Spoil Drag on Dragoon 3 Special Part 3.1 : Shi ni Itaru Aka


เมื่อมังงะ Utahime Five ที่เป็นเหตุการณ์ก่อนเริ่มเกมหลัก มีวันเป็นตัวเอก Drag on Dragoon 3 Shi ni Itaru Aka ซึ่งมีเนื้อเรื่องต่อจากฉากจบ A ของเกมจึงมีวันเป็นตัวเอกเช่นกัน แต่ในคราวนี้วันคนนั้นคือวัน (ชาย) ผู้สืบทอดพลังของดอกไม้สีดำที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ตอนแรกผู้เขียนคิดว่าจะเอามาเขียนหลังจากแปลเนื้อหาในเกมครบทุกฉากจบแล้ว แต่มันก็คงจะอีกนาน (ฮา) กลัวว่าจะลืมกันไปเสียก่อนว่าฉากจบ A เป็นอย่างไร ก็เลยตัดมาเขียนเลยก็แล้วกันค่ะ

คำเตือน เนื้อหาในมังงะมีเรื่องขัดต่อศีลธรรมมาก โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่านนะคะ

หลังจากที่สังหารซีโรตามคำสั่งของผู้ให้กำเนิด วันก็ได้สวมรอยพี่สาวก่อตั้งลัทธิผู้เฝ้ามอง เมื่อวันเวลาผ่านไปลัทธิก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในที่สุดวันกลับต้องการล้มล้างสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้น และการทรยศต่อความเชื่อของผู้ศรัทธานี่เองทำให้ต่อมาเขาก็ถูกเนรเทศออกจากลัทธิ

96 ปีหลังจากที่วันต้องสูญเสียบุคคลที่เขารักที่สุด บัดนี้ชายหนุ่มได้กลับมายังมหาวิหารอีกครั้ง ผู้ที่เดินอยู่ด้านหลังคือเอลฟ์ผู้มีนามว่าเนโร สหายร่วมภารกิจผู้ชื่นชอบความวายวอด ทั้งคู่ฆ่าคนที่พบเห็นไปเรื่อยๆ ไม่นานนักเสียงผู้หญิงกรีดร้องก็ดังมาให้ได้ยิน เมื่อวันไปถึงต้นเสียงเขาก็พบกับกลุ่มชายกำลังย่ำยีหญิงสาวคนหนึ่ง ชายหนุ่ม กับคู่หูจึงจัดการฆ่าเดรัจฉานเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ทว่าสิ่งที่เขาทำหลังจากช่วยเหลือหญิงคนนั้นได้แล้วก็คือการเอาดาบแทงทะลุอกของเธออย่างไร้ความปราณี ก่อนสั่งให้เอลฟ์หนุ่มเผาศพทุกคนในบริเวณนั้นซะ


เพลิงลุกท่วมบ่งบอกถึงภัยที่มาเยือน ชาวบ้านต่างพากันออกจากบ้านเพื่อไปหลบภัยยังวิหาร เมื่อผู้คนอยู่เต็มถนนก็ทำให้การสังหารของวัน และเนโรเป็นไปได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็ก คนแก่ หรือผู้หญิงมีครรภ์ พวกเขาก็ไม่ละเว้น แต่ไม่นานนักทหารก็ออกมาให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ชายหนุ่มทั้งสองถูกล้อม แม้ว่าวันจะไม่อาจเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงที่แท้จริง แต่เขาก็ยังสามารถใช้พลังบางส่วนของพวกเธอได้ ชายหนุ่มเร่งพลังให้ตัวเอง แล้วเข้าฟาดฟันฝ่ายตรงข้าม ขณะที่เนโรใช้หน้าไม้ยิงขึ้นบนอาคารใกล้ๆ เพื่อหลบลูกหลงจากการโจมตีของเพื่อนร่วมทาง และเพื่อเตรียมพร้อมกับมือกับอะไรบางอย่างที่มักปรากฏตัวทุกครั้งที่วันใช้พลังแห่งเสียงเพลง


ไม่นานนัก มังกรสีดำตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น มันเข้าโจมตีวันเช่นครั้งที่ผ่านๆ มา ยิ่งสร้างความวุ่นวายแก่ชาวบ้านที่พยายามหนีตาย แต่วันก็สามารถหลอกล่อมังกรเข้าวิถียิงของเนโรได้ หลังจากถูกโจมตีเข้าอย่างจัง ศัตรูของเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงจึงหนีไป เมื่อสถานการณ์สงบลง วันก็หันไปสังหารหญิงชรา และหลานสาวของเธอที่หลบอยู่ไม่ห่างทันที แต่ยังไม่ทันที่เนโรจะจัดการจุดไฟเผาศพที่กระจัดกระจายทั่วบริเวณ ร่างของหญิงสูงวัยที่เพิ่งถูกจบชีวิตไปก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาพร้อมดวงตาที่กลายเป็นสีแดงก่ำ เธอกระโดดเข้าโจมตีทั้งสองจากด้านหลัง แต่ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีเดียวกันก็หันไปจัดการฟันร่างของอีกฝ่ายขาดสองท่อนได้ทัน


ร่างของผู้ที่วัน และเนโรเพิ่งฆ่าไปต่างทยอยลุกขึ้นมา ดวงตาสีแดงจับจ้องมาที่คนนอกทั้งสองก่อนเข้าโจมตีด้วยพลังที่มากมายผิดธรรมชาติ และแม้จะบาดเจ็บเพียงใดพวกเขาก็ไม่มีท่าทีเจ็บปวด หรือหวาดกลัวแม้แต่น้อย ทุกคนต่างบ้าคลั่งไร้สติมีเพียงจิตที่ต้องการสังหารเท่านั้นที่ทำให้เคลื่อนไหว มันคือสิ่งที่เรียกว่าโรคดวงตาสีแดง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าโรคนี้แพร่ระบาดได้อย่างไรจึงไม่มีใครคิดหาวิธีรักษาได้ ด้วยความที่เนโรเป็นเอลฟ์เขาจึงมีภูมิคุ้มกันต่อโรค ส่วนในกรณีของวันเป็นเพราะโรคนี้ และพลังของเขาเป็นสิ่งเดียวกัน มันจึงไม่อาจทำอะไรเขาได้

วันใช้พลังดูดเลือดของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายตนเอง ทันใดนั้นบาดแผลทั้งหมดก็ถูกรักษา พร้อมพลังที่เพิ่มมากขึ้น แต่มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นปีศาจเช่นกัน

ในที่สุดวัน และเนโรก็บุกมาถึงมหาวิหาร ที่นั่นพวกเขาได้พบกับนางชีคนหนึ่งขวางทางไว้ เมื่อเธอถามถึงสาเหตุที่ทั้งสองทำเช่นนี้ ชายหนุ่มผมทองก็ตอบว่าเขาต้องการชดใช้บาป ก่อนที่พวกเขาจะผ่านเข้าไป ดวงตาของชีก็กลายเป็นสีแดง ทว่าขณะที่เธอพุ่งตัวหาผู้บุกรุกนั่นเอง เธอกลับถูกกับดักบนพื้นแทงทะลุร่างจนเสียชีวิตแทนเป้าหมายตัวจริง และคนที่สั่งให้ทำมันขึ้นมาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังค์ในห้องโถงของมหาวิหาร เฟย์ ผู้นำคนปัจจุบันของลัทธิผู้เฝ้ามอง เหลนผู้สืบสายเลือดของผู้ก่อตั้งลัทธิ


เฟย์ สั่งให้ทหารจับตัวผู้ทรยศทันที ทำให้วันต้องรับมือกับศัตรูจำนวนมากเพียงลำพัง เนื่องจากเนโรซึ่งคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นในการต่อสู้ครั้งนี้ได้หลบขึ้นไปดูเหตุการณ์ห่างๆ บนขอบหน้าต่าง หญิงสาวรอคอยการมาถึงของทวดมาโดยตลอด รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องมาสังหารตนไม่ต่างจากที่เขาทำกับปู่ และพ่อของเธอ เฟย์ไม่คิดจะตายที่นี่เช่นเดียวกับทั้งสอง และเธอจะจัดการฆ่าทวดของตนในสถานที่ที่เขาเคยสังหารเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองให้ได้

ผู้นำลัทธิสาวใช้เวทมนต์ปกป้องตนเอง และเด็กหญิงที่เกาะกระโปรงของเธอ สร้างกำแพงเวทมนต์ขังวันไว้กับทหารที่ถูกเปลี่ยนร่างกลายเป็นปีศาจ 2 ตัว ในตอนนั้นเองเฟย์ก็เริ่มพรั่งพรูสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ สิ่งที่ทำให้เธอแค้นทวดมากที่สุดอาจไม่ใช่การที่เขาฆ่าปู่ กับพ่อ แต่เป็นเรื่องที่ไม่ยอมฆ่าลูอิส พี่ชายฝาแฝดของเธอให้เร็วกว่านี้ หญิงสาวจะได้ไม่ต้องถูกกักขังไว้บนหอคอยเพื่อเป็นตัวสำรองของอีกฝ่าย ที่ผ่านมาเธอต้องอาศัยอยู่แต่ในห้องเล็กๆ ที่มีเพียงประตูเหล็ก และกำแพงหิน หน้าต่างก็อยู่สูงจนไม่อาจปีนขึ้นไป หรือมองเห็นท้องฟ้าได้ ที่สำคัญการที่ลูอิสไม่ถูกฆ่ายังทำให้เธอต้องตั้งท้องกับชายที่เธอไม่ได้รัก จนให้กำเนิดลูกสาวที่ตอนนี้กำลังยืนร้องไห้อยู่ข้างกาย และทั้งๆ ที่เธออุตสาห์ได้เป็นอิสระหลังจากที่พี่ชายถูกมังกรฆ่าตายไปแล้ว เธอกลับต้องมาถูกทวดตามสังหารอีก


แม้จะไม่มีน้ำตา แต่เฟย์ก็เหมือนกำลังร้องไห้อยู่ วันจึงใช้พลังแห่งเสียงอีกครั้งเพื่อล้มปีศาจทั้ง 2 ตัว ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้เหลนของตนพร้อมกล่าวคำพูดที่ราวกับว่าเขากำลังบอกตัวเองมากกว่า

"กำแพงหิน กับประตูเหล็ก เจ้าพูดว่าเจ้าไม่พอใจกับพวกมันอย่างนั้นเหรอ เจ้าไม่พอใจกับการใช้ชีวิตในหอคอยที่ทำให้เจ้าไม่เคยเห็นสีของท้องฟ้าอย่างนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่มันทำให้เจ้าปลอดภัย ทั้งๆ ที่ถ้าเจ้าอยู่ในนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่ถ้าเจ้าอยู่ในนั้นก็ไม่ใครฆ่าเจ้าได้แท้ๆ ไม่มีใครเคยสอนเจ้าเลยใช่ไหมว่าการใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงน่ะมันไม่ง่ายเลยสักนิด"

ชายหนุ่มพูดด้วยความเจ็บปวดลึกๆ ขณะบั่นคอหญิงสาวตรงหน้าจนขาดกระเด็น เขาเอื้อมมือซ้ายที่เป็นจักรกลไปสัมผัสเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ก่อนนึกได้ว่าตนลืมโหลนไปอีกคน เขารีบหันไปค้นหาตัวอีกฝ่าย และโดยไม่ต้องเสียเวลานาน เนโรก็จัดการหื้วหลังของเด็กหญิงมาโยนลงต่อหน้าชายหนุ่ม โคลร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นศีรษะของแม่อยู่เบื้องหน้า และเมื่อเธอเรียกร้องหาอีกฝ่ายได้เพียงครั้งเดียว วันก็ฟันดาบตัดคอจบชีวิตของเด็กหญิงทันที

"ไปจัดการพวกที่เหลือกัน ข้าจะไม่ยอมทำเรื่องผิดพลาดซ้ำสองอีกแล้ว"

เมื่อได้ยินดังนั้นเนโรก็เหยียดยิ้มออกมาด้วยความสนุก ก่อนถามคู่หูว่าเรื่องผิดพลาดนั่นหมายถึงอะไร หมายถึงเรื่องที่ฆ่าเหลนตัวเองซึ่งเติบโตมาเป็นหัวหน้าลัทธิ แล้วรวบรวมผู้มีดวงตาสีแดง หมายถึงเรื่องที่ถูกอีกฝ่ายไล่ต้อนจนต้องหนีไปมาอยู่นาน หรือหมายถึงความจริงที่เขาเป็นคนทำลายประเทศๆ หนึ่งไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วจากความใจดีโง่ๆ ของตัวเอง

คำพูดของเพื่อนทำให้วันเลือดขึ้นหน้า เขาบีบคอเอลฟ์หนุ่มซึ่งรีบกล่าวขอโทษแทบไม่ทัน แต่หลังจากที่ชายผมทองปล่อยตัวเองแล้ว เขาก็ไม่วายเอ่ยว่าตนก็แค่สงสัยว่าเจ้าชาย และเจ้าหญิงของประเทศนั้นในตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเอลฟ์จึงจัดการวางเพลิงมหาวิหาร ก่อนที่ทั้งสองจากเดินจากไป

การกระทำของทั้งสองไม่อาจพ้นสายตาของผู้สังเกตการณ์ได้ เธอจดบันทึกเรื่องที่วัน กับเนโรออกเดินทางฆ่าล้างผู้ที่ติดโรคดวงตาสีแดง พร้อมหมายมั่นที่จะล้มล้างลัทธิผู้เฝ้ามอง และความป่าเถื่อนทั้งหมดนี้ก็เริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งทางตะวันออกที่มีชื่อว่าคาร์เลออน

เกร็ดความรู้
  • ในฉากจบ A แม้ว่าวัน (หญิง) จะเอาชนะซีโรได้ วัน (ชาย) ก็รู้ดีว่าเธอจะใช้เขาเป็นคนปลิดชีวิตเธอหลังจากนั้น เพราะพี่สาวของเขารู้ว่าหากปล่อยให้ดอกไม้เติบโตจนครอบงำร่างกายได้ มนุษยชาติจะต้องถูกทำลาย ขณะเดียวกันวัน (หญิง) ก็คิดว่าหลังจากที่วัน (ชาย) ฆ่าซีโร หรือตัวเธอเองได้แล้วเขาจะฆ่าตัวตายตาม ดังนั้นความจริงแล้ววัน (หญิง) ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งวัน (ชาย) ให้เผชิญชะตากรรมคนเดียว
  • หลังจากเสียพี่สาวไปใหม่ๆ วัน (ชาย) เคยเอาเสื้อผ้าของอีกฝ่ายมาใส่แล้วไปยืนหน้ากระจก ใบหน้าแบบเดียวกันนั่นเองก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเธอยังอยู่ตรงหน้า  เคียงข้างเขาไม่ต่างจากสมัยก่อน เขาจึงคิดว่าหากตัวเองมีชีวิตต่อไป เธอก็จะมีชีวิตต่อไปด้วย วัน (ชาย) จึงไม่ได้ฆ่าตัวตาย (ที่จริงเคยใช้ดาบธรรมดาแทงตัวเองแล้วแต่ไม่ตาย เนื่องจากเขามีพลังของเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง แถมลืมดาบเขี้ยวมังกรไว้ในโถงหลังฆ่าซีโร แต่ภายหลังเขาก็กลับไปเก็บดาบเล่มนั้นไว้กับตัว)
  • วัน (ชาย) มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่บ่อยๆ 
  • ภรรยาของวัน (ชาย) มีชื่อว่าโรซา ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยจากดินแดนแห่งป่า แต่ประวัติของเธอนอกจากนั้นไม่ปรากฏ
  • วัน (ชาย) มีลูกฝาแฝด 2 คน แต่อีกคนน่าออกไปจากมหาวิหารแล้ว เพราะราเมีย แม่ของเซเร และมานาห์ ตัวละครในเกมภาคแรก เป็นเพียงแค่หญิงชาวนาธรรมดา ทำให้วัน (ชาย) อาจสืบที่อยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้ เลยหันมาสังหารสายเลือดของตนที่ยังปกครองลัทธิผู้เฝ้ามองซึ่งหาตัวง่ายกว่า
  • โคล เป็นลูกสาวที่เฟย์ตั้งท้องกับพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง ในเรื่องไม่ได้มีบอกไว้ว่าเริ่มขึ้นได้อย่างไร แต่ผู้เขียนคิดว่ามีโอกาส 2 กรณีคือ ลูอิสขืนใจเธอ หรือไม่ทั้งสองคนก็ถูกบังคับให้มีลูกด้วยกันเพื่อรักษาสายเลือดผู้นำลัทธิเอาไว้ แต่ที่แน่ๆ คือเฟย์ไม่ได้ยินยอมด้วย
  • ห้องที่เฟย์ถูกขังไว้ตอนเด็กมีลักษณะเหมือนกับห้องที่วัน (ชาย) เคยอยู่ ทั้งคู่เกิดมาเพื่อเป็นตัวสำรองให้คู่แฝดของตัวเองเหมือนกัน แต่ผิดกันที่วัน (ชาย) ไม่เคยต้องการออกจากห้องไปเลย เขารู้สึกปลอดภัย และมีความสุขที่ได้รอให้พี่สาวมาเยี่ยมเยียน ไม่ต้องทำอะไร หรือฆ่าใครทั้งนั้น ทำให้หลังจากที่ฆ่าซีโรได้ เขาก็รีบกลับมาขังตัวเองไว้ในห้อง ทั้งทำลายประตูเพราะไม่ต้องการออกไปเผชิญเรื่องเลวร้ายอีก แต่ต่อมาทหารของมหาวิหารก็หาตัวเขาพบ และเข้าใจผิดว่าเขาคือวัน (หญิง) เจ้านายของพวกตน วัน (ชาย) จึงสวมรอยเป็นพี่สาวนับแต่นั้น และสร้างลัทธิผู้เฝ้ามองขึ้นมา
  • วัน (หญิง) เองก็ไม่เคยสอนวัน (ชาย) ว่าการใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงนั้นต้องทำเช่นไร ทำให้เขากล่าวกับเฟย์เช่นนั้น
  • ลัทธิผู้เฝ้ามอง Cult of the Watchers ตั้งชื่อตามการที่วัน (หญิง) คอยเฝ้ามองมองดูแล (Watch) วัน (ชาย) มาตลอด แต่คำว่า Watchers เองนั้นหมายถึงเทพรับใช้ของเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง และยังรวมไปถึงกาเบรียลด้วย
  • สัญลักษณ์ของลัทธิผู้เฝ้ามองถูกเรียกอีกอย่างว่าแฝดสามตา
  • ผู้ศรัทธาในลัทธิผู้เฝ้ามองจะเป็นโรคดวงตาสีแดงทั้งหมด เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาจะสูญเสียตัวตนเหลือเพียงเป้าหมายเดียวคือการทำทุกอย่างเพื่ออัญเชิญ Watchers ทว่าระยะเวลาก่อนสูญเสียตัวตนไปของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa