Spoil NieR Gestalt/Replicant Part 4 เพราะเราเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง


อาการของโยนาห์ไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย ซ้ำยังมีทีท่าแย่ลงเรื่อยๆ จนเนียร์รู้สึกปวดใจที่ไม่อาจหาทางรักษาเธอได้ เขาพยายามทำงานหาของมาเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้ลูกสาว/น้องสาว โดยมีโปโปลาและเดโวลาคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือ

แต่เมื่อเนียร์จำเป็นต้องออกไปทำงานอันตรายมากขึ้น โปโปลาจึงเสนอให้เขาอัพเกรดอาวุธเพื่อใช้ปกป้องตนเอง หญิงสาวแนะนำร้านช่างเหล็กซึ่งอยู่นอกเมืองไปทางตะวันออก ผ่านสะพานเหล็กสูงหักพังอันเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมโบราณที่เหลือรอดมาถึงยุคสมัยนี้ และเธอยังได้มอบหมายงานให้ไปช่วยดูสถานการณ์ที่เมืองเอรีย์ เพราะได้รับจดหมายจากผู้ใหญ่บ้านว่าเมืองของพวกเขาโดน Shade โจมตีอีกแล้ว

เนียร์เดินทางมาถึงร้านช่างเหล็กที่ราวกับค่ายทหารในสมัยก่อน ในร้านเขาพบกับเด็กชายวัยแรกรุ่นและเด็กชายที่อายุพอๆ กับโยนาห์อยู่กันลำพังสองคน พวกเขามีชื่อว่าเจคอบและกีเดียน แม้จะมีสภาพไม่ร่าเริงและดูผ่ายผอม เจคอบผู้เป็นพี่ชายก็ยืนยันตนอย่างแข็งขันว่าเขาคือช่างเหล็กและสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอาวุธให้เนียร์ได้ ทว่าตอนนี้พวกเขามีอุปกรณ์ไม่มากพอ

เจคอบเล่าว่าพ่อของพวกเขาเสียไปนานแล้ว เหลือเพียงเขา น้องชาย และแม่ 3 คน ปรกติแม่ของเขาจะเข้าไปหาวัตถุดิบที่จำเป็นจากโบราณสถานที่ถูกทิ้งร้างในภูเขาด้านหลังร้าน ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นค่ายทหาร และเรียกมันว่า Junk Heap แต่ไม่ว่าพวกมันจะคืออะไรกันแน่ ที่นั่นก็มีเหล็ก และวัตถุดิบสำหรับทำอาวุธอยู่มากมาย แต่ยิ่งเข้าไปลึกเท่าใดก็จะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหุ่นยนต์ออกมาทำร้ายผู้ที่บุกรุกมากขึ้นเท่านั้น และแม่ของพวกเขาก็ไม่ได้กลับมา 1 สัปดาห์แล้ว

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาวุธ เนียร์จึงอาสาเข้าไปหาวัตถุดิบจากกองขยะด้วยตนเอง ที่นั่นเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ดั่งที่เจคอบว่า เมื่อรวบรวมวัตถุดิบได้ครบเขาก็กลับมาที่ร้าน เจคอบรับงานอัพเกรดอาวุธให้เนียร์ กระนั้นเมื่อเห็นชายตรงหน้าสามารถเข้าไปใน Junk Heap และกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาจึงขอร้องให้เนียร์ช่วยกลับเข้าไปตามหาแม่ให้พวกเขา ทั้งนี้เพื่อกีเดียนน้องชายของเขาที่ร้องไห้หาแม่อยู่ตลอดเวลาด้วย เด็กหนุ่มได้ให้โค้ดสำหรับใช้ลิฟท์ เครื่องจักรจากโลกในอดีตที่สามารถช่วยให้พวกเขาเดินทางลงไปยังชั้นที่ลึกของกองขยะได้ เนียร์รับมันมาและกลับเข้าไปใน Junk Heap อีกครั้ง

เนียร์และไวส์เดินทางเข้าไปยังส่วนที่ลึกของ Junk Heap มากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเขาก็ไม่พบร่องรอยมารดาของเด็กทั้งคู่แม้แต่น้อย จนไวส์เอ่ยปากว่าเธอน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว กระนั้นเนียร์ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ พวกเขาเข้าไปลึกมากขึ้น และพบว่าที่นี่ก็เป็นที่อาศัยของ Shade ด้วยเช่นกัน เขาพบกับหุ่นยนต์ยักษ์ Geppetto ซึ่งเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ หลังจากล้มมันได้และออกสำรวจอีกครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับศพของผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นแม่ของเจคอบและกีเดียน ทว่ากลับมีศพของผู้ชายอยู่ใกล้ๆ เธอด้วย

ด้วยความสงสัย สองสหายเริ่มสำรวจศพของทั้งคู่ แต่สิ่งที่พบก็ทำเอาพวกเขาแทบพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอุปกรณ์ที่แสดงว่าเธอมาค้นหาวัตถุดิบเลยแม้แต่น้อย ในกระเป๋าของเธอเต็มไปด้วยเงิน เครื่องสำอางค์และอุปกรณ์สำหรับเดินทางไกล เดาได้ไม่ยากว่าเธอตั้งใจทิ้งลูกทั้งสองของตนเองไว้เบื้องหลัง แล้วหนีไปเริ่มชีวิตใหม่กับคนรัก และนั่นทำให้ไวส์รู้สึกขยะแขยง ส่วนเนียร์ก็ไม่รู้ว่าควรไปบอกเรื่องนี้แก่เด็กชายสองพี่น้องอย่างไรดี ก่อนจะละจากศพของคนทั้งสอง เนียร์พบขวดน้ำหอมใกล้ๆ กับตัวของเธอ จึงตัดสินใจเก็บมันกลับไปด้วย

เมื่อพวกเขากลับมายังร้านตีเหล็ก กีเดียนก็รีบถามหาถึงแม่ด้วยความหวัง เกมให้เราได้เลือกว่าจะบอกความจริงว่าเธอตายแล้ว หรือเลือกที่จะปิดบัง แสร้งโกหกว่าหาเธอไม่พบ แต่ไม่ว่าเราจะเลือกตอบอะไร นั่นก็สร้างความเจ็บปวดให้กีเดียนเป็นอย่างมาก เด็กชายไม่เชื่อสิ่งที่เนียร์บอกกับตนและวิ่งออกหลังร้านไป

“นางตายคนเดียวหรือเปล่าครับ”

เมื่อกีเดียนออกไปแล้ว เนียร์ได้ยินเสียงของเจคอบที่นิ่งเงียบอยู่นานดังขึ้นมา สร้างความแปลกใจให้เขามากที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ความจริง

เจคอบ : ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่จริงข้าก็พอจะรู้ความจริงทั้งหมดอยู่แล้ว โปรดบอกข้าทีว่านางได้ตายพร้อมกับคนที่นางรักหรือเปล่า

ไวส์ : เราเจอศพสองศพ ทั้งคู่น่าจะตายด้วยกันนั่นแหละ

เจคอบ : ดีแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงที่ฟังดูเจ็บปวดของเจคอบ ไวส์ก็อดถามไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างนั้นหรือ

เจคอบ : ท่านรู้ไหม ท่านแม่มักดูซึมเศร้าอยู่เสมอ บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกขัดแย้งระหว่างความรับผิดชอบที่มีต่อพวกข้า กับความรู้สึกที่หัวใจของนางเรียกร้องก็ได้ เพราะฉะนั้น ข้าคิดว่า... ข้าคิดว่าเป็นอย่างนี้ก็น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะ

เนียร์ : แล้วเจ้าให้อภัยนางเหรอ

เจคอบ : นางเป็นแม่ของข้าก็จริง แต่นางก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน คนเราก็เคยทำเรื่องผิดพลาดกันทั้งนั้น ข้าเข้าใจดี

เมื่อได้เห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเข้มแข็งมากแค่ไหน เนียร์ก็ตัดสินใจหยิบขวดน้ำหอมที่เขาเก็บได้มอบให้เจคอบ กลิ่นของมันทำให้เขาเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความโหยหา เพราะมันคือกลิ่นเดียวกับที่เขาเคยสัมผัสจากมารดาเมื่อยามที่เธอยังอยู่กับเขาและน้องชาย กระนั้นเจคอบก็ตั้งมั่นว่าจะไม่ร้องไห้ และจะเข้มแข็งขึ้นเพื่อปกป้องกีเดียน สมาชิกครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวของเขา

เจคอบออกไปตามน้องชายเพื่อมากล่าวอำลาแก่ผู้มีพระคุณที่ช่วยค้นพบความจริงที่ยากลำบากนี้ เนียร์และไวส์มองเด็กชายทั้งสอง เมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของคู่หู หนังสือสีขาวก็ให้กำลังใจโดยบอกว่าตนเชื่อว่าสิ่งที่เนียร์บอกแก่สองพี่น้องไปคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเดินทางสู่หมู่บ้านเอรีย์อีกครั้ง

Part นี้ ถึงจะดูว่าเนื้อเรื่องที่ Junk Heap ไม่ค่อยมีอะไร แต่เนื้อเรื่องส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับเนื้อเรื่องในอนาคต และเรามีความคิดว่าสถานที่นี้น่าจะมีในภาค Automata

ในเกมนี้จะมีเควสย่อยอื่นๆ ที่ทำให้เราปวดตับอีก ไม่ว่าจะเป็นเควสของคุณปู่ตามหาหมา ซึ่งพอเราไปตามหาก็พบว่าหมาตายแล้ว โดยที่ในปากของมันมีใบไม้อะไรบางอย่างอยู่ เมื่อนำมันกลับมา เรากลับพบหลานของเขาแทน หลานของเขาได้บอกว่าคุณปู่หัวใจวายตายไปแล้ว และใบไม้ที่เนียร์นำกลับมาคือสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมยาของปู่ของเขา หมาของปู่น่าจะไปพยายามหามันกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ

อีกเควสหนึ่งเป็นเควสของหญิงชราบนประภาคาร ที่แม้จะปวดขาจากการต้องเดินขึ้นไปจุดไฟ แต่เธอยังทำมันเรื่อยมาเพราะหวังว่าสามีที่ออกเรือไปจะกลับมาหา เธอเป็นมนุษย์ป้า ที่ใครๆ ในหมู่บ้านแสดงความรำคาญ หญิงชราฝากเนียร์ไปส่งจดหมายที่ไปรษณีย์ทว่าบุรุษไปรษณีย์ กลับกล่าวว่าตนเจ็บขาและไม่ยอมส่งมันให้เธอ

หญิงชราอยากเจอคนรักอีกครั้ง เลิกทำหน้าที่จุดไฟ และออกเรือไปตามหาเขา ซึ่งในหมู่บ้านไม่มีใครยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น อ้างว่าต้องพึ่งเธอให้ทำหน้าที่จุดไฟในประภาคารต่อ ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอป่วยเป็นโรค Black Scrawl และกำลังจะตาย สิ่งนี้คือความต้องการสุดท้ายในชีวิตของเธอ

เมื่อได้ทราบความจริงจากเนียร์ บุรุษไปรษณีย์จึงยอมเล่าความจริงว่าทุกคนในหมู่บ้านต่างโกหกเธอ บีบให้เธอทำหน้าที่ที่ไม่เหมาะกับวัย เพราะความจริงสามีของเธอออกเรือไปและเสียชีวิตไปนานแล้ว จดหมายที่เธอส่งให้คนรักถูกกองไว้ด้านหลังที่ทำการไปรษณีย์และคนที่เขียนจดหมายตอบกลับหาเธอคือพ่อของเขา และต่อมาเขาก็รับหน้าที่ต่อ ด้วยความที่ทุกคนในหมู่บ้านไม่อยากให้เธอเสียกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ จึงได้สร้างคำลวงยื้อเธอไว้ตลอดมา

“นางกำลังจะตายงั้นเหรอ ใครจะไปคิดกันล่ะ แล้วจะทำยังไงต่อไปอย่างนั้นเหรอ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าก็เป็นแค่บุรุษไปรษณีย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไงกับสถานการณ์เช่นนี้ หรืออะไรคือคำตอบที่ถูกต้อง แต่ท่าน นางดูเชื่อคำของท่าน เพราะฉะนั้นจะบอกความจริงนางหรือไม่ ขอให้เป็นการตัดสินใจของท่านก็แล้วกัน”

บุรุษไปรษณีย์กล่าวด้วยความเจ็บปวด ส่วนเนียร์ด้วยไม่อยากให้หญิงชราต้องรอคอยเช่นนี้ต่อไป เขาจึงตัดสินใจบอกเธอเรื่องที่คนในหมู่บ้านต่างโกหกเธอ เมื่อแรกหญิงชราโกรธมากที่ถูกหลอกมาตลอด กระนั้นพอสงบอารมณ์ได้ เธอก็บอกเนียร์ว่าที่จริงในใจลึกๆ ของเธอก็พอจะเดาความจริงออกสักพักแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ห้ามบอกใครในหมู่บ้านว่าเธอทราบเรื่องนี้แล้ว ให้ทุกคนได้เชื่อต่อไปว่าเธอเป็นแค่หญิงแก่โง่ๆ คนหนึ่ง ความหวังดีของทุกคนจะได้ไม่สูญเปล่า และฝากบอกบุรุษไปรษณีย์ด้วยว่า ขอบคุณ

เช้าวันต่อมา เมื่อเนียร์ไปที่ไปรษณีย์ บุรุษไปรษณีย์ก็บอกกับเขาว่าหญิงชราที่ประภาคารได้เสียชีวิตแล้ว เมื่อเช้ามีคนพบศพของเธอบนเตียงนอน และใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่

ความคิดเห็น

  1. อ่านจนจบแล้วน้ำตามันซึมๆนี่รึเปล่านะที่เป็นการแสดงออกว่าเราก็เป็นแค่คน คนหนึ่ง

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa