสงครามครั้งนี้จะใช้เวลามากกว่าที่คิดเอาไว้ ข้อขออภัย ฝ่าบาท แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีกฎที่ใช้ในสถานการณ์เช่นนี้อยู่
ที่ปรึกษา : กฎไม่ได้มีไว้เพื่อผูกมัดเจ้า แต่มีไว้เพื่อให้เจ้ารู้ถึงอิสรภาพที่เจ้ามี
กฎไม่ใช่สิ่งที่ผูกมัดผู้ใด แต่มีไว้เพื่อให้คนผู้นั้นได้พิสูจน์ว่าตนมีความปรารถนาต่ออิสรภาพเพียงพอที่จะยอมฝ่าฝืนอำนาจ แล้วเผชิญกับสิ่งที่รออยู่หรือเปล่า ในเวลานี้เมื่อพวกเขาตัดสินใจทำผิดกฎ นั่นหมายความว่าคนที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจทำเช่นนั้นมีความสำคัญเพียงใด ประชาชนโง่ๆ ย่อมถูกดึงดูดโดยราชาโง่ๆ และคนโง่ๆ อย่างพวกเขา จะพร้อมจะพลีชีพเพื่อองค์ราชาโง่ๆ ของตน
พวกเนียร์ออกเดินทางเพื่อชำระแค้นให้ฟิรา ที่รังหมาป่า Shade ที่มีรูปร่างเป็นหมาป่าก็ส่งเสียงหอนประกาศก้องถึงสงครามสองเผ่าพันธุ์ที่เริ่มขึ้น การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างชุลมุนทันที เลือดของมนุษย์และหมาป่าเต็มไปทั่วบริเวณ เมื่อหมาป่าเป็นฝ่ายปราชัย Shade ก็กระโดดลงจากหน้าผาเข้าทำร้ายเหล่าคนที่เหลือ แต่สุดท้ายน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ มันโดนพวกเนียร์โจมตีจนล้มลง แล้วราชาของฟาเคดก็ยกอาวุธในมือของตนเองขึ้น
ราชา : เจ้าเดรัจฉาน จงตายซะ หากเจ้ายังมีลมหายใจพวกเขาก็ไม่อาจอยู่ได้อย่างสงบสุข เพื่อประชาชนของข้า คนที่ต้องสูญเสีย เพื่อฟิรา!!
ราชาประกาศก้อง แล้วใช้หอกแทงทะลุตาปลิดชีพของมัน Shade หมาป่าจ้องมองอีกฝ่าย เอ่ยคำบางอย่างที่ไร้ผู้ใดเข้าใจ ก่อนที่มันจะล้มลงสิ้นใจ เลือดไหลนองเต็มผืนทราย แล้วเนียร์ก็ได้พบกับกุญแจเซอร์เวอร์รัสผู้ภักดี ชิ้นส่วนสุดท้ายที่จะใช้เข้าสู่ปราสาทของชาโดวลอร์ด
ที่หน้าหลุมศพของฟิรา ราชาตัดพ้อว่าฟิรานั้นไม่มีครอบครัว ไม่มีเสียง เธอใช้ชีวิตยากลำบากด้วยความพยายามทุกวัน ทั้งๆ ที่กำลังมีชีวิตสดใสรอเธออยู่ข้างหน้า แต่กลับถูกพรากมันไป ไวส์จึงปลอบอีกฝ่ายว่าเขาเชื่อว่าฟิราคงรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว และเธอเองก็สั่งเสียไว้เช่นนั้นว่าเธอมีความสุขที่ได้เป็นภรรยาของราชา เมื่อได้ยินดังนั้นราชาหนุ่มเลยตั้งใจว่าตนจะไม่ทำให้ฟิราต้องผิดหวัง
พวกเนียร์ทิ้งให้องค์ราชาได้ใช้เวลาตามลำพังที่หน้าหลุมศพของภรรยาที่รัก และตัดสินใจกลับเมืองเตรียมตัวเข้าสู่ศึกสุดท้ายกับชาโดวลอร์ด เพื่อชิงตัวโยนาห์กลับมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น