Spoil NieR Gestalt/Replicant Part 19 ไคเน



หลังจากที่ได้ฉากจบ A พอเล่นรอบที่ 2 เกมจะให้เราเริ่มเนื้อเรื่องต่อในช่วงครึ่งหลัง ตอนที่เอมิลกำลังใช้เวทมนต์คลายคำสาปกลายเป็นหินให้ไคเน เราจะได้รู้ว่าตอนที่เธอกลายเป็นหิน หญิงสาวฝันถึงอดีตที่ผ่านมาของตน แล้วอย่างที่เรารู้กันว่าเกมนี้โดนตัดงบ อดีตของเธอก็เลยเป็นนิยายให้อ่านกันอีกแล้ว

ไคเนเกิดที่เมืองเอรีย์ เพราะมีเพศกำกวมทำให้พ่อแม่ของเธอต้องทนลำบากจากการไม่ได้รับการยอมรับจากคนในหมู่บ้าน ทั้งสองเสียชีวิตทิ้งไคเนไว้เพียงลำพัง เด็กหญิงกลายเป็นเป้าหมายการรังแกจากเด็กในหมู่บ้าน โดยมีหัวโจกเป็นเด็กชายตัวใหญ่ที่ชื่อว่าดีโม ไคเนได้เพียงร้องไห้ เธอทั้งถูกทุบตี เตะต่อย กลิ้งไปมาบนพื้นราวลูกบอล ถูกเอาหินทุบและปาใส่จนเลือดออกเต็มตัว ซ้ำผู้ใหญ่ในหมู่บ้านก็ทำเพียงแค่มองราวกับการที่ลูกหลานของตนรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไคเนนึกอยากตายไปให้พ้นๆ

“เฮ้ย ดูสิ ไอ้ตัวประหลาดมันร้องไห้ด้วย เป็นอะไรไปล่ะ เพราะว่าทุกคนเกลียดแล้วก็อยากให้เจ้าตาย อย่างนั้นเหรอ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย จะมัวทำตัวเป็นพวกตัวเมียไปทำไม ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าเจ้าเป็นอะไร”

ไคเนปิดตาลง รอคอยให้ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกครั้ง ทว่ามันก็ไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อเธอเปิดตาที่กลายเป็นสีแดงเพราะเส้นเลือดแตกขึ้นข้างหนึ่ง เธอก็เห็นดีโมกรีดร้องด้วยความเจ็บ มีเลือดออกมาจากนิ้วของเด็กชาย ทุกสายตามองไปยังหญิงชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปนัก

“ว่ายังไง เจ็บเป็น xหรี่ถูกตีเลยสินะ ข้าจะจัดการแผลของเจ้าให้แสบทรวงก่อนที่เจ้าจะมีโอกาสได้โยนหินอีกก้อน แล้วถ้าข้าเห็นไอ้เด็กเปรตตัวไหนกล้าแตะต้องไคเนของข้าอีกล่ะก็ ข้าไม่จบแค่ปาก้อนหินใส่แน่ ถ้าแน่จริงก็ลองดู!!”

หญิงชราพูดหยาบคายอย่างที่ไม่ควรใส่เด็กชาย ไม่ว่าเปล่าเธอจับแผลของดีโมไว้แน่นแล้วถูกไปมาจนเด็กชายร้องไห้ด้วยความเจ็บ

“โอ๊ย หยุดนะ ทำอะไรของเจ้าน่ะ!!”
“หุบปากซะ ไม่มีใครตายเพราะแผลถลอกหรอก!!”

“เจ้าเอาหินทุบข้า ไอ้สารเลว หินนั่นมันใหญ่มากนะ เจ้าตั้งใจจะฆ่าข้าใช่ไหม!!”
“ตายก็ดี จะได้หายโง่สักที”

พอได้ยินดังนั้นดีโมก็มองหญิงชราด้วยความหวาดกลัว ก่อนหันมามองไคเนราวจะโทษความเป็นความผิดของเธอ เขาเริ่มก้าวถอยหลัง

“ออกไปจากหมู่บ้านซะ ไม่มีใครต้องการพวกเจ้าสองคนหรอก!!!”

ดีโมตะโกน แต่เมื่อเห็นหญิงชราหยิบก้อนหินขึ้นมาอีกก้อนเขาก็รีบวิ่งหนีไป เรียกเสียงหัวเราะด้วยความสะใจจากหญิงสูงวัย ก่อนที่เธอจะคุกเข่าลงข้างไคเน ฉีกเสื้อผ้าของตนมาพันแผลให้เด็กหญิง

“โถ่ ไคเน ทำไมเจ้าไม่สู้กลับล่ะ เจ้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าพวกนั้นมากนะ”

พอได้รับการปฏิบัติด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต ไคเนก็รีบถอยห่าง คำด่ามากมายที่ได้รับทำให้เด็กหญิงคิดว่าตนเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่น้ำตาแห่งความเสียใจกลับไหลออกมา

“อย่าทำดีกับข้าเลย ข้าไม่ควรได้รับสิ่งนี้ ไม่ควรได้รับอะไรทั้งนั้น ทุกคนเกลียดข้า พวกเขาบอกว่าข้าเป็นซวยนำพาเรื่องไม่ดี พวกเขาบอกว่าข้าเป็นตัวประหลาด ข้าอยากตาย”

แม้ว่าหญิงชราจะอายุมากแล้ว แต่เธอกลับมีเรี่ยวแรงมากอย่างไม่น่าเชื่อ เธอจับไหล่เด็กหญิงไว้ ทำให้อีกฝ่ายวิ่งหนีไปไม่ได้

“อย่าพูดอย่างนั้นไคเน แม่น้ำนั้นทั้งกว้างและลึก พวกมันต้องไหลผ่านซอกหลืบมากมายเพื่อให้ชีวิตแก่โลกใบนี้ เจ้าเองก็ต้องต่อสู้จนกว่าลมหายใจของเจ้าจะหมดลง เข้าใจไหม เจ้าเข้าใจความเจ็บปวดจากการต้องสูญเสียคนใกล้ตัวไป ไคเน แต่นั่นเป็นเพราะว่าเจ้ามีชีวิตรอดมายังไงล่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้นความรักที่มีต่อหญิงชราก็ก่อตัวขึ้นในใจของไคเน ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้จักย่า แต่เมื่อพ่อแม่ของเธอเสียชีวิต หญิงชราก็รับเธอมาเลี้ยงดูอย่างรวดเร็ว แม้ด้วยนิสัยกักขฬะจะทำให้ปีแรกๆ ที่พวกเธอเริ่มอาศัยอยู่ด้วยกันไม่ราบรื่นนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปไคเนและย่าของเธอก็เข้ากันได้ดีในที่สุด

“ข้าทำให้ย่าลำบากหรือเปล่าคะ”
“โถ่ ไม่หรอก อย่างี่เง่าไปหน่อยเลย”

“แต่ว่า... แต่ว่าร่างกายของข้า... มันไม่ปรกติ ถ้าข้าเป็นเหมือนคนปรกติล่ะก็ พ่อกับแม่คงไม่...”
“ห่ะ หยุดพูดอะไรส่งเดชได้แล้ว เจ้าเป็นหลานข้า แล้วข้าก็รักเจ้า ถ้ามีใครหน้าไหนที่มันมีปัญหาล่ะก็ เดี๋ยวมันก็ได้ไปลงนรกเอง”

ย่าพูดพลางเอามงกุฎดอกไม้จัดลงบนผมของเธอไปพลาง ความสวยงามของมันทำให้เด็กหญิงร้องไห้ออกมา

“นี่มันดอกลูนาร์เทียร์นี่นา ย่าคะ ท่านทำให้ข้าเหรอ ย่าไปหามันมาจากไหนคะ”

ลูนาร์เทียร์เป็นดอกไม้ในตำนาน แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่จริง เพียงแค่หาได้ยากมากเท่านั้น และย่าของเธอก็นำมันกลับมามากมาย

“โอ๊ย ก็แค่เจอข้างทางระหว่างที่ข้าไปซื้อของนั่นแหละ”

แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ไคเนรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไปหามันมาอย่างยากลำบาก ความจริงนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบด้วยความตื้นตัน

“ดูดีใช่ไหมล่ะ ถึงนิ้วแก่ๆ ของข้าจะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อย แต่มันก็ออกมาเข้ากับเด็กผู้หญิงสวยๆ อย่างเจ้าว่าไหม”
“ย่าคิดว่าหนูสวยเหรอคะ”

ไคเนถาม ใบหน้ากลายเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย

“แน่นอนอยู่แล้วสิ ถามอะไรโง่ๆ”
“ขอบคุณค่ะ... ย่า”
“พวกเราไม่เป็นอะไรแน่ ตราบใดที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครทำอะไรเราได้แน่นอน”

ไคเนไม่จำเป็นต้องหนีอีกแล้ว เธอค้นพบบ้านที่เธออยากกลับ ย่ารักเธอ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กหญิง



วิธีที่จะไม่ตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้านที่ดีที่สุดคือต้องออกไปพ้นสายตาของพวกเขา หญิงชราและไคเนย้ายออกมาสร้างกระท่อมเล็กๆ บริเวณนอกหมู่บ้าน กระท่อมคับแคบไม่มีแม้แต่กำแพงไว้กั้นลมฝน แม้จะไม่มีเงินจนต้องจับแมลงมาทำอาหาร แต่ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งวันหนึ่งหญิงชราที่กลับจากการไปแบกน้ำก็ล้มลง วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ไคเนตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายแก่ตัวลงไปมากแค่ไหน แล้วหน้าที่ของเธอกับหญิงชราก็สลับกัน เด็กหญิงเริ่มขึ้นมารับผิดชอบดูแลทำงานในบ้าน เป็นฝ่ายคอยช่วยเหลือคุณย่าของเธอแทน

ขาของหญิงชราไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นและมีอาการปวดอยู่บ่อยครั้ง ไคเนจึงจำเป็นต้องเข้าเมืองไปซื้อยาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้กลับไปหลายปี ตอนแรกย่าของเธอกังวลมาก แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่าตนเองไม่อาจอยู่ปกป้องอีกฝ่ายได้ตลอดไป เธอจึงยอมให้หลานสาวทำตามที่ต้องการ

ทุกสายตาของชาวบ้านกำลังจ้องมองมาที่หญิงสาว เสียงนินทาว่าร้ายต่างๆ ลอยมาให้ได้ยิน ไคเนพยายามทำใจให้เย็นลง อดีตอันเลวร้ายในเมืองนี้ตามหลอกหลอนเธอ ทว่าเธอก็จำเป็นต้องเดินต่อไป เธอต้องแข็งแกร่งเพื่อช่วยเหลือคุณย่า หญิงสาวกลั้นใจเข้าไปถามทางไปร้านขายยาจากหญิงแก่คนหนึ่งซึ่งมองเธอราวเห็นหนอนแมลง ทว่าไคเนกลับพบว่าในดวงตานั้นมีความกลัวแฝงอยู่ด้วย เมื่อเธอถามอีกฝ่ายย้ำอีกครั้ง หญิงชราก็ชี้นิ้วไปที่บ้านหลังหนึ่ง

ไคเนคิดว่าจะมีก้อนหินปามาที่เธอ แต่สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นในใจของหญิงสาว ตอนนี้เธอไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอโตและแข็งแกร่งขึ้น ทว่าเมื่อเข้าไปในร้านขายยา เธอก็ได้พบกับคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด เขาคือดีโม

“โอ้ พระเจ้า ข้าหมายถึง เจ้ามาทำอะไรที่นี่ไอ้ตัวประหลาด”

ไคเนทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย และเข้าไปสอบถามยากับคนขาย

“อ๋อ ไอ้แก่นั่นเข่าใกล้ไปแล้วสินะ”
“ไปลงนรกซะดีโม”

เมื่อได้ยินหญิงสาวเถียงใส่ตนเป็นครั้งแรก ดีโมก็เบิกตากว้าง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เขาจะทันได้ทำอะไรเธอ เจ้าของร้านขายยาก็ต่อว่าทั้งสองว่าถ้ามีเรื่องกันในร้านของเขา เขาจะเตะทั้งคู่ออกไปซะ ดีโมจึงยอมออกจากร้าน ไคเนหายใจได้ทั่วท้องอีกครั้ง เริ่มสังเกตสิ่งของภายในร้านในขณะที่คนขายกำลังจัดยาให้ แล้วเธอก็สังเกตเห็นรูปวาดก็เด็กหญิงคนหนึ่ง เจ้าของร้านบอกเธอว่านั่นคือลูกสาวที่เสียไปแล้วของเขา

“รูปวาดนี่ดีนะ มันช่วยให้คนใกล้ตัวเราได้มีชีวิตตลอดไปในกระดาษแผ่นนั้น”

เจ้าของร้านบอกก่อนจะมอบสีชอล์กให้ไคเนเพราะคิดว่าหลังจากวาดรูปภาพของลูกสาวสำเร็จ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าตัวเขาได้ยินข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับหญิงสาวมากมาย แต่เขาเป็นเพื่อนเก่าของคาลิ ย่าของเธอ เขาติดหนี้บุญคุณอีกฝ่ายไว้มาก และคิดว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หญิงชราต้องออกไปจากเมืองอย่างนั้น บางทีคาลิน่าจะดีใจหากไคเนวาดรูปของเธอไว้

เมื่อไคเนกลับมาบ้าน เธอพบว่าย่าของเธอกำลังนอนอยู่บนเตียง จึงไม่อยากเข้าไปรบกวน ทว่าเธอคิดผิด หญิงชราเป็นห่วงหลานเกินกว่าจะหลับลง เมื่อเห็นหญิงสาวกลับมา เธอก็รีบลุกขึ้นมาสำรวจร่างกายของอีกฝ่าย เมื่อพบว่าไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บใดๆ เธอก็มีท่าทีผ่อนคลาย

ไคเนหยิบสีชอล์กออกมาขอให้ย่าเป็นแบบวาดรูปให้ แม้จะแสดงท่าทีหงุดหงิดในตอนแรก แต่สุดท้ายหญิงชราก็ยอมนั่งนิ่งๆ ให้หลานสาววาดภาพของตน แน่นอนว่าฝีมือของคนที่เพิ่งเคยวาดรูปครั้งแรกแย่ราวเด็กอนุบาล ทว่าคาลิกลับหัวเราะชอบใจ

“ไคเน เจ้านี่ได้เลือดข้าไปจริงๆ หัวทึบเหมือนกันไม่มีผิด แต่ข้าก็ชอบมันนะ”
“แต่ว่า...”
“หึ ข้าจะไม่ฟังเจ้าบ่นว่ารูปนี้มันน่าเกลียดขนาดไหนหรอก มันถูกวาดด้วยหัวใจ และข้าจะเก็บรักษามันไว้ให้ดีที่สุด”

ไม่ว่าเปล่า หญิงชราก็จัดการตั้งรูปนั้นไว้ที่ห้องครัวด้วยความภาคภูมิใจ ไคเนมักเห็นย่าของเธอมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทุกครั้งที่มองดูมัน หญิงชรากล่าวว่ามันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างที่เธอไม่เคยมีมาก่อน และเธอก็หวังว่าหลานสาวของเธอจะได้พบความสุขนี้เช่นกัน ชั่วนาทีนั้นไคเนทั้งรู้สึกถึงความรัก ความภูมิใจ กับความสุขที่ผสมปนเปกัน และเธอสาบานกับตนเองว่าจะไม่มีวันลืมความรู้สึกนี้ไปตลอดกาล



วันเวลาผ่านไป ไคเนตัดสินใจจะสร้างกำแพงหินให้กับบ้านเพื่อปกป้องคนที่เธอรัก ใช่แค่กับสภาพอากาศหรือโจรขโมย แต่เพื่อป้องกัน Shade ด้วย เธอจะหินที่เหมาะสมขณะออกไปเก็บผลไม้ไว้สำหรับทำอาหารเย็น ทว่าวันนั้นย่าของเธอกลับดูแปลกไป หญิงชราไม่อยากให้หลานสาวออกจากบ้าน จนไคเนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย

“อีกไม่นานเจ้าก็จะได้ออกเรือนเหมือนผู้หญิงคนอื่นแล้ว เพราะฉะนั้นทั้งเรื่องกำแพงทั้งเรื่อง Shade มันไม่สำคัญอะไรหรอก มาคุยกันดีกว่าว่าเจ้าจะสวยแค่ไหนในวันสำคัญนั่น เจ้าสวยมาก ไม่มีอะไรในโลกสวยงามได้เหมือนเจ้าอีกแล้ว ข้าภูมิใจในตัวเจ้าเหลือเกิน”

ย่าของเธอเริ่มทำตัวไม่มีเหตุผล แต่ต่อมาก็หญิงชราก็รู้สึกตัว เธอกล่าวขอโทษหลานสาว และบอกให้อีกฝ่ายทำเรื่องที่สมควรทำ ตอนแรกไคเนคิดว่าจะอยู่บ้านตามที่เธอต้องการ แต่หญิงชราก็ปฏิเสธความตั้งใจนั้น เธอยืนส่งไคเนที่หน้าบ้าน และเมื่อหญิงสาวมองกลับไปก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ ย่าของเธอแก่ตัวลงมากจริงๆ

วันนั้นไคเนเก็บผลไม้ได้ไม่มากเท่าที่ตั้งใจ เธอเจอหินที่เหมาะจะนำไปทำกำแพง 2 ก้อน ทว่าเมื่อนึกถึงใบหน้าของย่าเธอก็หมดแรงใจที่จะนำมันกลับ หญิงสาวเดินกลับบ้านไปทั้งตัวเปล่า หวังเพียงอย่างเดียวว่าจะได้เห็นใบหน้าของย่า แต่แล้วหญิงสาวกลับเห็นกลุ่มควันสีดำพุ่งขึ้นมาจากบริเวณที่น่าจะเป็นบ้านของเธอ ด้วยความตกใจไคเนรีบวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ แม้จะล้มจนเลือดออก เธอก็ยังลุกขึ้นออกวิ่งต่อ กระนั้นจริงนั้นทำให้เธอต้องหวาดกลัวยิ่งกว่า เพราะนั่นคือไอสีดำของ Shade รูปร่างคล้ายกิ้งก่าขนาดยักษ์

ไคเนพยายามตะโกนไล่ให้ Shade ตัวนั้นออกไปจากบริเวณบ้าน ราวกับมีความคิด มันมองใบหน้าของเธอสลับกับบ้านหลังน้อยตรงหน้า ก่อนที่หญิงสาวจะเห็นร่างเล็กร่างหนึ่งกำลังโบกมือให้เธอจากบ้านหลังนั้น ย่าของเธอยังมีชีวิตอยู่

“ย่าคะ!!”

หญิงสาววิ่งไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทันใดนั้น Shade ยักษ์ก็คำรามเสียงดัง แรงจากเสียงนั่นพัดต้นไม้หักโค่น ไคเนตัวปลิวขึ้นไปบนอากาศก่อนตกกระแทกลงบนหินจนมึนงงไปหมด ขาของเธอได้บาดเจ็บจนขยับไม่ได้ แม้หญิงสาวจะสั่งตัวเองให้ออกวิ่งเท่าไรก็ไร้ผล ตอนนั้นเอง Shade ก็ทำลายบ้านของเธอ เหยียบร่างของหญิงชราจมลงดิน เลือดพุ่งออกมาจากปากกระจายเต็มพื้น

ไคเนลุกขึ้นยืนแต่ก็ล้มลงไปอีกครั้ง บางทีเข่าข้างหนึ่งหรือไม่ก็ทั้งสองข้างของเธอจะหักแล้ว โดยไม่สนใจความเจ็บปวด หญิงสาวใช้แขนลากตัวเองไปตามพื้น ทิ้งเลือดไว้เป็นทางอยู่ด้านหลัง

“ย่าคะ แข็งใจไว้... อีกแค่นิดเดียว...”

ใบหน้าของหญิงชราเริ่มเขียวคล้ำ นัยน์ตาเลื่อนลอย Shade ยักษ์มองผู้หญิงทั้งสอง เสียงคล้ายเสียงหัวเราะดังขึ้นจากมัน ไคเนมองมันด้วยความเคียดแค้น เธอไม่เคยคิดว่าพวก Shade จะมีความรู้สึก แต่เห็นชัดว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี่กำลังสนุกกับความสิ้นหวังของพวกเธอ มันยกขาขึ้นพอให้หญิงชรากลับมาหายใจได้อีกครั้ง เพื่อดูปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เข้ามาใกล้มากขึ้น ไคเนรวบรวมกำลังทั้งหมดลุกขึ้นมา แม้ขาของเธอจะเบี้ยวจนผิดรูป เธอก็ยังเดินไปหาเจ้าปีศาจร้ายนั่น ดึงมีดเล่มเล็กจากระเป๋าเสื้อแทงเข้าไปที่เท้าของมัน

“คืนนางมา คืนนางมาให้ข้า!!!”

ไคเนกรีดร้อง ทว่าราวกับกำลังกระแทกมีดลงบนหิน เพียงไม่กี่ครั้งอาวุธของเธอก็หักสะบั้น เจ้า Shade หัวเราะอีกครั้งก่อนสะบัดหางของมันเข้าใส่หน้าอกของเธอ หญิงสาวกระเด็นไปกระแทกกับบ้านที่พังเสียหาย ขณะที่เธอนอนจมกองเลือด เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งก็ดังให้ได้ยิน

“ไค...เน”

ภาพเบื้องหน้าของไคเนเบลอจนมองอะไรไม่ชัด แต่เมื่อเธอเพ็งมอง เธอก็เห็นมือของหญิงชราพยายามยื่นมาหาเธอจากกลุ่มควัน

“ย่า...”
“ไคเน... หนีไป... เจ้าสู้มัน... ไม่ได้หรอก...”

ไคเนคว้ามือนั้นไว้ ออกแรงดึงด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่มี

“ย่าคะ อย่าพูดแบบนั้น เราต้องไปด้วยกัน”

มือที่เปื้อนเลือดของอีกฝ่ายปัดมือของเธอออก

“ย่าคะ ไม่เอา อย่า...”
“ข้าบอกให้เจ้าหนีไปไงไอ้เด็กเวร เจ้าจะต้อง... เจ้าจะต้องมีชีวิตต่อไป...”

แต่ยังไม่ทันที่หญิงชราจะพูดจบ Shade ยักษ์ก็ขยี้เท้าของมันบนร่างของเธอ เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากนิ้วของมัน ไคเนมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา และเมื่อมันยกเท้าขึ้นมา สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเศษก้อนเนื้อไร้รูปร่างสีแดงเท่านั้น

ย่าตายแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังจับมือกับเธออยู่ ทั้งๆ ที่เธอยังจำความอบอุ่นจากมือข้างนั้นได้ ยังจำความสั่นระริกของมันได้ แต่มันหายไปในชั่วอึดใจเดียว ความทรงจำที่ผ่านมาเข้ามาในหัวของไคเนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า เธอกรีดร้องสุดเสียงจนลั่นไปทั้งภูเขา

Shade ยักษ์ค่อยๆ เดินออกไป พื้นสะเทือนไหวทุกการย่างก้าว แม้แขนและขาจะผิดรูป และหัวของเธอจะเคลื่อนจากตำแหน่งที่ควรเป็นไปอย่างน่ากลัว แต่ไคเนก็ยังยืนขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแห่งโทสะ เมื่อเห็นภาพนั้น ความทรนงก่อนหน้าของ Shade ก็สั่นคลอน มันก้าวถอยหลังดูเชิงว่ามนุษย์ที่แตกหักจะสามารถทำอะไรได้ หญิงสาวหัวเราะลั่นราวคนเสียสติ เอามีดที่หักแล้วของเธอแทงเข้าไปในเท้าของมันอีกครั้ง Shade ก้มมองเธอราวกับแมลงตัวหนึ่ง ก่อนที่มันจะปัดเธอไปกระแทกพื้น

นั่นเลือดเหรอ นี่เรา เราจะเสียเลือดจนตายอย่างนั้นเหรอ ไม่ ตายไม่ได้ ย่าบอกให้เรามีชีวิตอยู่

ในหัวของไคเนทุกอย่างตีกันไปหมด

ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามัน!ข้าจะฆ่ามัน! ข้าจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้!!

ในช่วงความเป็นและตาย ความต้องการที่จะฆ่าและความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน

Shade ที่คิดว่าเหยื่อของมันตายแล้วกระโดดจากไปพร้อมส่งเสียงคำรามทิ้งท้าย

ข้า... ฆ่ามันไม่ได้... ย่าคะ ข้าขอโทษ... ข้า.. ล้างแค้น... ให้ท่านไม่ได้...

ไคเนพยายามจะหันหน้าไปอีกทาง ทว่านั่นกลับทำให้เธอกระอักเลือดออกมา วิสัยทัศน์ของเธอแย่ลง ก่อนจะตระหนักได้ว่าเธอได้สูญเสียตาซ้ายไปแล้ว เธอหัวเราะสมเพชตนเองขณะใช้ตาข้างที่ยังมองเห็นมองบ้านที่กลายเป็นแค่เศษซาก

“ฮาๆๆ นี่เจ้ากำลังจะตายแล้วใช่ไหม”

ทันใดนั้นภาพของดีโมก็ฉายขึ้นมาในหัว ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นชายร้านขายยา เขาบอกว่าจะวาดรูปของเธอ หญิงสาวจะได้มีชีวิตตลอดไป แต่เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ เธออยากตาย อีกฝ่ายลงมือวาดภาพอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมันมาให้ดู ในเมื่อเธอปฏิเสธที่จะให้เขาวาดรูปของเธอ เขาก็จะวาดคนอื่นให้

ภาพนั้นคือภาพย่าของเธอ มันสมจริงดั่งมีชีวิต ไคเนอยากจะเอ่ยปากขอบคุณอีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นภาพวาดก็เริ่มกลายเป็นหลุมสีดำ แมลงมากมายกัดกินภาพของหญิงชรา แม้เธอจะพยายามหยุดมัน แต่ก็ไร้ความสามารถ และเมื่อเหล่าแมลงร่วงหล่นจากภาพ ไคเนก็กรีดร้องอย่างเงียบงัน ตอนนี้ภาพวาดได้กลายเป็นภาพของก้อนเนื้อไร้ค่าเสียแล้ว

“เห็นไหม” ชายร้ายขายยาดูดปากทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ตอนนี้มันเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ เหมือนเจ้าตอนนี้ไม่มีผิด ฮ่าๆๆๆ”

ข้าเป็นเหมือนอย่างนั้นเหรอ ไม่นะ ข้ากำลังจะตาย ข้ากำลังจะตาย

ไคเนหันศีรษะกลับมาจมกองโคลนด้วยความสิ้นหวัง รอคอยให้นาทีสุดท้ายมาเยือน แต่แล้วเสียงของใครบางคนที่ไม่คุ้นเคยก็กระซิบขึ้นข้างหู

“เธอมีความต้องการอะไรบ้างไหม สาวน้อย”

เสียงนั้นฟังดูดุร้ายและหยาบโล้นในเวลาเดียวกัน ไคเนอยากจะกรีดร้องยามที่เสียงนั้นเหมือนกำลังไต่อยู่ใต้ผิวหนังของเธอ ทว่ากลับไร้เสียงใดออกมา

“ความปรารถนาอย่างเช่นพวกการการสวดภาวนาน่ะ ทำไมเธอถึงไม่ลองคุกเข่าแล้วขอพรให้ได้ไปสวรรค์ดูล่ะ ได้โปรด บุรุษที่มองไม่เห็นบนฟากฟ้า ได้โปรดช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยเถอะ! ฮ่าๆๆๆ”

หลังจากได้ฟังเสียงหัวเราะโรคจิตไคเนก็ทนไม่ไหว เธอตะโกนตอบเจ้าเสียงนั่นในหัวของเธอ

ข้าไม่ขอพรอะไรทั้งนั้น ยังไงสำหรับข้ามันก็ไม่มีวันเป็นจริงอยู่แล้ว ข้ามันถูกสาป ข้ามันเป็นตัวประหลาด ข้าสมควรถูกทิ้งให้ตายอย่างนี้นี่แหละ

“ว่ะ ฮ่ะๆๆๆ เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ”

เสียงนั้นดังก้องจนหูของเธอแทบระเบิด และเมื่อหญิงสาวมองไปยังร่างกายท่อนล่างของตัวเอง ภาพของสสารสีดำ เรืองแสงกำลังคืบคลานตามขาของเธอก็ปรากฏในสายตา แต่แม้เธอจะพยายามปัดมันออก สภาพแขนของเธอก็ไม่อำนวยให้ทำเช่นนั้น เจ้าสิ่งนั้นค่อยๆ ขยับรอบเท้าของหญิงสาวก่อนเคลื่อนตัวมายังร่างกายส่วนบนของเธอ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความตาย หรือแค่เธอเสียสติไปแล้วกันแน่

ไคเนรู้สึกว่ามันกำลังขึ้นมาเรื่อยๆ รับรู้ถึงความร้อนราวถูกไฟไหม้ตามจุดที่มันสัมผัส ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะคืออะไรก็ตาม ความจริงก็คือเธอยังมีชีวิตอยู่แน่นอน

“เอาหน่า” เสียงนั้นเอ่ย “เลิกคิดมากแล้วมาต่อกันดีกว่า”

ไคเนพยายามจะปฏิเสธ จดจ่ออยู่กับความเจ็บ แต่เจ้านั่นกลับไม่พอใจขึ้นมา

“อย่าต่อต้านฉันนะสาวน้อย เธอยอมแพ้แล้วนี่ เธออยากตายแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่ยอมยกมันให้ฉันล่ะ”

คำนั้นทำให้หญิงสาวสงสัย ยกอะไรให้กัน

“ร่างกายของเธอไง ยกมันมา ยกมันมาให้ฉัน! ฉันอยากจะยืนบนพื้น อยากสัมผัสกับสายฝน อยากลิ้มรสสายลมอีกครั้ง”

เสียงนั่นหยุดไปพักหนึ่ง ถ้ามันเลียปากได้มันคงทำเช่นนั้นอยู่ และประโยคต่อมาของมันก็เต็มไปด้วยความหฤหรรษ์แสนบ้าคลั่ง

“แล้วฉันจะได้ใช้มือของเธอไปกระชากชีวิตสั่วๆ ของพวกมัน ฉันอยากจะฉีกคอหอยของพวกมันให้เป็นชิ้นๆ อยากจะอาบเลือดของพวกมันเหมือนก่อนหน้านี้!!”

ความร้อนน่าขยะแขยงกับความเจ็บปวดจากเจ้าสิ่งสีดำนั่นทำให้ไคเนอาเจียนออกมา ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัว

เจ้าเป็น... เจ้าเป็น Shade อย่างนั้นเหรอ

“ฮ่าๆๆๆ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ เธอว่ายังไงล่ะ”

สิ่งนั้นเคลื่อนที่มาถึงใบหน้าของเธอ ผ่านจมูก และไหลเข้าไปในเบ้าตาข้างซ้ายที่ว่างเปล่าของหญิงสาว ชั่ววินาทีที่มันสัมผัสกับสมอง ไคเนรับรู้ได้ถึงพลังที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต มันชวนให้ยินดีอย่างน่าประหลาด เธออยากร้องตะโกนออกมาด้วยความปิติ แต่สิ่งที่ร่างกายของเธอทำได้ก็เพียงแค่ส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เท่านั้น

“รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ จะว่ายังไงดี ฉันรู้วิธีทำให้พวกผู้หญิงมีความสุขเยอะแยะเลยนะ เพราะอย่างนั้นเอาร่างกายของเธอมาได้แล้ว เอามานี่นะ เอาร่างมาให้ฉันแล้วฉันจะทำให้เธอรู้สึกดีกว่านี้เอง นี่มันก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่หรือไง”

สิ่งนั่นเริ่มยืดรูปร่างออกเป็นแขนซ้ายที่หายไปของหญิงสาว ตอนนี้ไคเนเห็นมันได้ชัดแล้ว เธอได้ตาของเธอกลับมา มันจับใบหน้าของเธอเอาไว้ แต่หญิงสาวก็จัดการปัดมันออกทันที

“หยุดนะ...” ในที่สุดเธอก็สามารถส่งเสียงได้ แม้จะแผ่วเบาแค่เสียงกระซิบก็ตาม “หยุด...”

พอเห็นดังนั้นเจ้าสิ่งนั้นจะชะงักไปราวกำลังพิจารณาคำของเธอ มันส่องแสงเหนือร่างของหญิงสาว แล้วหายไปราวกับหมอกควัน ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังขึ้นมาอีกครั้ง

“โอ๊ย เป็นบ้าอะไรของเธอน่ะสาวน้อย เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ไหนเธอบอกว่าอยากตายไง!”

“ย่าบอกข้าว่า... ข้ายังตายไม่ได้”

แม้หลับตา ภาพของหญิงชราที่ถูก Shade ยักษ์บดขยี้ร่างและเสียงหัวเราะของมันก็ยังติดอยู่ในหัวของไคเน ตัวของเธอสั่นด้วยโทสะ และเมื่อลืมตาขึ้นก็ราวกับมีแสงสีแดงพาดผ่านดวงตาของเธอ

“เจ้านั่นมันฆ่าย่าของข้า ข้าต้องฆ่ามันก่อนตายให้ได้”

เมื่อไคเนมองแขนซ้ายของตนเอง ลวดลายแปลกประหลาดของ Shade ก็ฝังแน่นอยู่ใต้ผิวหนังของเธอ แม้จะรู้สึกเหมือนแขนปรกติของตัวเอง แต่เธอก็รู้ดีว่าแขนข้างนี้จะมีเจตจำนงเป็นของมัน

“แหม ให้ตายเถอะ สาวน้อย ดูท่าทางว่าฉันกับเธอจะเข้ากันได้ดีเลยแฮะ”

ไคเนจับแขนซ้ายของตัวเองไว้แน่น พยายามสูดหายใจลึกควบคุมสติอารมณ์

“เอาหน่า อย่าต่อต้านกันอีกเลย ความเกลียดชังคืออาหารจานโปรดของฉัน แล้วฉันก็หิวแล้วด้วย ปล่อยใจให้เป็นตามที่รู้สึกสิ โกรธเข้าไว้ ให้ความแค้นเผาไหม้จิตใจเข้าไว้ กระหายเลือดเข้าไว้ แล้วไป...”

“หุบปาก หุบปากของเจ้าแล้วออกไปจากร่างของข้าเดี๋ยวนี้!!”

“ฮ่าๆๆๆ ร่างของเธออย่างนั้นเหรอ ตายล่ะ สำคัญตัวผิดไปไหมสาวน้อย ทำไมเธอไม่ตายๆ ไปซะ แล้วฉันจะได้ยึดร่างของเธอไว้เองทั้งหมด เอาอย่างนั้นดีไหมล่ะ ฉันว่าพวกเพื่อนรักของเธอในหมู่บ้านเอรีย์คงพากันปลื้มปลิ่มที่เห็นเธอตายแน่ๆ”

ไคเนคว้าเศษแก้วที่อยู่ใกล้ๆ พลางเล็งหาร่องรอยของ Shade ที่อยู่ในตัวของเธอ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไร แขนซ้ายก็พุ่งเข้าจับข้อมือขวาบีบจนเศษแก้วหล่นออก พร้อมกันนั้นกระดูกของเธอก็แตก

“ฮ่าๆๆๆ ไอ้ผู้หญิงปัญญาอ่อน เธอเข้าสู่กระบวนการเข้าครอบครองเรียบร้อยแล้วสาวน้อย เธอไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว”

เสียงหัวเราะของมันยาวนานราวไร้จุดจบ ไคเนพึมพำอย่างไม่เข้าใจ

“กระบวนการเข้าครอบครองงั้นเหรอ....”
“ใช่ การเข้าสิงไงล่ะ เธอกับฉัน ถ้าให้พูดตามที่พวกเธอเรียกคงประมาณการใช้เวลาร่วมกันล่ะมั้ง ยังจำที่พวกชาวบ้านเรียกเธอว่าตัวประหลาดได้ไหม ตอนนี้เธอเอาคืนพวกมันได้แล้วนะ”

ไคเนเงยหน้าของเธอขึ้น น้ำตาคลออยู่ในดวงตา ท้องฟ้าดูเล็กลงและมืดมิดกว่าที่เคย เป็นเพราะ Shade อย่างนั้นเหรอ นี่คือโลกที่พวกมันเห็นอย่างนั้นเหรอ

“อืม ถ้างั้นก็... ฉันรู้ว่าการเข้าสิงนี่มันออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่มันก็ไม่เลวร้ายไปทั้งหมดไม่ใช่เหรอ เธอเองก็ได้ประโยชน์เหมือนกันนี่นา ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง แล้วตอนนี้พลังนั่นก็เป็นของเธอแล้ว สาวน้อย เธอมีศัตรูใช่ไหม มีคนที่อยากฆ่าใช่หรือเปล่า ฉันช่วยได้นะ อย่างเจ้าเด็กอ้วนที่เคยรังแกเธอ หรือเจ้า Shade ที่บดย่าของเธอ พวกเราจะจัดการยัดร่างของมันอัดเข้า x ของพวกมันเองไงล่ะ ไม่มีใครทำร้ายเธอได้แล้ว สาวน้อย ไม่มีความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว”

“เดี๋ยวนะ เจ้าเป็น Shade ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงต้องช่วยข้าฆ่า Shade ตัวอื่นด้วยล่ะ”
“นี่ฉันดูเป็นพวกเหยียดชาติพันธ์ หรือพวกฆาตกรหัวสูงอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่สนใจหรอกว่าคนที่ฆ่าจะเป็นใคร ขอแค่ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาสนุกๆ ก็พอแล้ว”

หญิงสาวตัดสินใจจะสู้ต่อไป ตอนนี้พลังของ Shade เป็นของเธอแล้ว สายลมพัดพาควันออกไปจากบ้านของเธอ และเธอก็รู้สึกยินดีกับความรู้สึกยามที่มันพัดผ่านแขนข้างใหม่ หลังจากเงียบไปนาน เจ้าเสียงนั้นก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

“เออ... เอาอย่างนี้ไหมล่ะ เธอกับฉัน เรามีเวลาดีๆ ด้วยกันได้นะ ถ้าเธอไม่ต้องการ ตอนฆ่า ฉันจะเป็นคนทำ...”
“ไม่ต้องเว้ยไอ้เวร ข้าจะเป็นจัดการเรื่องฆ่าเอง”

“ฮ่าๆๆๆ ดูเธอสิ สาวน้อย พวกเราต้องสนุกกันมากแน่ๆ!! ฟังนะ ฉันชื่อว่าไทเรนน์ แล้วเมื่อไหร่ที่เธอต้องการฉันล่ะก็ ฉันจะรอเธออยู่ที่ไอ้ชิ้นเนื้อที่เรียกว่าหัวใจนี่ เอาล่ะ ไปกันเลย ยิ่งเธอฆ่ามากเท่าไร หัวใจของเธอก็ยิ่งผุพังบิดเบี้ยวเท่านั้น แล้วฉันก็ชอบเรื่องผุผังบิดเบี้ยวสุดๆ ด้วยสิ”

“อืม” ไคเนตอบ “อย่างนั้นก็ได้ ข้าจะตามหาเจ้า Shade นั่นแล้วจัดการขยี้มันให้จมขี้ แล้วพอข้าทำสำเร็จเมื่อไร เจ้าจะเป็นรายต่อไปไทเรนน์ เตรียมล้างคอรอไว้ได้เลย”

“ฮ่ะๆๆๆ ฉันเก่งกว่าเธอนะรู้ไหม แต่ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน อ๋อ แล้วก็อีกอย่าง ถึงตอนนี้ฉันกับเธอจะใช้ร่างเดียวกันก็จริง แต่ถ้าเธอเกิดหยุดเกลียด ถ้าเธอแสดงความอ่อนแอออกมาเมื่อไร ฉันจะเอาร่างนี้ไปเองทั้งหมด ดังนั้นจงฆ่าต่อไป แม่สาวน้อย แล้วก็ระวังหลังของเธอไว้ให้ดีล่ะ”

เสียงของไทเรนน์หายเข้าไปในร่างของหญิงสาว ไคเนรอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไปแล้วจึงค่อยลองเริ่มขยับแขนซ้ายอันใหม่ของเธอ มันดูปรกติราวกับเป็นแขนของเธอเอง แต่เธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เพราะนั่นหมายถึงว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตในร่างกายเธอเป็นฝ่ายชนะ เธอคือไคเน ไม่ใช่ Shade

หญิงสาวเริ่มขุดหาบางสิ่งจากบ้านที่พังทลาย พยายามไม่มองไปยังจุดที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงนั่น ในที่สุดเธอก็เจอสิ่งที่ตามหา มงกุฎดอกลูนาร์เทียร์ ไคเนวางมันลงบนศีรษะของตนเอง ทว่าก็เอาออกอย่างรวดเร็ว

ขอโทษค่ะย่า ข้าขอโทษ ข้าในตอนนี้ไม่เหมาะกับมงกุฎนี่อีกต่อไปแล้ว

เธอถูกสิง แปดเปื้อน เป็นตัวประหลาด และครั้งนี้เธอไม่คิดว่าจะมีทางให้หันกลับอีกแล้ว ไคเนทรุดตัวลงร้องไห้กับพื้น ขณะที่ชาวบ้านหมู่บ้านเอรีย์ยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันของตน



“ฟื้นสิ ได้โปรดฟื้นขึ้นมา”
“ย่าเหรอคะ” ไคเนได้ยินเสียงของใครบางคน ความคิดถึงท่วมท้นหัวใจ
“ท่านไคเน ท่านต้องมีชีวิตต่อไปนะครับ กลับมาหาพวกเราเถอะ”

เมื่อลืมตาขึ้นมา สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหญิงสาวคือหัวกะโหลกตัวหนึ่ง หนังสือลอยได้ และใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของคนที่เธอรู้จัก เธอค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง แม้จะยังมึนงงในตอนแรก แต่หลังจากใช้สังเกตร่างที่มีเพียงกระดูกที่ทำท่าเหมือนไม่ต้องการสบตากับเธอ ภาพของเด็กชายคนหนึ่งก็กลับมาในความทรงจำ ไคเนแย้มยิ้มออกมา

“เอมิล เจ้าคือคนที่เรียกข้าใช่ไหม”
“ท่านจำ... ผมได้ด้วยเหรอ”
“แน่นอน ข้าต้องจำเจ้าได้สิ”

“ขอบคุณครับ... ท่านไคเน” คำตอบของเธอทำให้เด็กชายบิดมือไปมาด้วยความดีใจ
“ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีกนะไคเน”

เสียงของคนที่เธอรู้จักดีดังขึ้น ไคเนอดทักตอบอย่างปากเสียตามประสาตัวเองไม่ได้ พอเธอรู้ว่าเวลาผ่านไปนานถึง 5 ปี หญิงสาวก็ตกใจมาก แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสุขุมด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจากอีกฝ่าย เธอก็ไม่อาจละสายตาจากเขาได้

เนียร์มอบที่ประดับผมที่ทำจากดอกลูนาร์เทียร์ให้ไคเน หญิงสาวมองมัน แม้สิ่งนี้จะไม่เหมือนกับมงกุฎดอกไม้ที่ย่าเคยทำให้เธอ ทว่ามันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ชวนโหยหาอย่างน่าประหลาด...

ทิ้งท้าย... ทำไมแปลแล้วรู้สึกว่าไทเรนน์มันแอบซึนเดเระ 555

ความคิดเห็น

  1. คำตอบ
    1. ถ้าทางต้นฉบับทำฉากนี้เป็นแอนนิเมชั่นด้วยน่าจะยิ่งอินจริงๆ ค่ะ T^T

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ้าปิดตาของ YoRHa

รีวิว Nier Automata Novella ฉบับยาว ภาษาไทย แบบกาวๆ