บทบาททางเพศในอนิเมะและมังงะ เรื่อง Shoujo Kakumei Utena และ Houkago Hokenshitsu Part 3
เจ้าชาย ณ ปลายฟ้า ผู้องอาจและแข็งแกร่ง
นอกจากเรื่องบทบาทของเพศหญิงแล้ว การ์ตูนทั้งสองเรื่องมีประเด็นเรื่องบทบาทของเพศชายอยู่ด้วย ในเรื่องอูเทนา ผ่านดิออสและอาคิโอะ ส่วนเรื่องบทเรียนลับเกมหัวใจ ตัวละครที่เข้าข่ายประเด็นนี้คือรุ่นพี่คุโรซากิ ประธานชมรมเคนโด ส่วนโชแม้จะมีภาพลักษณ์หนุ่มเพลย์บอย แต่ด้วยความที่เป็นตัวละครซึ่งมีสาวหมายปองเยอะ จึงน่าจะจัดเข้าในกลุ่มเจ้าชายได้ด้วยเหมือนกัน
ตรงข้ามกับเพศหญิง ตัวละครชายในทั้งสองเรื่องต่างมีภาพลักษณ์ยิ่งใหญ่ ชวนให้พึ่งพา ดิออสเป็นเจ้าชายแสนอ่อนโยนในความทรงจำของอูเทนา เขาคือผู้ที่ให้กำลังใจและพลังแก่เธอที่จะมีชีวิตอยู่ ส่วนอาคิโอะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่สุขุมเป็นผู้ใหญ่ โชเป็นหนุ่มเพลย์บอย แถมยังมีฝีมือเคนโดเก่งกาจแม้ไม่ค่อยได้ซ้อม และรุ่นพี่คุโรซากิเองก็เป็นถึงหนุ่มหล่อประธานชมรมเคนโด ลูกชายของนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ ทั้งยังนิสัยใจดี อ่อนโยน คอยเป็นที่ปรึกษามาชิโระเสมอ
ตัวละครทั้ง 4 แสดงถึงอุดมคติของเพศชายที่สังคมวาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นฐานะที่สูงหน้าที่การงานที่ดี เป็นที่ยอมรับด้านฝีมือ ทั้งยังต้องใจดีคอยปกป้องเป็นที่พึ่งพึงของเพศหญิงที่อ่อนแอ ทว่าสังคมกลับต้องการความดีไม่สมจริงเช่นนี้ในเพศชาย และน่าจะเป็นเหตุที่ทำให้การ์ตูนทั้งสองเรื่องแสดงบทบาทของพวกเขาในแง่เสียดสีประชดประชันกับภาพที่สังคมคาดหวัง เพราะภายใต้ภาพลักษณ์เหล่านั้น พวกเขากลับเต็มไปด้วยความหลอกลวง และอ่อนแอ
ดิออส และอาคิโอะเป็นตัวละครที่แสดงขั้วตรงข้ามกันมาก ความใจดีของดิออสที่ช่วยเหลืออูเทนา และแองจี้ ความเห็นแก่ตัวของอาคิโอะที่หลอกใช้ผู้หญิงที่รักเขาเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ทว่าความจริงทั้งสองกลับเป็นคนๆ เดียวกัน ดิออสคือเจ้าชายที่อูเทนาตามหามาตลอด แต่กลับเป็นตัวละครที่จับต้องไม่ได้ เขาเป็นเหมือนวิญญาณที่หายไปมา คอยให้กำลังใจอูเทนา ทว่าคนที่เธอและแองจี้สามารถสัมผัสได้กลับเป็นอาคิโอะที่ทำร้ายพวกเธอ เหมือนเป็นการบอกโดยอ้อมว่าเจ้าชายที่ผู้หญิงฝันถึง คนที่ใจดี รัก เอาใจใส่ พร้อมปกป้องพวกเธออาจจะไม่มีอยู่จริง
ในฉากที่อูเทนากำลังร้องไห้ที่ไม่อาจช่วยแองจี้ได้ ภาพของดิออสที่ให้กำลังใจเธอกลับขี่ม้าหมุนในสวนสนุก เป็นเจ้าชายปลอมๆ ที่เน้นย้ำสถานะของหญิงสาวที่ต้องอ่อนแอกว่าผู้ชาย แต่เมื่ออูเทนาตัดสินใจจะช่วยแองจี้ด้วยพลังของตัวเอง ภาพของเขาก็หายไป ในขณะที่ตัวตนของอาคิโอะไม่เคยเลือนรางเหมือนดิออส เขายังคงพยายามเปิดประตูหนามกุหลาบด้วยดาบที่ชิงมาจากอูเทนา ปล่อยให้เธอร้องไห้แทบขาดใจอยู่เบื้องหลัง และใช้แองจี้เป็นเป้าหลอกให้โดนดาบโจมตีแทน ดิออสเป็นแค่อีกภาคของเขาที่สังคมคาดหวังกันไปเองต่างหาก
บทบาทของรุ่นพี่คุโรซากิในเรื่องบทเรียนลับเกมหัวใจค่อนข้างคล้ายกับดิออส เขาเป็นรุ่นพี่นิสัยดี เป็นที่พึงพาของรุ่นน้อง ทว่าเบื้องหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขากลับกำลังทุกข์กับหน้าที่ถูกพ่อและคนรอบข้างกำหนดให้ ต้องเป็นคนดี ต้องสง่าผ่าเผย ต้องเรียนเก่ง ต้องเข้มแข็ง ต้องเป็นที่พึ่งของคนอื่น เขากลายเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ได้เพียงก้มหน้ารับคำสั่ง เหมือนดั่งนักรบที่ทำได้เพียงรับคำสั่งผู้เป็นนาย สวมหมวกเหล็กปิดบังหน้าตาออกไปรบ ภาพของเขาในความฝันจึงเป็นอัศวินในชุดเกราะสีดำที่เที่ยวฆ่าทำร้ายคนร่วมฝันคนอื่น ถากถางความอ่อนแอของเพศหญิงของมาชิโระ และถึงขั้นพยายามข่มขืนอีกฝ่าย แสดงตัวตนด้านตรงข้ามกับสิ่งที่เคยทำเป็นปรกติราวกับกำลังประชดประชันชีวิตที่ไม่อาจเลือกทางเดินได้ของตน
ในขณะที่รุ่นพี่คุโรซากิต้องเก็บความต้องการจริงๆ ที่ไม่ได้อยากเป็นชายในอุดมคติตามที่ใครๆ คาดหวัง โช ก็เป็นตัวละครที่แสดงสิ่งที่ตรงข้ามกันออกมา เขาเป็นหนุ่มเพลย์บอย เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย และเคยพยายามใช้กำลังกับมาชิโระที่ตัวเองบอกว่าชอบ ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่สนใจสายตาใคร ทว่ากลับไม่มีใครรู้เลยว่าตัวตนในความฝันของเขาจะเป็นเพียงตุ๊กตาหมีที่ไม่อาจแม้แต่จะขยับแขนขา หรือเปล่งเสียงใดๆ ได้แต่เพียงให้ภาพหลอนของพี่สาวในวัยเด็ก ผู้สวมชุดโลลิต้าสีดำเป็นคนอุ้มไปมาเท่านั้น
สมัยเด็กโชกับพี่สาวสนิทกันมาก ทว่าการหย่าของพ่อแม่ทำให้ทั้งสองถูกแยกจากกัน เขาอยู่กับแม่ผู้บ้างาน ส่วนพี่สาวอยู่กับพ่อ และแม่เลี้ยง เด็กหญิงสัญญากับโชว่าเธอจะคิดถึงเขาเสมอ และจะกอดตุ๊กตาหมีไว้ตลอดเสมือนเป็นตัวแทนของน้องชาย โชเชื่อเช่นนั้น แต่วันหนึ่งที่เขาต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง เขาก็ตัดสินใจไปหาอีกฝ่าย สิ่งที่เด็กชายเห็นคือเด็กหญิงในชุดโลลิต้าสีขาวที่กำลังอุ้มลูกหมาหน้าตาน่ารัก หาใช่ตุ๊กตาหมีตัวนั้น เขาผิดหวังมากที่รู้ว่าพี่สาวไม่ได้คิดถึงตนเหมือนที่ตนคิดถึงอีกฝ่าย เด็กชายวิ่งฝ่าฝนกลับบ้าน แต่ก็มีไข้ขึ้นจนล้มลงที่สวนสาธารณะ ที่นั่นโชได้พบกับพี่สาวในชุดโลลิต้าสีดำ ผู้อุ้มตุ๊กตาหมีไว้ เธอให้กำลังใจเขาและนำทางไปถึงป้อมตำรวจ และนับตั้งแต่วันนั้นโชก็มีชีวิตอยู่ได้โดยมีภาพหลอนของพี่สาวในจินตนาการที่สวมชุดสีตรงข้ามกับพี่สาวที่หักหลังเขาเป็นคนนำทาง
โชเลิกติดต่อพี่สาวตัวจริง มีความสุขอยู่กับพี่สาวที่สร้างขึ้น ทว่าในที่สุดเขาก็คิดได้ว่าไม่ควรทำเช่นนี้ต่อไป เขาพยายามมีความรักโดยหวังว่านั่นจะทำให้พี่สาวในจินตนาการหายไป ทว่าก็ไม่เคยเป็นผลสักที เขาถูกผูกมัดและชักจูงโดยเธอเรื่อยมา ตอนที่เขาตัดสินใจฆ่าตัวตนของเธอในความฝัน ภาพของพี่สาวที่ถูกเขาบีบคอได้เปลี่ยนเป็นตัวเขาในวัยเด็ก โชได้รู้ตัวว่าสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ภาพหลอนที่เขาสร้างขึ้น ไม่ใช่พี่สาวที่เขาคิดว่าหักหลัง แต่เป็นตัวของเขาเองที่คาดหวังจากเด็กผู้หญิงที่อายุมากกว่าตนไม่กี่ปีมากเกินไป และมีจิตใจที่อ่อนแอจนต้องพึ่งพาภาพมายา
โรงเรียนและการจบการศึกษา
เคยมีใครบางคนพูดไว้ว่าโรงเรียนเป็นโลกจำลองของสังคมใบใหญ่ที่ทำให้เหล่านักเรียนได้เรียนรู้ ปรับตัว ก่อนออกไปเผชิญหน้ากับของจริง สำหรับการ์ตูนทั้งสองเรื่องคำกล่าวนี้คงไม่ผิดไปมากนัก โรงเรียนเป็นฉากเกือบทั้งหมดของเรื่องราว แม้จะมีฉากที่เกิดนอกโรงเรียนบ้าง แต่มันก็ยังมีอะไรบางอย่างทำให้เรามองเห็นความเป็นไปเหล่านั้นได้ไม่ชัดเจน และเหมือนมีเพียง “ผู้ที่จบการศึกษา” เท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสมันได้ ทุกคนที่ต้องออกจากโรงเรียนจะหายไปจากความทรงจำของผู้ที่อยู่ในโรงเรียนราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน บางทีโรงเรียนในความหมายของทั้งสองเรื่องอาจจะหมายถึงกรอบของสังคม และหากใครได้ถูกขับออกจากไปจากสังคมนี้แล้ว พวกเขาก็ย่อมไม่มีตัวตนในความทรงจำ
เวลาที่เราทำอะไรผิดจากที่สังคมคาดหวัง แม้เราจะเก็บความลับนั้นไว้ในใจ แต่เราก็ยังอยู่ในสังคมต่อไปได้ แต่หากเราประกาศว่าเราไม่ได้เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง เราก็ถูกสังคมประยามหยามเหยียดจนเกิดความทุกข์ขึ้นอีก ทุกข์แบบไหนที่ดีกว่ากัน จะเลือกอยู่ในโรงเรียน หรือจบการศึกษา ตัวละครในเรื่องบางคนอยากออกไป แต่หลายคนก็ไม่ และบางคนก็อาจเลือกที่จะจบทุกอย่างด้วยการหายไปตลอดกาล
อูเทนาเลือกจะเป็นเจ้าชายเพื่อปกป้องแองจี้ เลิกใฝ่ฝันให้ผู้ชายมาปกป้อง และเป็นฝ่ายลุกขึ้นสู้เพื่อความสุขด้วยตัวเอง ทว่าเมื่อแองจี้เอื้อมมือมาจับมือของเธอราวกับยอมรับความคิดนั้น ทั้งคู่กลับถูกแยกจากกัน และดาบมากมายก็หันทิ่มแทงจนเธอต้องออกจากโรงเรียน ใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่เคยมีตัวตน
มีหลายคนตีความเรื่องดาบที่แทงอูเทนาไว้หลายอย่าง แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ามันน่าจะหมายถึงสายตาของสังคมที่ไม่ยอมรับความรักที่ผิดแปลกจากที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาจึงทำร้ายและขับไล่เธอออกไปจากกลุ่ม และเลือกจะเหลือแองจี้ที่มีท่าทีจะเข้าพวกได้มากกว่าเอาไว้ ทว่าภายหลังแองจี้ก็ตัดสินใจออกจากโรงเรียนเพื่อตามหาอูเทนา และหายไปจากความจำของผู้คนในโรงเรียนเช่นกัน
ในเรื่องบทเกมรักเกมหัวใจ การจบการศึกษาเป็นในแง่ที่ดี ตัวละครหลายคนรวมทั้งตัวเอกตระหนักได้ในชั่วโมงฝันว่าไม่ได้มีตนคนเดียวที่มีปัญหา ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องซ่อนตัวตนอีกด้านไม่ให้สังคมรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยด้านที่สวยงามและด้านที่น่าเกลียด
ตอนแรกมาชิโระกลัวชั่วโมงความฝันที่ทำให้เขาได้เห็นด้านที่คิดว่าอ่อนแอของตัวเอง เคยโดดเรียนเพื่อไม่ต้องเจ็บปวด แต่สุดท้ายเขาก็สามารถยิ้มกับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ว่าจะเป็นในด้านดีหรือด้านไม่ดี เขาเลิกกลัวชั่วโมงฝัน แล้วตัดสินใจหยิบกุญแจไขประตูจบการศึกษาออกไปสู่สังคมที่แท้จริง
ภายใต้ตัวตนที่ถูกสังคมคาดหวังในฐานะของเพศชายที่แข็งแกร่ง พวกเขาต่างต้องซ่อนตัวตนที่ไม่สมบูรณ์แบบไว้ในขณะที่เพศหญิงก็ไม่สามารถไขว่คว้าหาความสุขด้วยตัวเอง ทว่าความเป็นจริงทุกคนต่างก็มีทั้งความรัก โกรธ เกลียดชัง และตัวตนที่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีเจ้าหญิงบนหอคอย และไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาว ผู้หญิงที่ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอ และผู้ชายที่ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเพศใด ทุกคนก็สมควรมิสิทธิ์เลือกที่จะมีความสุขในแบบตัวเองทั้งนั้น
นอกจากเรื่องบทบาทของเพศหญิงแล้ว การ์ตูนทั้งสองเรื่องมีประเด็นเรื่องบทบาทของเพศชายอยู่ด้วย ในเรื่องอูเทนา ผ่านดิออสและอาคิโอะ ส่วนเรื่องบทเรียนลับเกมหัวใจ ตัวละครที่เข้าข่ายประเด็นนี้คือรุ่นพี่คุโรซากิ ประธานชมรมเคนโด ส่วนโชแม้จะมีภาพลักษณ์หนุ่มเพลย์บอย แต่ด้วยความที่เป็นตัวละครซึ่งมีสาวหมายปองเยอะ จึงน่าจะจัดเข้าในกลุ่มเจ้าชายได้ด้วยเหมือนกัน
ตรงข้ามกับเพศหญิง ตัวละครชายในทั้งสองเรื่องต่างมีภาพลักษณ์ยิ่งใหญ่ ชวนให้พึ่งพา ดิออสเป็นเจ้าชายแสนอ่อนโยนในความทรงจำของอูเทนา เขาคือผู้ที่ให้กำลังใจและพลังแก่เธอที่จะมีชีวิตอยู่ ส่วนอาคิโอะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่สุขุมเป็นผู้ใหญ่ โชเป็นหนุ่มเพลย์บอย แถมยังมีฝีมือเคนโดเก่งกาจแม้ไม่ค่อยได้ซ้อม และรุ่นพี่คุโรซากิเองก็เป็นถึงหนุ่มหล่อประธานชมรมเคนโด ลูกชายของนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ ทั้งยังนิสัยใจดี อ่อนโยน คอยเป็นที่ปรึกษามาชิโระเสมอ
ตัวละครทั้ง 4 แสดงถึงอุดมคติของเพศชายที่สังคมวาดไว้ ไม่ว่าจะเป็นฐานะที่สูงหน้าที่การงานที่ดี เป็นที่ยอมรับด้านฝีมือ ทั้งยังต้องใจดีคอยปกป้องเป็นที่พึ่งพึงของเพศหญิงที่อ่อนแอ ทว่าสังคมกลับต้องการความดีไม่สมจริงเช่นนี้ในเพศชาย และน่าจะเป็นเหตุที่ทำให้การ์ตูนทั้งสองเรื่องแสดงบทบาทของพวกเขาในแง่เสียดสีประชดประชันกับภาพที่สังคมคาดหวัง เพราะภายใต้ภาพลักษณ์เหล่านั้น พวกเขากลับเต็มไปด้วยความหลอกลวง และอ่อนแอ
ดิออส และอาคิโอะเป็นตัวละครที่แสดงขั้วตรงข้ามกันมาก ความใจดีของดิออสที่ช่วยเหลืออูเทนา และแองจี้ ความเห็นแก่ตัวของอาคิโอะที่หลอกใช้ผู้หญิงที่รักเขาเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ทว่าความจริงทั้งสองกลับเป็นคนๆ เดียวกัน ดิออสคือเจ้าชายที่อูเทนาตามหามาตลอด แต่กลับเป็นตัวละครที่จับต้องไม่ได้ เขาเป็นเหมือนวิญญาณที่หายไปมา คอยให้กำลังใจอูเทนา ทว่าคนที่เธอและแองจี้สามารถสัมผัสได้กลับเป็นอาคิโอะที่ทำร้ายพวกเธอ เหมือนเป็นการบอกโดยอ้อมว่าเจ้าชายที่ผู้หญิงฝันถึง คนที่ใจดี รัก เอาใจใส่ พร้อมปกป้องพวกเธออาจจะไม่มีอยู่จริง
ในฉากที่อูเทนากำลังร้องไห้ที่ไม่อาจช่วยแองจี้ได้ ภาพของดิออสที่ให้กำลังใจเธอกลับขี่ม้าหมุนในสวนสนุก เป็นเจ้าชายปลอมๆ ที่เน้นย้ำสถานะของหญิงสาวที่ต้องอ่อนแอกว่าผู้ชาย แต่เมื่ออูเทนาตัดสินใจจะช่วยแองจี้ด้วยพลังของตัวเอง ภาพของเขาก็หายไป ในขณะที่ตัวตนของอาคิโอะไม่เคยเลือนรางเหมือนดิออส เขายังคงพยายามเปิดประตูหนามกุหลาบด้วยดาบที่ชิงมาจากอูเทนา ปล่อยให้เธอร้องไห้แทบขาดใจอยู่เบื้องหลัง และใช้แองจี้เป็นเป้าหลอกให้โดนดาบโจมตีแทน ดิออสเป็นแค่อีกภาคของเขาที่สังคมคาดหวังกันไปเองต่างหาก
บทบาทของรุ่นพี่คุโรซากิในเรื่องบทเรียนลับเกมหัวใจค่อนข้างคล้ายกับดิออส เขาเป็นรุ่นพี่นิสัยดี เป็นที่พึงพาของรุ่นน้อง ทว่าเบื้องหลังใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขากลับกำลังทุกข์กับหน้าที่ถูกพ่อและคนรอบข้างกำหนดให้ ต้องเป็นคนดี ต้องสง่าผ่าเผย ต้องเรียนเก่ง ต้องเข้มแข็ง ต้องเป็นที่พึ่งของคนอื่น เขากลายเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ได้เพียงก้มหน้ารับคำสั่ง เหมือนดั่งนักรบที่ทำได้เพียงรับคำสั่งผู้เป็นนาย สวมหมวกเหล็กปิดบังหน้าตาออกไปรบ ภาพของเขาในความฝันจึงเป็นอัศวินในชุดเกราะสีดำที่เที่ยวฆ่าทำร้ายคนร่วมฝันคนอื่น ถากถางความอ่อนแอของเพศหญิงของมาชิโระ และถึงขั้นพยายามข่มขืนอีกฝ่าย แสดงตัวตนด้านตรงข้ามกับสิ่งที่เคยทำเป็นปรกติราวกับกำลังประชดประชันชีวิตที่ไม่อาจเลือกทางเดินได้ของตน
ในขณะที่รุ่นพี่คุโรซากิต้องเก็บความต้องการจริงๆ ที่ไม่ได้อยากเป็นชายในอุดมคติตามที่ใครๆ คาดหวัง โช ก็เป็นตัวละครที่แสดงสิ่งที่ตรงข้ามกันออกมา เขาเป็นหนุ่มเพลย์บอย เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย และเคยพยายามใช้กำลังกับมาชิโระที่ตัวเองบอกว่าชอบ ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่สนใจสายตาใคร ทว่ากลับไม่มีใครรู้เลยว่าตัวตนในความฝันของเขาจะเป็นเพียงตุ๊กตาหมีที่ไม่อาจแม้แต่จะขยับแขนขา หรือเปล่งเสียงใดๆ ได้แต่เพียงให้ภาพหลอนของพี่สาวในวัยเด็ก ผู้สวมชุดโลลิต้าสีดำเป็นคนอุ้มไปมาเท่านั้น
สมัยเด็กโชกับพี่สาวสนิทกันมาก ทว่าการหย่าของพ่อแม่ทำให้ทั้งสองถูกแยกจากกัน เขาอยู่กับแม่ผู้บ้างาน ส่วนพี่สาวอยู่กับพ่อ และแม่เลี้ยง เด็กหญิงสัญญากับโชว่าเธอจะคิดถึงเขาเสมอ และจะกอดตุ๊กตาหมีไว้ตลอดเสมือนเป็นตัวแทนของน้องชาย โชเชื่อเช่นนั้น แต่วันหนึ่งที่เขาต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง เขาก็ตัดสินใจไปหาอีกฝ่าย สิ่งที่เด็กชายเห็นคือเด็กหญิงในชุดโลลิต้าสีขาวที่กำลังอุ้มลูกหมาหน้าตาน่ารัก หาใช่ตุ๊กตาหมีตัวนั้น เขาผิดหวังมากที่รู้ว่าพี่สาวไม่ได้คิดถึงตนเหมือนที่ตนคิดถึงอีกฝ่าย เด็กชายวิ่งฝ่าฝนกลับบ้าน แต่ก็มีไข้ขึ้นจนล้มลงที่สวนสาธารณะ ที่นั่นโชได้พบกับพี่สาวในชุดโลลิต้าสีดำ ผู้อุ้มตุ๊กตาหมีไว้ เธอให้กำลังใจเขาและนำทางไปถึงป้อมตำรวจ และนับตั้งแต่วันนั้นโชก็มีชีวิตอยู่ได้โดยมีภาพหลอนของพี่สาวในจินตนาการที่สวมชุดสีตรงข้ามกับพี่สาวที่หักหลังเขาเป็นคนนำทาง
โชเลิกติดต่อพี่สาวตัวจริง มีความสุขอยู่กับพี่สาวที่สร้างขึ้น ทว่าในที่สุดเขาก็คิดได้ว่าไม่ควรทำเช่นนี้ต่อไป เขาพยายามมีความรักโดยหวังว่านั่นจะทำให้พี่สาวในจินตนาการหายไป ทว่าก็ไม่เคยเป็นผลสักที เขาถูกผูกมัดและชักจูงโดยเธอเรื่อยมา ตอนที่เขาตัดสินใจฆ่าตัวตนของเธอในความฝัน ภาพของพี่สาวที่ถูกเขาบีบคอได้เปลี่ยนเป็นตัวเขาในวัยเด็ก โชได้รู้ตัวว่าสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ภาพหลอนที่เขาสร้างขึ้น ไม่ใช่พี่สาวที่เขาคิดว่าหักหลัง แต่เป็นตัวของเขาเองที่คาดหวังจากเด็กผู้หญิงที่อายุมากกว่าตนไม่กี่ปีมากเกินไป และมีจิตใจที่อ่อนแอจนต้องพึ่งพาภาพมายา
โรงเรียนและการจบการศึกษา
เคยมีใครบางคนพูดไว้ว่าโรงเรียนเป็นโลกจำลองของสังคมใบใหญ่ที่ทำให้เหล่านักเรียนได้เรียนรู้ ปรับตัว ก่อนออกไปเผชิญหน้ากับของจริง สำหรับการ์ตูนทั้งสองเรื่องคำกล่าวนี้คงไม่ผิดไปมากนัก โรงเรียนเป็นฉากเกือบทั้งหมดของเรื่องราว แม้จะมีฉากที่เกิดนอกโรงเรียนบ้าง แต่มันก็ยังมีอะไรบางอย่างทำให้เรามองเห็นความเป็นไปเหล่านั้นได้ไม่ชัดเจน และเหมือนมีเพียง “ผู้ที่จบการศึกษา” เท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสมันได้ ทุกคนที่ต้องออกจากโรงเรียนจะหายไปจากความทรงจำของผู้ที่อยู่ในโรงเรียนราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน บางทีโรงเรียนในความหมายของทั้งสองเรื่องอาจจะหมายถึงกรอบของสังคม และหากใครได้ถูกขับออกจากไปจากสังคมนี้แล้ว พวกเขาก็ย่อมไม่มีตัวตนในความทรงจำ
เวลาที่เราทำอะไรผิดจากที่สังคมคาดหวัง แม้เราจะเก็บความลับนั้นไว้ในใจ แต่เราก็ยังอยู่ในสังคมต่อไปได้ แต่หากเราประกาศว่าเราไม่ได้เป็นไปตามที่สังคมคาดหวัง เราก็ถูกสังคมประยามหยามเหยียดจนเกิดความทุกข์ขึ้นอีก ทุกข์แบบไหนที่ดีกว่ากัน จะเลือกอยู่ในโรงเรียน หรือจบการศึกษา ตัวละครในเรื่องบางคนอยากออกไป แต่หลายคนก็ไม่ และบางคนก็อาจเลือกที่จะจบทุกอย่างด้วยการหายไปตลอดกาล
อูเทนาเลือกจะเป็นเจ้าชายเพื่อปกป้องแองจี้ เลิกใฝ่ฝันให้ผู้ชายมาปกป้อง และเป็นฝ่ายลุกขึ้นสู้เพื่อความสุขด้วยตัวเอง ทว่าเมื่อแองจี้เอื้อมมือมาจับมือของเธอราวกับยอมรับความคิดนั้น ทั้งคู่กลับถูกแยกจากกัน และดาบมากมายก็หันทิ่มแทงจนเธอต้องออกจากโรงเรียน ใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่เคยมีตัวตน
มีหลายคนตีความเรื่องดาบที่แทงอูเทนาไว้หลายอย่าง แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ามันน่าจะหมายถึงสายตาของสังคมที่ไม่ยอมรับความรักที่ผิดแปลกจากที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาจึงทำร้ายและขับไล่เธอออกไปจากกลุ่ม และเลือกจะเหลือแองจี้ที่มีท่าทีจะเข้าพวกได้มากกว่าเอาไว้ ทว่าภายหลังแองจี้ก็ตัดสินใจออกจากโรงเรียนเพื่อตามหาอูเทนา และหายไปจากความจำของผู้คนในโรงเรียนเช่นกัน
ในเรื่องบทเกมรักเกมหัวใจ การจบการศึกษาเป็นในแง่ที่ดี ตัวละครหลายคนรวมทั้งตัวเอกตระหนักได้ในชั่วโมงฝันว่าไม่ได้มีตนคนเดียวที่มีปัญหา ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องซ่อนตัวตนอีกด้านไม่ให้สังคมรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ทุกคนล้วนเต็มไปด้วยด้านที่สวยงามและด้านที่น่าเกลียด
ตอนแรกมาชิโระกลัวชั่วโมงความฝันที่ทำให้เขาได้เห็นด้านที่คิดว่าอ่อนแอของตัวเอง เคยโดดเรียนเพื่อไม่ต้องเจ็บปวด แต่สุดท้ายเขาก็สามารถยิ้มกับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ว่าจะเป็นในด้านดีหรือด้านไม่ดี เขาเลิกกลัวชั่วโมงฝัน แล้วตัดสินใจหยิบกุญแจไขประตูจบการศึกษาออกไปสู่สังคมที่แท้จริง
ภายใต้ตัวตนที่ถูกสังคมคาดหวังในฐานะของเพศชายที่แข็งแกร่ง พวกเขาต่างต้องซ่อนตัวตนที่ไม่สมบูรณ์แบบไว้ในขณะที่เพศหญิงก็ไม่สามารถไขว่คว้าหาความสุขด้วยตัวเอง ทว่าความเป็นจริงทุกคนต่างก็มีทั้งความรัก โกรธ เกลียดชัง และตัวตนที่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีเจ้าหญิงบนหอคอย และไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาว ผู้หญิงที่ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอ และผู้ชายที่ไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเพศใด ทุกคนก็สมควรมิสิทธิ์เลือกที่จะมีความสุขในแบบตัวเองทั้งนั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น