Dark Souls Fan fiction : Twin’s Curse
ขอเปลี่ยนอารมณ์เอาฟิกที่เคยเขียนค้างไว้มาแต่งต่อ + เรียบร้องบางประโยคใหม่ เรื่องนี้แต่งตอนกำลังติ่ง Dark Souls พอดี แต่ว่าไม่อาจหาญกล้าทำสรุปของเกมนี้ค่ะ (ฮา) อันนี้ก็แต่งจากพลังกาวมโนล้วนๆ ไม่แน่ใจว่าขัดกับอะไรในเกมหรือเปล่า แต่ก็พยายามแต่งให้ไม่ขัดแล้วนะคะ (ฮา)
ทุกคืนข้าจะมองเทียนข้างหัวเตียง ไม่รู้ทำไมถึงยากจะละสายตาจากมันได้ ไฟดวงน้อยนั้นเหมือนมีอะไรกำลังดึงดูดให้เข้าหา ข้าจ้องมันจนกระทั่งเอ็มมาประทับริมฝีปากบนหน้าผากของข้า นางกล่าวราตรีสวัสดิ์ และหันไปเป่าเทียนเล่มนั้น แสงสุดท้ายดับหวูบลง และความมืดก็เข้าแทนที่อย่างรวดเร็ว
มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย กลิ่นควันเทียนยังคงอ้อยอิ่ง เสียงฝีเท้าของเอ็มมาที่เดินออกจากห้อง เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสนิทก่อเกิดความสงบอย่างน่าประหลาด ราวมีใครบอกว่าความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมาทั้งวันนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ขณะเดียวกันกลับทิ้งความรู้สึกโหยหาถึงวันวานที่จากไป ชวนคิดทบทวนถึงอดีตที่ไม่อาจย้อนกลับไปหา แม้จะไม่แน่ใจว่าเวลาที่คำนึงถึงนั้นคือช่วงไหนก็ตาม
เสียงผ้าเสียดสีทำให้ข้าละสายตามายังเตียงที่อยู่ข้างกันแทน แม้ความมืดจะปกคลุมจนมองอะไรแทบไม่เห็น แต่ข้าก็รับรู้ได้ว่าลอเรียน พี่ชายของข้ากำลังมองมา ความจริงพวกเราควรถูกแยกห้องนอนกันตั้งแต่แรกเกิด แต่ด้วยความเป็นฝาแฝดทำให้พวกผู้ใหญ่ชอบให้เราอยู่ใกล้กันเหมือนกับที่ชอบมองเครื่องชามถูกจัดเข้าชุด แต่สุดท้ายเราจะถูกแยกกันอยู่ดี เพราะเราสองคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง เป็นฝาแฝดที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจร่วมเส้นทางเดียวกันได้
ลอเรียน แฝดคนโต ผู้มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และข้าลอธริค แฝดคนน้อง แม้จะมีหน้าตาที่คล้ายกัน หากแต่ด้วยคำสาปที่ติดตัวแต่เกิด ทำให้ข้าตัวเล็กร่างกายอ่อนแอ แทบไม่อาจยืนด้วยขาของตน
กระนั้นข้ากลับได้นามเดียวกับชื่อตระกูลของเรา นั่นเป็นเพราะข้ามีคุณสมบัติในการเป็นเชื้อแห่งเพลิง วันหนึ่งข้าต้องแบกชื่อ และเกียรติแห่งตระกูลเชื่อมต่อตนเข้ากับปฐมเพลิงกลายเป็นเจ้าแห่งเถ้าถ่าน ชื่อลอธริคจะถูกเล่าขานถึงราชวงศ์ที่เสียสละตนเพื่อความสุขของปวงประชา แต่ชื่อที่ได้รับการสรรเสริญนั้นหาได้หมายถึงตัวข้า ในขณะที่ลอเรียนจะขึ้นครองราชย์ต่อจากเสด็จพ่อ เป็นเจ้าผู้ครองลอธริคคนต่อไป
ภายใต้ความมืดนั้น เราสองคนต่างมองกันและกัน สายตาที่เริ่มคุ้นชินกับราตรีเริ่มมองเห็นอีกฝ่ายลางๆ รูปร่างที่แตกต่างกันตามวัยที่เพิ่มขึ้น ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเหตุใดเราจึงไม่เหมือนกันทั้งที่เป็นฝาแฝด อะไรที่ทำให้เราต่าง และความต่างนั้นเริ่มต้นที่ตรงใด ทำไมคนที่แข็งแรงถึงเป็นลอเรียน ทำไมคนที่ถูกสาปจึงเป็นข้า ทำไมคนที่จะได้มีชีวิตยิ่งใหญ่ต่อไปจึงเป็นลูกชายคนโต ทำไมคนที่ต้องเสียสละถึงต้องเป็นลูกชายคนเล็ก หรือมันจะถูกกำหนดมาตั้งแต่ก่อนที่เราจะลืมตาดูโลกแล้ว
ข้าไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับพี่ชายฝาแฝด ความคิดที่เกิดขึ้นยามมองเห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดใหม่ๆ ถือดาบ ขี่ม้า ในขณะที่ตัวเองได้เพียงแต่ใส่เสื้อคลุมของนักบวช สวดภาวนาอย่างเงียบๆ กับเอ็มมา ฟังนางสรรเสริญถึงความยิ่งใหญ่แห่งการเป็นเจ้าแห่งเถ้าถ่าน ลอเรียนเป็นความสมบูรณ์สวยงามที่ข้าภูมิใจ ภาพสะท้อนที่ควรเป็นของข้า ทว่าทุกครั้งที่ข้ามองเขาด้วยความชื่นชม ข้ากลับพบว่าในใจตนกำลังจินตนาการถึงสภาพน่าอดสูของเขาล้มลุกคลุกคลานอยู่แทบเท้า ไม่เข้าใจว่าทำไมภาพนั้นถึงเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของข้าได้อย่างน่าประหลาด
ลอเรียนรักข้าอย่างไม่ต้องสงสัย เวลาที่เจออันตรายเขาปกป้องข้าเสมอ เวลาที่ทะเลาะกันเขายอมข้าทุกครั้ง เวลาที่ข้าทำผิดเขาออกหน้ารับแทนตลอด เขาแบกข้าขึ้นหลัง พาออกไปวิ่งเล่น ลูบหัวของข้าอย่างอ่อนโยน ทว่าสายตาที่เขามองข้ากลับเป็นสายตาของคนที่กำลังมองสิ่งเปราะบางที่พร้อมแตกหักได้ทุกเวลา อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดราวกับมองสิ่งมีชีวิตใกล้ตายตัวหนึ่ง และนั่นคือสิ่งที่ข้าเกลียดที่สุด
เขารู้สึกผิดกับข้าที่แย่งความแข็งแกร่งไปจากร่างกายของข้าจนหมด ทิ้งให้ข้าเจอกับชะตากรรมเช่นนี้อยู่คนเดียวทั้งๆ ที่เราสองคนควรมีทุกอย่างเหมือนกัน ทำไมข้าถึงต้องได้รับสิ่งนี้ ทำไมเขาถึงได้ทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ข้าฉลาดกว่าเขามากนัก ควรเป็นเขาไม่ใช่หรือที่ต้องอยู่ในสภาพน่าสังเวช รอให้ข้ามอบความเมตตาเอื้ออาทรให้
วันหนึ่งข้าลืมตาตื่นกลางดึก รู้สึกเหนื่อยราวกับเพิ่งออกแรงมามาก แต่ครั้นจะขยับตัวก็กลับพบว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรงแม้จะยกแขนขึ้น ความทรงจำของข้าขาดเป็นช่วงๆ ครู่หนึ่งเหมือนเห็นเอ็มมาวิ่งเข้ามา อีกครู่หนึ่งเหมือนเห็นผู้คนแวดล้อมแตกตื่น แต่สุดท้ายก็เห็นเพียงใบหน้าของลอเรียนที่กำลังร้องไห้ เขาเอามือลูบหน้าลูบหัวของข้า เอ่ยอะไรบางอย่างที่ข้าฟังไม่ถนัดก่อนที่ข้าจะสลบไป
เมื่อรุ่งเช้ามาถึงอาการป่วยของข้าก็ดีขึ้น พร้อมกับที่ข้าไม่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของลอเรียนอีก ข้ามองพี่ชายพยายามลุกขึ้นยืน แต่ขาของเขากลับดูไร้เรี่ยวแรงผิดปรกติ เขาลุกขึ้น และล้มลงอยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายก็นั่งคุกเข่าอยู่นิ่งๆ เลิกล้มความพยายามคล้ายเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง จู่ๆ ขอบตาของข้าร้อนผ่าว คิดว่าควรพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่สามารถหลุดคำใดๆ ออกไป หัวใจเหมือนถูกบดขยี้ และลำคอก็ตีบตันจนรู้สึกเจ็บ ภาพความสมบูรณ์แบบหายไปแล้ว ไม่มีภาพฝันใดๆ เหลืออยู่อีกแล้ว ความจริงนั้นทำให้ข้าต้องอดกลั้นรอยยิ้มไว้อย่างเต็มที่ ข้าใฝ่ฝันจะเห็นภาพนี้มาตลอด สภาพจนตรอกกระเสือกกระสนของลอเรียนผู้ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าสมควรได้รับ
ลอเรียนคลานมาอยู่ข้างเตียงของข้า มือใหญ่ลูบหัวของข้าเบาๆ ไร้เสียงปลอบโยนเช่นปรกติ ข้าก้มหน้าลง ยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าเพื่อไม่ให้ผู้ใดได้เห็นน้ำตา และรอยยิ้มที่ไม่อาจฝืนไว้ได้อีกต่อไป หากข้าต้องสิ้นลม ลอเรียนก็จะหมดลมหายใจ เท่านี้พวกเราก็เสมอภาคกันมากขึ้น ข้าจะไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงคนเดียว และเขาจะต้องตกต่ำ ไร้ความสำคัญ ไม่มีผู้ใดสนใจ ถูกผูกติดกับข้าในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ไปจนกว่าเราจะจากลาโลกฟ่อนแฟะใบนี้ไปด้วยกัน
เสด็จพ่อมองพวกเราด้วยสายตาผิดหวัง หลังจากนั้นไม่นานโอเซลอตก็ถือกำเนิด เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ บุตรแห่งมังกรผู้สมบูรณ์แบบ ต่างจากพวกเราสองพี่น้องพิการไม่อาจแม้จะยืนด้วยขาของตัวเอง
ข้ากับลอเรียนนั่งอยู่ข้างกันในการเฉลิมฉลอง ไม่มีใครพูดอะไรกับเรา ทุกสายตาจับจองไปที่เจ้าชายน้อยโอเซลอต และแน่นอนว่าไม่มีใครเห็นร่างของเสด็จแม่เลย
ข้าคิดถึงปลายเทียนข้างเตียงที่กำลังใกล้ดับจนความมืดมิดเข้าแทนที่ แต่ภายใต้ความมืดนั้นกลับก่อเกิดความสงบอย่างน่าประหลาด
“เจ้าพี่ เราสองคนมารอดูวันที่ปฐมเพลิงดับลงด้วยกันเถอะ”
ข้าตัดสินเอ่ยออกทำลายความเงียบ ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ ของลอเรียน มีเพียงมือที่พลิกขึ้นมาประสานกับมือของข้า ข้าออกแรงบีบมือของเขากลับ สายตามองตรงไปนอกหน้าต่างยังที่ที่ห่างไกลออกไป จินตนาการถึงที่ตั้งแห่งปฐมเพลิง และไฟหริบหรี่ใกล้มอดดับของมัน
พวกเราเป็นฝาแฝดที่ต่างกันมาก ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันเป็นอย่างนั้น และความต่างนั้นถูกกำหนดมาตั้งแต่เมื่อไร ทว่าไม่ว่าเหตุผลของมันจะคืออะไร ข้ารู้ดีว่าพวกเราเชื่อมโยงกันตลอดเวลา
แม้ว่าจะโดนสาปส่งว่าขี้ขลาดไร้ความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้า ละทิ้งหน้าที่ที่ตนพึ่งทำ แม้ราชวงศ์จะเสื่อมเสียเกียรติ ถึงไม่มีใครเห็นความสำคัญ ไม่ว่าจะถูกใครทอดทิ้ง แม้อาทิตย์จะลับขอบฟ้า แม้แสงเทียนจะดับ ปฐมเพลิงจะมอดลง แม้ความมืดจะกลืนกินจนมองอะไรไม่เห็น และมีเพียงความตายที่รอข้าอยู่ แต่ข้ารู้ว่าลอเรียนจะยังคงอยู่เคียงข้างข้าจนกระทั่งเวลานั้นมาถึง อยู่ด้วยกันภายใต้ความมืดมิดเช่นวันที่เราเคยอยู่ในครรภ์ของมารดา
หากนี่คือคำสาปของพวกเราเจ้าชายฝาแฝดแห่งลอธริค...
ข้าก็พร้อมเผชิญหน้ากับมัน...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น