Spoil NieR Gestalt/Replicant Part 13 สังเวย



เนียร์ปรึกษาเรื่องข่าวคราวของสถานที่ที่น่าจะมีกุญแจอีก 2 ดอกกับโปโปลา หญิงสาวบอกว่าตนเพิ่งได้รับจดหมายจากผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเอรีย์ หลังจากที่หมู่บ้านเอรีย์ปิดตัวไม่คบค้ากับผู้ใดมานาน ตอนนี้พวกเขาตัดสินใจเริ่มเปิดการค้ากับโลกภายนอกแล้ว นอกจากนี้ดูเหมือนว่าลูกบ้านคนหนึ่งพอทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า การสังเวย ซึ่งโปโปลาได้ส่งจดหมายมาสอบถามไปก่อนหน้านี้ด้วย

เมื่อได้ยินดังนั้นไวส์ก็รู้สึกว่าเหตุการณ์มันดูเหมาะเจาะเกินไป หมู่บ้านเอรีย์ปิดตัวมาหลายปี แต่จู่ๆ จะอยากมาแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับชาโดวลอร์ดได้อย่างไร โปโปลาก็เห็นด้วยกับหนังสือสีขาว แต่เนียร์กลับไม่อยากจะคิดมาก และรีบไปพิสูจน์ด้วยตนเองว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านเอรีย์กล่าวนั้นจริงหรือไม่

พวกเนียร์เดินทางมาถึงเมืองเอรีย์ แต่แม้จะเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ไคเนก็ไม่มีท่าทียินดีที่ได้กลับมา และปฏิเสธที่จะเข้าไปข้างใน เมื่อเข้าไปในเมือง ชาวบ้านก็ยังคงแสดงรังเกียจพวกเขาอยู่เช่นเดิม

“ข้ากลัวเหลือเกิน ข้าจะไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น”
“พวกเจ้าต้องถูกทำลาย พวกเจ้าทุกคนเลย”
“เมื่อคืน Shade ก็บุกหมู่บ้านอีกแล้ว”

หลังจากเดินผ่านเสียงก่นด่าของชาวหมู่บ้านมาตลอดทาง ในที่สุดเนียร์ก็มาถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้านที่ยังคงปิดสนิทเช่นบ้านทุกหลัง เขาจึงตะโกนถามเข้าไป

เนียร์ : เรามาจากเมืองของโปโปลาครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : ทุกอย่างมัน... จบสิ้นแล้ว
เนียร์ : อืม... คือว่าข้ามาสอบถามเรื่องจดหมายที่ท่านส่งไปน่ะครับ
ผู้ใหญ่บ้าน : เวลาของพวกเราใกล้จบแล้ว... มันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

พวกเนียร์เริ่มหมดความอดทน แต่พอจี้เรื่องจดหมายอีกครั้ง ผู้ใหญ่บ้านกลับบอกว่าตนไม่รู้เรื่องจดหมายแม้แต่น้อย พวกเขาเลยต้องลองไปสอบถามคนในหมู่บ้านคนอื่นเพื่อหาตัวคนที่เขียนจดหมายไปหาโปโปลา แต่ไม่ว่าจะถามไปสักกี่คน ก็ไม่มีใครให้คำตอบกับพวกเขา

กลางหมู่บ้าน พวกเนียร์พบว่าชาวเอรีย์เริ่มเปิดตลาดทำมาค้าขายดังคำในจดหมายจริงๆ เขายังคงสอบถามเรื่องจดหมายจากชาวหมู่บ้าน จนกระทั่งได้พบกับทหารรักษาหมู่บ้านคนหนึ่งที่ให้คำตอบผิดจากคนอื่น

ทหาร : อ๋อ จดหมายอย่างนั้นหรือ เหมือนข้าจะพอได้ยินมาเหมือนกัน
เนียร์ : ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รู้เรื่องจดหมายนี่สินะ
ทหาร : อืม ก็น่าจะใช่นะ ข้าไม่แน่ใจเท่าไร อ๋อ ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ พวกท่านเป็นเพื่อนกับไคเนหรือเปล่า
เนียร์ : ก็เป็นตามนั้นนั่นแหละ

ทหาร : อา ข้าได้ยินข่าวลือนั่น พวกท่านมาล่า Shade กันใช่ไหม
ไวส์ : ใช่แล้ว เป้าหมายของพวกเราคือกำจัดพวกมันให้หมด
ทหาร : ท่ะ ทุกคนเลยอย่างนั้นเหรอ ทุกคนเลยสินะ ทุกคน ทุกคน ทุกคนทุกคนทุกคน!!

เสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเริ่มกลายเป็นเสียงพูดไม่เป็นภาษาของ Shade ทันใดนั้น ชาวเมืองที่อยู่ในบริเวณนั้นบางคนก็กลายร่างเป็น Shade เข้าโจมตีใส่พวกเนียร์อย่างบ้าคลั่ง ชาวเมืองหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว ดูเหมือนว่าจดหมายจะเป็นกับดักเสียแล้ว ชาวเมืองเริ่มกลายเป็น Shade จนเต็มไปทั้งเมือง ในที่สุดไคเนก็ยอมเข้าเมืองมาสมทบกับพวกเขา ทั้ง 4 ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการแยกแยะระหว่างชาวบ้านธรรมดากับ Shade ที่แฝงตัวมา

“ใคร ใครกันแน่ที่เป็นมนุษย์”
“แม่ มันเจ็บนะ ท่านเป็นอะไรไปน่ะ”
“ไปให้พ้นนะ ข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว ข้าไม่อยากเจอใครแล้วทั้งนั้น”

“มัน... มันจบลงแล้ว หมู่บ้านนี้ถึงเวลาสูญสิ้นแล้ว”
“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าที ได้โปรดเถอะ”

“โอ้ พระเจ้า โปรดช่วยพวกเราด้วย พวกเราไม่ใช่ Shade”
“เป็นความผิดของพวกเจ้าทั้งหมด”

เสียงชาวบ้านตีกันวุ่นวายเข้ามาในโสตของพวกเขา ไคเนใช้อาวุธของเธอโจมตีเด็กสาวคนหนึ่งที่ใช้ดาบของเธอรับไว้ได้ ก่อนที่เธอจะตะโกนบอกน้องชายที่ยืนอยู่เบื้องหลังให้หนีไป แต่เด็กชายก็ปฏิเสธ เขาไม่อาจทอดทิ้งพี่สาวเอาตัวรอดคนเดียวได้ ไคเนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เธอก็ยังคงยืนยันว่าหญิงสาวตรงหน้าคือ Shade อย่างแน่นอน ในที่สุดเธอก็ใช้ดาบฟันอีกฝ่ายจนล้มลง เด็กชายรีบเข้ามาดูพี่สาวที่โดนทำร้ายด้วยความร้อนใจ ทว่าเธอก็แน่นิ่งไปแล้ว เขาหันหน้ามามองพวกเนียร์ด้วยความคับแค้น

“เจ้า พวกเจ้ามันเป็นปีศาจ!! ข้าไม่สนว่าพี่สาวข้าจะเป็นหนึ่งในพวกมันหรือไม่ นางเป็นพี่สาวของข้า และข้ารักนาง”

ไม่ทันจบคำดีร่างของหญิงสาวก็แปรสภาพกลายเป็น Shade มันพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายไคเนจนเธอล้มลง เนียร์จึงเข้าไปต่อสู้กับมัน

“หยุดนะ อย่าทำร้ายพี่สาวของข้า”

เด็กชายยังคงกล่าวเช่นนั้น ดูเหมือนชาวเมืองจะเริ่มบ้าจนแยกแยะอะไรไม่ออกอีกแล้ว

“ฆ่าพวกมัน ฆ่าพวกมันให้หมด”
“ให้พวกเราอยู่อย่างสงบซะที”
“นั่นสามีข้า เขาเป็น Shade อย่างนั้นเหรอ”

“โปรดวางอาวุธลงเถอะ ได้โปรด ข้าขอร้อง”
“จัดการพวกมันเลย”
“ข้าทนไม่ไหวแล้ว”

“ไอ้คนอำมหิต นี่เป็นความผิดพวกเจ้าทั้งหมด”
“ทำไมพวกเจ้าต้องมาที่นี่กันด้วย ทุกอย่างก็ดีอยู่แล้วจนกระทั่งพวกเจ้าโผล่มานั่นแหละ”

พวกเนียร์เลิกสนใจเสียงของชาวเมือง เข้าต่อกรกับ Shade ที่บุกเข้ามาหาราวน้ำหลาก เมื่อเห็นว่ามีชาวหมู่บ้านถูกโจมตี เนียร์ก็ให้เอมิลดูแลไคเน ขณะที่เขารีบไปช่วยเหลือ

ณ ใจกลางเมืองก้อนพลังงานสีดำเริ่มรวมตัวกันเป็นก้อนกลมมหึมา ปรากฏร่างของ Shade ยักษ์ที่มีดวงตาดวงเดียวจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างมุ่งร้าย ดูเหมือนว่ามันจะดูดกลืนชาวเมืองเข้าไปในตัวของมันจดหมด ซึ่งหากพวกเขากำจัดมัน นั่นอาจหมายความว่าพวกเขาต้องฆ่าชาวเมืองไปด้วยก็ได้ และเอมิลก็ไม่กล้าเข้าไปต่อสู้กับมัน แม้ว่าไวส์จะปฏิเสธว่านั่นคือ Shade ที่ใช้ร่างของมนุษย์ก็ตาม



“หมู่บ้านของเรา... โลกของเรา... ข้าอยู่ที่ไหน... ข้าเป็นใคร”

เสียงชาวหมู่บ้านที่เริ่มคล้ายเสียงของ Shade ดังออกมาจากร่างกายนั้น ก่อนที่มันจะโจมตีพวกเขา สุดท้ายแล้วเอมิลก็ตัดสินใจเข้ามาช่วยเนียร์และไวส์ต่อสู้ เขาใช้พลังเวทมนต์ตรึง Shade เอาไว้ เพื่อให้เนียร์อ้อมไปโจมตีจุดอ่อนที่ด้านหลังของมัน หากพวกเขาไม่ระวัง พวกเขาอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือชาวเมืองเอรีย์ไว้ได้สักคน เนียร์และเอมิลรวมพลังกันโจมตีมันสุดแรงจนจัดการ Shade ลงได้ เลือดจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากตัวของมัน

ทว่าเช่นเดียวกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับหมายเลข 6 หลังจากใช้พลังไปมาก เอมิลก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาระเบิดพลังออกมากินวงกว้างทั้งหมู่บ้าน ดูดกลืนทุกสิ่งอย่างในรัศมีสูญหายไปทั้งหมด เนียร์พาไคเนหลบหนีออกมาได้ทันก่อนที่จะถูกกลืนหายไป เมื่อทุกอย่างจบลง พวกเขาก็เห็นร่างของเอมิลลอยอยู่กลางอากาศวางเปล่าที่เคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเอรีย์ เด็กชายมานั่งร้องไห้ข้างๆ เนียร์ แม้แต่ไคเนที่ฟื้นแล้วก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ

เอมิล : นี่ผม.. ทำอะไรลงไป ผมฆ่าคนบริสุทธิ์ ผมฆ่าไปทั้งหมดเลย
เนียร์ : แต่เจ้าก็ช่วยชีวิตพวกข้าเอาไว้นะ ใช่ไหม ถ้าไม่มีเจ้า พวกข้าคงตายไปแล้ว เราติดหนี้เจ้า
เอมิล : แต่ะ แต่ว่าผม...

เนียร์ลูบหัวของเด็กชายพลางบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน มองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า
เนียร์ : อย่ามองสิ่งที่ผ่านมาแล้วเลย

แล้วเขาก็ได้พบกุญแจแห่งการสังเวยที่นี่นี่เอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ผ้าปิดตาของ YoRHa

รีวิว Nier Automata Novella ฉบับยาว ภาษาไทย แบบกาวๆ