Spoil NieR Gestalt/Replicant Part 23 ความภักดี 2
จุดที่มีเนื้อเรื่องเพิ่มจากการเล่นรอบแรกจุดที่ 4
เพื่อซึมซับเนื้อเรื่องได้มากขึ้น ลองกลับไปอ่าน Part 15 ความภักดี ก่อนนะคะ
ฝูงหมาป่าทะเลทรายมองดูสถานที่ที่เคยเป็นผืนป่าด้วยความไม่พอใจ ที่นี่เคยอุดมสมบูรณ์ทว่ากลับถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ พวกมันมีจ่าฝูงเป็น Shade หมาป่าตัวใหญ่ ซึ่งกล่าวเตือนสมาชิกฝูงว่าพวกตนไม่อาจเอาชนะมนุษย์ในการต่อสู้ตรงๆ ได้ ขณะเดียวกันความทรงจำในกาลก่อนก็ทำให้มันเชื่อจากก้นบึ้งหัวใจว่าสักวันมนุษย์จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ และมันก็ขอให้หมาป่าตัวอื่นเชื่อในความคิดของมันด้วย
พวกเนียร์เดินทางมายังอาณาจักรฟาเคดเพื่อเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรส เมื่อได้เจอพวกเขาอีกครั้ง ราชาก็ทักพวกเขาอย่างเป็นมิตร เจ้าสาวของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือฟิรานั่นเอง ดูเหมือนหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้นทั้งสองจะกลายเป็นเพื่อน และคนรักในที่สุด คืนนี้ราชาได้เชิญให้พวกเนียร์พักผ่อนที่ปราสาทตามสบายดุจญาติพี่น้องก่อนจะเริ่มงานแต่งงานกันในวันรุ่งขึ้น
เวลาเดียวกันนั้นเอง Shade หมาป่ารีบวิ่งพาฝูงกลับรังที่ถูกมนุษย์โจมตี ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ พวกตนจึงโดนล่า ที่รังของหมาป่าทะเลทราย เหล่านายพรานกำลังยืนมองศพของหมาป่าและลูกหมาป่าที่พวกตนจัดการด้วยความภาคภูมิใจ การกำจัดสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมที่พวกมันจะเข้าไปก่อความวุ่นวายในงานอภิเษกสมรสเป็นการแสดงความภักดีอย่างหาใดเปรียบ ก่อนที่พวกเขาจะกลับเข้าเมืองเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานฉลองน่ายินดีในวันพรุ่งนี้ ทิ้งศพหมาป่าหลายสิบตัวไว้เบื้องหลัง
คืนนั้น เมื่อเนียร์เดินออกไปที่ระเบียง เขาก็ได้เจอกับราชาหนุ่มที่ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ พระองค์ทรงกังวลว่าการที่ตนเองจัดงานแต่งงานในเวลาที่เมืองทำการเกษตรได้แย่ ประชาชนเริ่มอดอยาก แถมการประทะกับฝูงหมาป่าก็มากขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องที่สมควรแล้วหรือไม่ แต่เนียร์และไวส์ก็ให้กำลังอีกฝ่ายว่าการสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนยินดีในเวลาแย่ๆ บ้าง ก็เป็นหน้าที่ที่ผู้นำควรทำเช่นกัน คนเรามักมีแรงใจมากขึ้นเมื่อได้สู้เพื่อปกป้องบางอย่างหรือใครบางคน คำพูดของพวกเขาทำให้ราชาสบายพระทัยขึ้นถึงขนาดคิดว่าจะให้สิ่งที่ทั้งสองเอ่ยเป็นกฎของที่นี่เลยทีเดียว
Shade หมาป่ากลับมาเห็นสภาพรังของตนที่เต็มไปด้วยเลือด สมาชิกฝูงบางตัวยังคงมีชีวิตแต่ก็หายใจรวยรินเต็มที พวกมันพยายามยันกายที่มีหอกทิ่มแทงลุกขึ้นยืน สำรวจหาเพื่อนที่ยังรอดชีวิตท่ามกลางกองศพแข็งแห้ง ลูกหมาป่าตัวหนึ่งกำลังนอนรอความตาย อาวุธของมนุษย์ปักกลางลำตัวตรึงมันไว้กับผืนทราย Shade หมาป่าให้กำลังใจอีกฝ่าย ใช้ปากพยายามดึงหอกออก ทว่าด้วยสรีระที่ไม่ได้เหมาะแก่การหยิบดึงอาวุธ ทำให้มันไม่สามารถช่วยเหลือหมาป่าน้อยที่สิ้นใจตายลงต่อหน้าได้
เสียงหอนด้วยความแค้นและเสียใจดังขึ้นในหุบเขา ความเชื่อว่าพวกมนุษย์จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับพวกตนอย่างสันติถูกขยี้ไม่มีชิ้นดี พวกมันทำอะไรถึงต้องได้รับความป่าเถื่อนเช่นนี้ พวกมนุษย์จะต้องชดใช้ ฝูงหมาป่าทะเลทรายเคลื่อนตัวไปยังเมืองมนุษย์เพื่อเอาคืน
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง งานแต่งงานก็เริ่มต้นขึ้น ประชาชนชาวฟาเคดต่างเต็มเปี่ยมด้วยความสุข พวกเขาเต้นรำ โปรยกลีบดอกไม้ไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองงานอภิเษกสมรสขององค์ราชา ราชาและราชินีจูงพระหัสต์กันและกัน มืออีกข้างยกขึ้นโบกทักทายให้ประชาชนที่มาร่วมแสดงความยินดี ทว่าในห้วงแห่งความสุขนั่นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องเกิดขึ้น ร่างของประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บเต็มตัวคนหนึ่งเดินมาเบื้องหน้าของคู่บ่าวสาว
“พ่ะ พวกหมาป่า... กำลังมา... รีบหนีไป....”
สิ้นเสียงของชายคนนั้นไม่นาน Shade ที่มีรูปร่างเป็นหมาป่าก็กระโจนเข้าใส่ราชา ทว่าฟิรากลับรีบเอาตัวของเธอบังเขาไว้ มันกัดร่างของหญิงสาวแล้วโยนเธอกระแทกเข้ากับกำแพงหินอย่างรุนแรง
[พวกแกทำลายป่าของพวกเรา ทำให้แม่น้ำของพวกเราเสียหาย แล้วตอนนี้ยังมาฆ่าเด็กๆ ของพวกเราอีก พวกเราจะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับแกอีกแล้วเจ้าพวกมนุษย์ พวกแกจะต้องชดใช้ความผิดด้วยเลือด!!]
พวกเนียร์รีบเข้าไปต่อสู้จนกระทั่งพวกมันล่าถอยหนีไป ทิ้งให้ทุกอย่างเหลือเพียงโศกนาฏกรรม ราชาประคองร่างของฟิราวางลงบนพื้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนประกาศมั่นว่าคืนนี้พวกหมาป่าจะต้องสิ้นชีพทั้งหมด ให้ทุกคนเตรียมพร้อมแก้แค้นให้กับราชินีด้วย ทว่าทั้งไวส์ และที่ปรึกษาส่วนพระองค์ต่างลงความเห็นว่ามันอันตรายเกินไป ราชาจึงสวนว่าเช่นนั้นเขาก็จะไปคนเดียว เขาต้องการฆ่าหมาป่า จะฆ่าล้างบางมันให้หมด
ที่ปรึกษา : ฝ่าบาท ราชินีต้องทรงผิดหวังกับการตัดสินพระทัยเช่นนี้แน่ พระองค์ทรงเป็นราชาและผู้นำของประชาชนชาวหน้ากาก ทรงมีหน้าที่ต่อประชาชนและบ้านเมืองของพระองค์ หากฝูงหมาป่าขยายตัวเหิมเกริม สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเพิ่มการป้องกันให้กับฟาเคด ข้าขอร้องท่าน ทั้งในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำ และสามีผู้หนึ่งโปรดอย่าทำให้ความทรงจำขององค์ราชินีต้องแปดเปื้อนเลย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นราชาก็เริ่มดำริได้ เขาพยายามสงบพระทัยที่แตกสลายของตัวเองลง และกลับไปสั่งการควบคุมการปกกันกำแพงเมือง แต่เมื่อภาระงานได้เสร็จสิ้น พระองค์คงตั้งใจไปบุกรังหมาป่าอีกเป็นแน่ และพวกเนียร์จะไม่มีวันปล่อยให้ราชาต้องสู้เพียงลำพัง
ราชาเกรงว่าหากปล่อยไว้ฟิราจะไม่ใช่เหยื่อเพียงคนเดียวของเหล่าหมาป่า พวกมันคงได้ใจโจมตีประชาชนคนอื่นในอีกไม่ช้า และเขาจะไม่มีวันให้เรื่องเลวร้ายต้องเกิดขึ้นอีก ทว่าด้วยกฎของเมือง เขาพบว่าตนไม่อาจนำทัพออกไปปราบพวกมันได้ในเวลาเช่นนี้ ราชาหนุ่มจึงตั้งใจจะไปสู้รบกับพวกมันเพียงลำพัง แต่พวกเนียร์ก็เสนอตัวติดตามไปร่วมสู้เคียงข้างด้วย ไม่ใช่เพื่อราชาเท่านั้น แต่เพื่อฟิราด้วย น้ำใจของพวกเขาสร้างความประทับใจแก่ราชาหนุ่มมาก
ทว่าเมื่อพวกเขาไปที่หน้าหมู่บ้าน ที่ปรึกษากับทหารส่วนหนึ่งก็ยืนขวางไว้ราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่ปรึกษา : พระองค์จะเสด็จไปที่ไหนกันครับ
ราชา : ข้าจะไปปราบเจ้าพวกหมาป่า คงต้องฝากพวกเจ้าดูแลเมืองนี้ด้วย
ที่ปรึกษา : ฝ่าบาท นั่นเป็นการฝ่าฝืนกฎหลายข้อเลยนะครับ
ราชา : แล้วกฎพวกนั้นช่วยให้ฟิราฟื้นกลับมาได้ไหมล่ะ
ที่ปรึกษา : ไม่ครับ ฝ่าบาท
ราชา : ฟิราทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ นางเกือบจะได้พบความสุขแล้วแท้ๆ แต่นางกลับต้องสูญเสียมันไปอย่างนี้เนี่ยนะ
ที่ปรึกษา : ครับ ฝ่าบาท
ราชา : ฟิราผิดที่นางพิการอย่างนั้นเหรอ
ที่ปรึกษา : ไม่ครับ ฝ่าบาท
ราชา : ถ้าอย่างนั้นก็หลบไปซะ!!
ที่ปรึกษา : พวกข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ครับ ฝ่าบาท พระองค์ทรงประพฤติตนได้โง่เขลานัก พระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระเยาว์มากจริงๆ ราชินีฟิราทรงเป็นสตรีผู้เต็มเปี่ยมด้วยเมตตา ทุกคนในเมืองทุกคนต่างก็รักนาง พระองค์ก็ทรงคิดเช่นนั้นใช่หรือไม่
องค์ราชาหลบสายตาจากที่ปรึกษา ถึงแม้เรื่องที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นจริงทุกประการ แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้พระองค์เปลี่ยนพระทัยได้ แต่โดยไม่คาดคิด จู่ๆ ที่ปรึกษาก็หันไปหาเหล่าทหารของเขา
ที่ปรึกษา : ได้ยินข้าหรือไม่ บุรุษชาวหน้ากากเอ่ย ใครคือผู้นำของพวกเจ้า!!
ทหาร : ราชาแห่งฟาเคดครับ!!
ที่ปรึกษา : แล้วใครคือคนที่องค์ราชารัก!!
ทหาร : ราชินีฟิราครับ!!
ที่ปรึกษา : แล้วใครที่มันต้องชดใช้ให้กับโลหิตของราชินีของพวกเรา!!
ทหาร : พวกหมาป่า พวกหมาป่าครับ!!
ที่ปรึกษา : แล้วใครที่จะไปจัดการเจ้าพวกหมาป่านั่นกัน!!
ทหาร : พวกเรา บุรุษชาวหน้ากากครับ!!
ที่ปรึกษา : ฝ่าบาท ข้าขอทรงประทานอนุญาตให้พวกเราร่วมสู้กับพระองค์ด้วยเถอะพะยะค่ะ
ประชาชนโง่ๆ ย่อมถูกดึงดูดโดยราชาโง่ๆ และคนโง่ๆ อย่างพวกเขา จะพร้อมจะพลีชีพเพื่อองค์ราชาโง่ๆ ของตน แล้วพวกเนียร์ก็ออกเดินทางเพื่อชำระแค้นให้ฟิรา
ที่รังหมาป่าทะเลทราย Shade จ่าฝูงบอกเหล่าพี่น้องของตนว่าอีกไม่นานมนุษย์คงจะมาที่นี่เป็นแน่ หากรีบหนีไปตั้งแต่ตอนนี้ก็มีโอกาสที่จะรอด ทว่าสมาชิกฝูงกลับพร้อมใจเห่า พวกมันไม่ต้องการหนี แต่ต้องการตายอย่างมีเกียรติที่นี่ Shade หมาป่าจึงตอบรับคำของพวกมัน พร้อมที่จะตายยังรังของพวกตนไปด้วยกัน
เมื่อเหล่ามนุษย์มาถึง Shade จ่าฝูงหมาป่าก็ส่งเสียงหอนประกาศก้องเริ่มสงครามสองเผ่าพันธุ์ การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างชุลมุนทันที เลือดของมนุษย์และหมาป่าเต็มไปทั่วบริเวณ เมื่อหมาป่าเป็นฝ่ายปราชัย Shade ก็กระโดลงจากหน้าผาเข้าทำร้ายเหล่าคนที่เหลือ แต่สุดท้ายน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ มันโดนพวกเนียร์โจมตีจนล้มลง แล้วราชาของฟาเคดก็ยกอาวุธในมือของตนเองขึ้น
ราชา : เจ้าเดรัจฉาน จงตายซะ หากเจ้ายังมีลมหายใจพวกเขาก็ไม่อาจอยู่ได้อย่างสงบสุข
Shade : [นั่นเป็นสิ่งที่ข้าอยากพูดเช่นกัน เจ้ามนุษย์]
Shade ที่กำลังพยายามลุกขึ้นสู้ต่อเอ่ยกลับ
ราชา : เพื่อประชาชนของข้า คนที่ต้องสูญเสีย เพื่อฟิรา!!
ราชาประกาศก้อง ใช้หอกแทงทะลุตาปลิดชีพของ Shade หมาป่าจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เอ่ยคำที่ไร้ผู้ใดเข้าใจออกมา
Shade : [พวกเราทำอะไรผิด... ถึงต้องได้รับชะตาเช่นนี้]
หมาป่าล้มลง เลือดสีแดงไหลนองเต็มพื้น ในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต มันเห็นภาพในอดีตอันแสนไกล ในวันที่มันยังเป็นเพียงหมาป่าธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเข้ามาใกล้ มันลุกขึ้นจากนิทรามองไปยังผู้มาเยือน มนุษย์ชราคนหนึ่งกำลังจ้องมาที่มัน ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างๆ ยกมือลูบหัวของมันด้วยความรัก
"ฉันมีอายุมานานพอแล้ว แต่นายยังต้องอยู่ต่อไปนะ ไปเถอะ จงมีชีวิตรอด ขอบคุณนะที่เป็นเพื่อนกันมาตลอด แล้วอย่าลืมคิดถึงฉันบ้างนะ"
เมื่อได้ยินคำสั่งเสียเช่นนั้น หมาป่าก็ส่งเสียงร้องหงิงราวรับรู้ความหมายของสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธ์ มันเดินเข้าไปแนบลำตัวพิงอีกฝ่าย รับไออุ่นจากคนที่มันให้ความเคารพ รัก ที่สุด
Shade : [คุณ... พ่อ...]
หมาป่าส่งเสียงเรียกคนในความทรงจำก่อนที่มันจะสิ้นใจ
ที่หน้าหลุมศพของฟิรา ราชาตัดพ้อว่าฟิรานั้นไม่มีครอบครัว ไม่มีเสียง เธอใช้ชีวิตยากลำบากด้วยความพยายามทุกวัน ทั้งๆ ที่กำลังมีชีวิตสดใสรอเธออยู่ข้างหน้า แต่กลับถูกพรากมันไป ไวส์จึงปลอบอีกฝ่ายว่าเขาเชื่อว่าฟิราคงรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว และเธอเองก็สั่งเสียไว้ว่าเธอมีความสุขที่ได้เป็นภรรยาของราชา เมื่อได้ยินดังนั้นราชาหนุ่มเลยตั้งใจว่าตนจะไม่ทำให้ฟิราต้องผิดหวัง เขาจะไม่ทำให้ความทรงจำที่เธอมีต่อเขาต้องแปดเปื้อน...
ต่างจากหมาป่าจ่าฝูง ที่ความทรงจำสวยงามที่มันเคยมีต่อสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ต้องถูกทำลายลงไปพร้อมกับชีวิตของมันและหมาป่าทะเลทรายตัวอื่นๆ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น