Spoil Drag on Dragoon 3 Special Part 3.3 : Shi ni Itaru Aka


คำเตือน เนื้อหาในมังงะมีเรื่องขัดต่อศีลธรรมมาก โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่านนะคะ

กลับมายังเวลาปัจจุบัน วันและเนโรได้เดินทางมาถึงเมืองท่าแห่งหนึ่งซึ่งพวกเขาทราบข่าวเกี่ยวกับการตามล่าผู้มีดวงตาสีแดง แล้วทั้งสองก็ได้เห็นการเผาผู้ที่ถูกสงสัยว่าติดโรคต่อหน้าต่อตา แม้คนที่ถูกใส่ความจะกำลังทุรนทุรายอยู่ในเปลวเพลิง พวกชาวบ้านก็ยังพากันขวางปาก้อนหินใส่อย่างป่าเถื่อน และความรุนแรงก็มักเป็นพฤติกรรมของผู้ติดโรคดวงตาสีแดงเสียด้วย


ตอนนั้นเองหญิงสาวที่กำลังถูกไฟเผาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาราวเสียสติ เธอตะโกนกล่าวว่าผู้ใดในหมู่ชาวบ้านหน้าเวทีเป็นคนนอกรีตเช่นกันก่อนจะเสียชีวิต วันดูออกทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคนธรรมดาที่ต้องการลากผู้มอบความอยุติธรรมแก่เธอให้ได้รับชะตากรรมเดียวกัน แต่นักบวชกลับสั่งให้ทหารจับบุคคลดังกล่าวมาเตรียมเผาเป็นกลุ่มต่อไปโดยไม่พิจารณาใดๆ ทั้งนั้น ทั้งพวกเขายังยิ้มเยาะขณะมองเด็กคนหนึ่งกรีดร้องที่แม่ของตนถูกจับไป แต่ก่อนที่เพชรฆาตจะทันลงมือเขาก็ถูกห่าธนูยิงใส่เสียก่อน พร้อมกันนั้นทหารกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าเวที แล้วเข้าสังหารผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาไล่เข่นฆ่าทหารของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เหล่าญาติของผู้ที่ถูกกล่าวหาขึ้นไปให้ความช่วยเหลือคนของตนได้ แต่แล้วทหารกลุ่มนั้นก็หันมาโจมตีใส่วัน กับเนโรซึ่งอยู่ในฝูงชนด้วย และเมื่อใช้ดาบรับการโจมตีของอีกฝ่าย วันก็รู้ได้ว่าทหารกลุ่มนี้คือผู้มีดวงตาสีแดง

อีกด้านหนึ่ง เหล่าขุนนางของประเทศแห่งหนึ่งกำลังปรึกษาหารือเรื่องการแพร่ระบาดของโรคดวงตาสีแดงซึ่งทำให้ประเทศคาร์เลออนต้องล่มสลายไป และเพื่อไม่ให้เรื่องลุกลามใหญ่โต หรือต้องรบกวนเวลาขององค์ราชาของพวกคน มาตราการที่พวกเขาตัดสินใจก็คือการกำจัดพวกนอกรีตเสียให้หมด

ในโถงพระโรงเหล่าขุนนางพากันเสพย์สังวาสกับหญิงสาวโดยไม่สนใจผู้ใด ต่างเปลือยกายมั่วสุมไม่ต่างจากเดรัจฉาน อีกทั้งขุนนางยังจับตัวเด็กหญิง และเด็กชายมาถวายให้ราชาใช้สนองความต้องการเบื้องต่ำ ทว่าขณะที่ราชาหื่นกามกำลังวิ่งไล่จับเด็กๆ ซึ่งวิ่งหนีด้วยความหวาดหลัว เขาก็ถูกใครคนหนึ่งใช้อาวุธยิงเข้าที่หว่างขาอย่างจัง

ที่หน้าประตูท้องพระโรงปรากฏร่างของสตรีในชุดสีขาว พร้อมกับทหารที่แต่งกายไม่ต่างจากกลุ่มที่วันได้พบ พวกเขากรูกันเข้ามาสังหารคนภายในห้อง แต่ก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะปลิดชีวิตพวกเด็กๆ หญิงสาวคนนั้นก็เอ่ยห้ามขึ้นมา เธอเข้าไปตัดศีรษะของราชา กับขุนนางชั่ว และเมื่อถูกถามว่าเธอคือใคร หญิงสาวผมสั้นสีทองก็เหยียดยิ้ม พร้อมตอบว่าตนคือเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง


ทางด้านวัน และเนโรซึ่งกำลังรับมือกับทหารดวงตาสีแดง จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าครึ่งหนึ่งเน่าแฟะ แต่แม้ดวงตาของเธอจะเป็นสีแดง หญิงสาวกลับยังพูดจาได้รู้เรื่อง และเหล่าทหารดวงตาสีแดงก็หยุดโจมตีใส่ทั้งสอง เธอบอกให้ชายหนุ่มตามตนไปเพราะมีใครบางคนต้องการพบกับเขา ถึงจะดูน่าสงสัย แต่เพื่อสืบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ วันก็ได้ตัดสินใจตามอีกฝ่ายไป

หญิงสาวนำทั้งสองมายังปราสาทแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นผู้มาเยือนทหารดวงตาสีแดงก็ต่างยืนตรงให้การต้อนรับ สร้างความแปลกใจให้กับวัน และเนโรเป็นอย่างมาก แต่แล้วประตูบานหนึ่งก็เปิดออกพร้อมกับที่หญิงสาวดวงตาสีแดง 3 คนออกมาแสดงท่าทียั่วยวนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า และนั่นก็ทำให้เอลฟ์หนุ่มตัดสินใจขอแยกตัวไปหาความสุขกับพวกเธอก่อน วันจึงต้องเดินเข้าไปภายในโถงแต่เพียงลำพัง และที่นั่นเขาก็ได้พบกับคนสำคัญที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว เธอคือพี่สาวผู้ใช้นามเดียวกันกับเขา วัน (หญิง) เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงลำดับที่หนึ่ง

วัน (ชาย) แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง แต่เมื่ออีกฝ่ายใช้พลังแห่งเสียงช่วยรักษาเด็กน้อยซึ่งได้รับบาดเจ็บ ก่อนใช้มันบังคับให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ และขุนนางของปราสาทแห่งนี้ ซึ่งติดโรคดวงตาสีแดงสังหารกันเอง ดาบในมือของเขาก็หล่นลงบนพื้น พอหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ พร้อมเอ่ยขอโทษที่ทิ้งเขาให้ใช้ชีวิตคนเดียวมาเนิ่นนาน ทันใดภาพความทรงจำเก่าๆ ก็กลับเข้ามาในหัวของวัน (ชาย) แล้วชายหนุ่มก็ร่ำไห้ด้วยความยินดีที่ได้พบกับพี่สาวอีกครั้งโดยไม่อายผู้ใด


อีกด้านเนโรซึ่งกำลังเสพย์สมกับหญิงสาวสามคนอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ เขาก็ถูกอีกฝ่ายช่วยกันจับตัวเอาไว้ และเมื่อเอลฟ์หนุ่มได้สติอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนถูกขังอยู่ในกรงเล็กๆ โดนมีทหารดวงตาสีแดงคอยเฝ้าอยู่ แต่แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากใต้ผ้าคาดหัวของเขา เนโรเหยียดยิ้มออกมา เพราะมันหมายความว่ามีผู้ร่วมเผ่าพันธ์เดียวกับเขาอยู่ในบริเวณนี้

เนโรหาทางหลบหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นภาพสุขสันต์ของเด็กที่วัน (หญิง) รักษา และทหารดวงตาสีแดงที่สงบเสงี่ยมเขาก็ขมวดคิ้วสีหน้าแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน โดยที่เลือดยังคงไหลออกมาจากหน้าผากของเขาไม่หยุด

วัน (หญิง) แสดงความอ่อนโยนต่อผู้ติดโรคด้วยการรักษาร่างกายที่เน่าเปื่อยให้อีกฝ่าย เมื่อเห็นดังนั้นวัน (ชาย) จึงเตือนพี่สาวว่าหากเธอใช้พลังแห่งเสียงเพลงจะทำให้มังกรปรากฏตัวออกมา แต่หญิงสาวกลับบอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนชวนคนเป็นน้องให้ออกมาชมเมืองที่ระเบียงด้วยกัน เมืองที่เหล่าผู้มีดวงตาสีแดงต่างใช้ชีวิตปรกติราวกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป

เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงขอให้วัน (ชาย) บอกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างช่วง 100 ปีหลังจากเหตุการณ์ในวันที่เธอเสียท่าให้กับซีโร ชายหนุ่มจึงเล่าว่าตนได้สร้างโบสถ์แห่งเทพเพื่อพี่สาว ทว่าต่อมามันกลับเป็นแหล่งแพร่เชื้อดวงตาสีแดง เขาจึงพยายามหยุดยั้งการระบาดด้วยการสังหารผู้ติดเชื้อ แต่ถึงเขาจะฆ่าคนทั้งโบสถ์ก็ไม่มีทีท่าที่โรคดวงตาสีแดงจะหมดสิ้น และเขาก็รู้สึกโทษตัวเองมาตลอดที่เป็นผู้ก่อตั้งลัทธิที่นำพาหายนะมาสู่โลกเช่นนี้

เมื่อวัน (หญิง) ได้ยินเช่นนั้นเธอจึงอธิบายว่าโรคดวงตาสีแดงไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหากแต่เป็นพร ที่พวกเขาสร้างความรุนแรงนั่นก็เป็นเพราะพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างป่าเถื่อนก่อน วัน (ชาย) จึงไม่ใช่สาเหตุที่นำพาโชคร้ายมาแต่อย่างใด แต่นั่นกลับยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกผิดยิ่งขึ้นที่ตนทำร้ายผู้บริสุทธิ์มาตลอด ขณะที่หญิงสาวกำลังจะปลอบน้องชาย จู่ๆ กระสุนหน้าไม้ก็พุ่งมาทางเธอ และถึงวัน (ชาย) จะพลักพี่สาวออกไปทัน เธอก็ได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยอยู่ดี ชายหนุ่มรีบหันไปหาคนร้ายอย่างรวดเร็ว และอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเนโร ดวงตาสีแดงของเขาเต็มไปดวงโทสะ ไม่คิดละเว้นคนที่ทำร้ายคนที่เขารักที่สุด แม้คนตรงหน้าจะเป็นคู่หูของเขาก็ตาม


จากสายตาของเอลฟ์ พวกเด็กน้อย และผู้คนในปราสาทมีเพียงผู้ติดเชื้อดวงตาสีแดงที่ร่างกายเน่าแฟะ และอาหารที่อยู่จัดวางบนโต๊ะก็เป็นเพียงศพเน่าเหม็น เนโรเข้าต่อสู้กับวัน (ชาย) ทันที ก่อนที่วัน (หญิง) จะบอกให้น้องชายใชัพลังแห่งเสียงเพลง ถึงตอนแรกชายหนุ่มจะไม่มั่นใจ แต่เมื่อพี่สาวยืนยันว่าถึงเขาจะใช้พลังก็ไม่เป็นอะไร วัน (ชาย) จึงทำตามคำพูดของเธอ ทว่าไม่ทันที่เขาจะสู้กับเอลฟ์หนุ่มอีกรอบ มังกรสีดำก็ทำลายเพดานปราสาทลงมาเสียก่อน


วัน (หญิง) ตะโกนห้ามมังกรทันที และโดยไม่ทราบเหตุผลมันก็ทำตามคำสั่งของเธออย่างว่าง่าย เนโรมองหญิงสาวด้วยความขยะแขยง แล้วเอ่ยคำหยาบคายดูถูก ทำให้วัน (ชาย) พุ่งเข้าไปโจมตีคนตรงหน้าด้วยความโกรธทันที หลังจากที่เอลฟ์หนุ่มกระโดดหลบอาวุธของอีกฝ่าย เขาก็ยืนอยู่เฉยๆ จนวัน (ชาย) ลงดาบใส่ ผ้าคาดผมของเนโรร่วงหล่น ทว่าจู่ๆ ชายผมทองก็ไม่สามารถขยับร่างกายของตนได้ และมันก็เป็นเพราะเวทมนต์ของเอลฟ์ตรงหน้าของเขานั่นเอง

แม้การฝืนใช้เวทมนต์จะทำให้ผนึกที่หน้าผากของเนโรมีบางอย่างทิ่มแทงออกมาจนเลือดไหลไม่หยุด แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านั้น เขาบีบมือของวัน (ชาย) ให้ปล่อยอาวุธลง ส่วนมืออีกข้างก็คว้าลำคอของอีกฝ่ายไว้ ขณะที่ชายหนุ่มกำลังขาดอากาศหายใจ ดาบเล่มหนึ่งก็แทงผ่านร่างของวัน (ชาย) จากด้านหลังจนทะลุมาโดนท้องของเนโร และคนที่ทำเช่นนั้นก็คือวัน (หญิง)


วัน (ชาย) มองผู้เป็นพี่อย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ทำร้ายตน พร้อมกันนั้นร่างของเนโรก็เปลี่ยนเป็นขนนกสีดำ ก่อนที่เขาจะเผยร่างจริงซึ่งตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังฝาแฝด เอลฟ์หนุ่มกล่าวว่าหญิงสาวเป็นพี่สาวตัวปลอม แล้วยิงหน้าไม้ใส่จนวัน (หญิง) ต้องล่าถอยไป ส่งผลให้วัน (ชาย) ยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น เนโรจึงอธิบายว่าสิ่งที่ชายหนุ่มได้เห็นนั้นเป็นภาพลวงตาที่เกิดจากเวทมนต์ดำของเอลฟ์ และเมื่อเขาดีดนิ้ว ร่างของเด็กๆ กับผู้ที่อยู่ในห้องโถงก็มีขนนกสีดำปรากฏขึ้น แล้วร่างแท้จริงของพวกเขาที่เป็นเพียงศพมีชีวิตจะเผยต่อสายตา แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายของตนจึงเปลี่ยนไปราวกับพวกเขาต้องมนต์ไม่ต่างกัน


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวจริงของตนแล้ว เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงตัวปลอมจึงไม่ปกปิดตัวเองอีกต่อไป เธอเผยร่างจริงที่เป็นเอลฟ์สาวผมสีเข้มคนหนึ่ง ก่อนกล่าวทักทายพี่ชายด้วยท่าทียียวนชวนโมโห กระนั้นวัน (ชาย) ก็ยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เนโรจัดการเตะเพื่อนของตนออกไปให้พ้นทาง ก่อนถามน้องสาวร่วมสายเลือดว่าเธอมีพลังควบคุมผู้มีดวงตาสีแดงได้อย่างไร เอลฟ์สาวจึงปลดเสื้อผ้าของตนลงเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นอักขระบนร่างกายอันเป็นแหล่งเวทมนต์ที่พี่ชายของเธอต้องการมาตลอด เนโรรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายได้สังหารผู้อาวุโสเพื่อขโมยมันมา แล้วสองพี่น้องก็เริ่มต่อสู้กัน

เอลฟ์สาวกล่าวว่าตนใช้พลังควบคุมผู้มีดวงตาสีแดงเพื่อทำให้โลกเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งเช่นเดียวกับที่พี่ชายต้องการ แต่นั่นกลับทำให้เนโรยิ่งอยากฆ่าเธอด้วยความโมโห เขาใช้เวทมนต์สู้กับเธอ แต่ไม่นานนักผนึกบนร่างกายก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจนเสียท่าให้ผู้เป็นน้อง ตอนนั้นเองวันก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เอลฟ์สาว ในสายตายังเห็นภาพอีกฝ่ายเป็นพี่สาวผู้ให้กำเนิด ขณะที่เธอเริ่มกล่าวหลอกล่อให้เขาร่วมมือกับตัวเองเพื่อครอบครองโลกใบนี้

หลังจากได้ยินเช่นนั้นวันก็ใช้ดาบโจมตีหญิงสาวตรงหน้าทันที ไม่มีทางที่พี่สาวของเขาจะพูดจาเช่นนั้น สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการได้ปกป้องโลกใบนี้ ทว่าร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บมาก่อนก็ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจสู้กับเวทมนต์ และภาพลวงตาของเอลฟ์สาวได้ เธอสั่งให้มังกรดำกินชายตรงหน้าเพราะเธอไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแล้ว เอลฟ์สาวสัมผัสร่างกายตนเองสนองความสุขสมทางเพศ พร้อมเอ่ยถากถางที่เขาสร้างลัทธิผู้เฝ้ามองขึ้นมอง และเธอก็จะใช้ผู้มีดวงตาสีแดงสังหารราชาของประเทศทุกแห่งเพื่อก่อให้เกิดสงคราม แล้วโลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยการเข่นฆ่า บ้าคลั่ง และเลือดตามที่เธอปรารถนา

ตอนนั้นเองมังกรดำก็เอ่ยแสดงความเห็นด้วยกับเอลฟ์สาว เขาไม่ต้องทั้งมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตอื่น และนั่นก็รวมไปถึงเอลฟ์ตรงหน้าเขาด้วย และก่อนที่เอลฟ์สาวจะรู้ตัวว่าเวทมนต์ของเธอควบคุมมังกรไว้ไม่ได้ ร่างของเธอก็ถูกอีกฝ่ายผ่าครึ่งเสียแล้ว

มังกรดำหันมาหาวัน แล้วกล่าวว่าเขาเป็นเพียงของจอมปลอมที่เกิดจากเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงต้องสาป และเมื่อมังกรไม่ยอมตอบคำถามว่าเหตุใดเขาจึงตามล่าตัวชายหนุ่ม วันก็เข้าโจมตีอีกฝ่ายด้วยความกราดเกรี้ยว ทว่าฝีมือที่ต่างกันก็ทำให้เขาต้องสูญเสียแขนขวาไป ก่อนที่มังกรดำจะใช้เท้ากดชายหนุ่มไว้กับพื้น แต่สุดท้ายมังกรกลับไม่ยอมฆ่าเขา


มังกรดำอธิบายว่าตนต้องการทำลายพวกมนุษย์ให้หมดสิ้น การที่วันมีชีวิตต่อไปจะเป็นผลดีต่อเขามากกว่า เพราะแท้จริงแล้วชายหนุ่มนั่นแหละที่เป็นแหล่งกำเนิดโรคดวงตาสีแดง ดังนั้นทุกคนในโบสถ์จึงติดโรค ทุกทีที่เขาไปจึงเกิดหายนะ และก็เป็นชายหนุ่มเองที่ลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น

ความจริงที่ได้ยินทำให้วันรับไม่ได้ เนโรจึงยิงหน้าไม้เข้าใส่มังกร เอลฟ์หนุ่มไม่ได้ต้องการเห็นโลกถูกทำลาย แต่ต้องการทำลายมันด้วยมือของตนเอง เขาจึงไม่เห็นด้วยกับการกระทำของมังกรดำ และด้วยความที่ไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ มังกรดำก็ได้จากไปโดยไม่ลืมเอ่ยทิ้งท้ายให้เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงตัวปลอมมีชีวิตเพื่อแพร่โรคดวงตาสีแดงต่อไป

ถึงแม้วันจะกำลังเสียใจที่ตนเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ทั้งๆ ที่เขาเพียงต้องการปกป้องโลกใบนี้เพื่อพี่สาวผู้จากไปเท่านั้น เนโรกลับแสดงความยินดีออกมาที่การได้ร่วมเดินทางกับอีกฝ่ายซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคระบาดจะทำให้ตนได้ฆ่าผู้ติดเชื้อต่อไปเรื่อยๆ ตอนนั้นเองเหล่าผู้มีดวงตาสีแดงซึ่งหลุดจากเวทมนต์ของเอลฟ์สาวก็พากันกรูเข้ามาหมายทำร้ายทั้งสอง ทว่าชายหนุ่มผมทองได้หมดกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไปแล้ว และในช่วงที่เนโรพยายามตะโกนเรียกสติของพื่อน วันก็ขอร้องให้เอลฟ์หนุ่มสังหารตนเสีย


เนโรต่อว่าชายหนุ่มที่มีความคิดเช่นนั้นทันที เขาหยิบดาบของอีกฝ่ายยื่นให้เจ้าตัว วันเหยียดยิ้ม กล่าวว่าเขาหวังให้เอลฟ์หนุ่มสังหารตนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเขาไม่มีความกล้าพอที่จะทำมันเอง สิ่งที่ได้ยินทำให้เนโรกัดฟันแน่น ในมือยังคงกำดาบของวันไว้ ดาบเขี้ยวมังกรที่ชายหนุ่มเคยใช้สังหารเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงคนสุดท้าย

ปี 1096 สงครามขยายตัวไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว แผนที่แบ่งเขตการปกครองแทบถูกเขียนใหม่ทุกวัน ผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ การต่อสู้แบ่งเป็นสองฝ่ายใหญ่ๆ คือจักรวรรดิซึ่งเข้าร่วมลัทธิผู้เฝ้ามอง และทหารก็ล้วนเป็นผู้มีดวงตาสีแดง ส่วนอีกด้านคือเหล่าประเทศเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นสหภาพเพื่อต่อต้านดวงตาสีแดง ทว่าพละกำลังที่ต่างกันก็ทำให้ฝ่ายสหภาพเกิดความสูญเสียมากมาย และทหารก็พากันเสียขวัญ ทว่าพวกเขาก็ยังมีอัศวินผู้เก่งกาจอยู่คนหนึ่ง ชายนั้นก็คือไคม์ เจ้าชายของประเทศที่ล่มสลายซึ่งได้ลี้ภัยมาเข้าร่วมเป็นทหารของสหภาพเพื่อแก้แค้นผู้พรากเหล่าคนสำคัญของตน ไคม์เข้าต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความเกรงกลัว และหลังจากที่ชายหนุ่มปลิดชีพทหารจักรวรรดิไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็พบกับความหฤหรรษ์จากการเข่นฆ่าจนไม่อาจปิดบังรอยยิ้มระหว่างต่อสู้ได้


สงครามละเลงเลือด และไฟไปทั่วโลก ขณะเดียวกันมันก็ทำให้มังกรดำวิวัฒนาการ และมีร่างกายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนทางด้านต้นเหตุของโรคระบาดนั้น เนโรยังคงพาวันร่วมออกเดินทางไปกับตน เอลฟ์หนุ่มซึ่งยืนอยู่บนหน้าผาชี้ชวนเพื่อนให้มองความโกลาหลที่เกิดขึ้นด้วยกัน และเมื่อไร้การตอบรับใดๆ จากอีกฝ่าย เขาจึงนึกได้ว่าวันอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่าง


เนโรหื้วศีรษะที่ไร้ร่างกายของวันขึ้นมา ทว่าดวงตาสีแดงของอีกฝ่ายก็ไม่รับรู้ภาพที่อยู่ตรงหน้า เอลฟ์หัวเราะออกมาด้วยความบ้าคลั่ง แล้วออกเดินทางเพื่อแพร่โรคดวงตาสีแดงด้วยศพของผู้สืบทอดพลังเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงคนสุดท้ายต่อไป

เรื่องราวของเอลฟ์หนุ่มหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สามารถยืนยันได้ และในเมื่อไม่อาจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก ผู้สังเกตการณ์สาวผู้สวมแว่นตาจึงตัดสินใจจบบันทึกเรื่องของเนโร และวันแต่เพียงเท่านี้ ก่อนที่เธอจะยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นเพื่ออกเดินทางอีกครั้ง...

เกร็ดความรู้
  • ลำดับเหตุการณ์ในเรื่องเป็นที่ถกเถียงในหมู่ผู้อ่าน จะสังเกตได้ว่าตอนบุกมหารวิหารนั้นวันได้เสียแขนข้างหนึ่งแล้ว ทว่าเรากลับเห็นว่าเขาเพิ่งถูกมังกรทำแขนขาดไปในตอนหลัง ถ้าบอกว่าเจอน้องสาวของเนโรเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อน คำพูดของเนโรก็จะขัดกันเอง เพราะเขาได้รู้ต้นเหตุของโรคดวงตาสีแดงในตอนนี้ แต่ตอนบุกมหาวิหารเขายังไม่รู้ถึงสาเหตุของมัน อีกทั้งตอนแรกเขาก็ยังไม่มีแผลเป็นที่หน้าผากอีกด้วย ยังไงเอาเป็นว่าเรื่องราวทั้งหมดก็ประมาณนี้แล้วกันนะคะ (ฮา)
  • จากบทสนทนาของเนโร และน้องสาว เนโรน่าจะถูกผนึกไม่ให้ใช้เวทมนต์ หรือเข้าใกล้คนในเผ่าพันธ์เดียวกันไว้ และสาเหตุก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาน่าจะเคยพยายามฆ่าผู้อาวุโสเพื่อขโมยเวทมนต์ของอีกฝ่ายเหมือนที่น้องสาวของเขาทำ แต่เอลฟ์หนุ่มทำไม่สำเร็จ
  • อีกประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงกันคือในตอนสุดท้ายวันเสียชีวิตแล้วหรือไม่ เพราะเรารู้กันว่าเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงไม่ตายง่ายๆ และจากอักขระเวทมนต์ใต้คอของวัน จึงมีความเป็นได้ที่เนโรจะตัดหัวของเขาโดยไม่ใช้ดาบเขี้ยวมังกรเพื่อให้เขาเป็นหัวมีชีวิต จะได้แพร่โรคดวงตาสีแดงต่อไป แต่ส่วนตัวคิดว่าวันน่าจะตายแล้ว เพราะบาดแผลบนใบหน้าของเขาไม่รักษาตัวเอง อีกทั้งยังดูเหมือนเริ่มเน่าจนเห็นกระดูกข้างใน เนโรน่าจะพยายามใช้เวทมนต์คงสภาพหัวของอีกฝ่ายไว้มากกว่า และเนื้อเรื่องจะได้ไม่ขัดกับเหตุการณ์ในภาค 2 ซึ่งกล่าวว่าหลังเหตุการณ์ในเกมภาคแรก โรคดวงตาสีแดงก็เริ่มลดลง เพราะถ้าวันยังไม่ตาย เนโรก็จะสามารถใช้เขาแพร่โรคต่อไปเรื่อยๆ ได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa