Spoil NieR Gestalt/ Replicant Part 2 ถึงเธอในอีก 1300 ปีข้างหน้า


โดยไม่อาจรู้ชะตาของเนียร์และโยนาห์ เรื่องราวก็ผ่านจากเวลานั้นมาอีก 1412 ปี (หรือ 1312 ปี ในภาค Gestalt) อารยธรรมเดิมของมนุษย์ได้สูญสิ้น ภาษาเลือนหาย เรื่องราวประวัติศาสตร์ถูกลืมจากความจำ ราวกับโลกได้ถูกล้างและสร้างขึ้นใหม่ กลายเป็นโลกแฟนตาซียุคกลาง ผู้คนที่เหลือรอดมากำลังเริ่มก่อร่างสร้างอารยธรรม ทว่าไม่มีใครจำเรื่องราวที่เกิดในอดีตได้อีกแล้ว และเกมก็ให้เราได้พบกับเนียร์และโยนาห์อีกครั้ง

ทั้งสองรอดมาได้อย่างนั้นหรือ ทำไมถึงมีชีวิตยืนยาว ทั้งคู่กลับชาติมาเกิด หรือว่าแค่คนหน้าเหมือน เราไม่อาจคาดเดาได้ รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ทั้งสองคนยังมีหน้าตาเหมือนเดิม ชื่อเหมือนเดิม ความสัมพันธ์เหมือนเดิม และความผูกผันที่มีให้กันเหมือนเดิมกับคนที่โตเกียวเมื่อ 1300 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา

โยนาห์ป่วยด้วยโรคร้ายที่ค่อยๆ กัดกินเธอ เราได้รู้ว่าตัวหนังสือแปลกๆ สีดำที่ขึ้นตามตัวของเธอในบางครั้งคือหนึ่งในอาการของผู้ที่ป่วยเป็นโรค Black Scrawl ผู้ป่วยโรคนี้มีจะมีร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตในที่สุด ที่สำคัญคือยังไม่มีวิธีการใดๆ ใช้รักษาได้

เนียร์และโยนาร์อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเงียบสงบแห่งหนึ่ง เนียร์ต้องรับทำงานรับจ้างทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและรักษาบรรเทาอาการเจ็บป่วยของโยนาห์ โชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้ โปโปลา และเดโวลา ฝาแฝดของเธอเป็นคนดี ทั้งสองช่วยบอกคนในหมู่บ้านว่าหากมีอะไรให้จ้างเนียร์ได้ เพื่อให้เนียร์ได้มีรายได้เพียงพอ พวกเธอยังคอยให้งาน ถามไถ่ความเป็นอยู่ของพวกเขาด้วยไมตรีจิต ผู้คนในหมู่บ้านก็ล้วนแต่ให้ความเอิ้อเฟือแก่ทั้งคู่ พวกเขามีความสุขกับหมู่บ้านนี้มาก ทว่านั่นก็ไม่ได้ลบล้างความจริงว่าเวลาของโยนาห์อาจจะเหลืออีกไม่มาก ทั้งๆ ที่เนียร์อยากอยู่บ้านดูแลใช้เวลาร่วมกับลูก/น้องสาว เขาก็ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย โยนาห์แม้จะเข้าใจ แต่ก็อดเหงาทุกครั้งไม่ได้ที่เนียร์ต้องจากบ้านไป ทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง

ดังนั้นเมื่อเนียร์ได้เล่านิทานถึงดอกไม้ในตำนานที่มีชื่อว่าลูนาเทียร์ให้โยนาห์ฟัง และบอกว่าดอกไม้นั้นสามารถทำให้พรเป็นจริงได้หนึ่งอย่าง เรื่องของดอกไม้ติดตรึงในใจของโยนาห์ วันรุ่งขึ้นเธอจึงแอบไปหาโปโปลาเพื่อสอบถามที่อยู่ของดอกไม้ ด้วยความไม่ได้ตระหนักว่าเด็กสาวต้องการรู้เรื่องนี้ด้วยเหตุใด  โปโปลาได้บอกเด็กสาวไปว่ามันน่าจะขึ้นอยู่ที่วิหารที่ถูกทิ้งร้าง แล้ววันนั้นเมื่อกลับบ้านมา เนียร์ก็หาตัวโยนาห์ไม่พบ

หลังจากได้รู้ความจริงจากโปโปลา เนียร์จึงรีบมุ่งหน้าไปยังวิหารร้าง สิ่งก่อสร้างจากอารยธรรมโบราณที่ล่มสลาย ที่นั่นเขาได้พบกับ Shade มากมาย แต่เขาก็ยังไม่ละความหวังที่จะตามหาโยนาห์ เมื่อเข้าไปถึงด้านในสุดของวิหาร เขาก็ได้พบกับโยนาห์ที่สลบอยู่ เบื้องหน้าของเธอคือเหล่า Shade นับไม่ถ้วน  Shade สวมเกราะหน้าตาแปลกๆ สองตัวยืนเหมือนป้องกันไม่ให้ใครลุกล้ำเข้าไป  และตรงกลางระหว่างทั้งสองก็ปรากฏกลุ่มพลังเวทมนต์ที่มีหนังสือที่มีหน้าตาคล้ายกับหนังสือสีดำที่เนียร์ คนที่อยู่ในโตเกียวเคยทำสัญญาเพื่อแลกกับพลังมา

เนียร์ไม่รอช้ารีบพุ่งเข้าไปทำลายก้อนพลังรอบหนังสือ และเมื่อพลังถูกทำลาย หนังสือปกขาวก็เปล่งพลังทำลายเหล่า Shade รอบตัวจนหมด พร้อมๆ กับที่ Shade สวมเกราะ 2 ตัวเริ่มขยับ ก่อนที่หนังสือจะค่อยๆ ลอยขึ้นมา ส่งเสียงบ่นราวมนุษย์ผู้หนึ่ง

"หยุดเดี๋ยวนี้ ในนามของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หยุดโจมตีข้าเสียที โอ้สวรรค์  ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีผู้ใดกล้าปฏิบัติกับข้าด้วยความกักขฬะเช่นนี้มาก่อน ข้าคือผู้สูงส่งหาใดเปรียบนะ"

แม้จะเอ่ยเช่นนั้น หนังสือก็ไม่ได้แสดงท่าทีก้าวร้าวป่าเถื่อนต่อเนียร์ที่โจมตีเขาเมื่อครู่แต่อย่างใด เนียร์วิ่งผ่านอีกฝ่ายไป  ก่อนพบว่ายังมีพลังบางอย่างเป็นกำแพงกั้นไม่ให้เขาเข้าไปหาลูก/น้องสาว ไว้ เขาหันมาหาหนังสือประหลาดถามหาวิธีช่วยลูก/น้องสาว ด้วยไม่รู้จะพึ่งพาใครได้อีกแล้ว หนังสือจึงอธิบายว่าหาก Shade ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดถูกทำลาย บาเรียที่กั้นเด็กสาวไว้ก็จะหายไปเอง

เมื่อเห็นว่าหนังสือให้ความร่วมมือกับตนเป็นอย่างดี เนียร์จึงเอ่ยปากถามขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย

เนียร์ : เจ้ามีพลังทำลาย Shade พวกนี้ได้ไหม
หนังสือ : ฮาๆๆ เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร ข้าคือกริมัว ไวส์ แค่นามของข้าก็ทำให้เหล่าราชอาณาจักรต้องเข่าอ่อนหมอบกราบด้วยความยำเกรงเชียวนะ
เนียร์ : ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยกันหน่อยสิ ไวส์

ไวส์ : ห่ะ เจ้าควรเรียกข้าด้วยนามเต็มอันทรงเกียรติสิ
เนียร์ : มันบุกเข้ามากันแล้วนะ

ไวส์ : เจ้าสิ่งมีชีวิตไร้อารยะ เจ้าไม่ควรบังอาจกล่าววาจากับข้าเช่นนี้  แค่เอ่ยเพียงคำเดียว ข้า กริมัว ไวส์ ก็สามารถทำลายได้แม้แต่จักรวาล  เจ้าจงเตรียมตัว... เตรียม... เออ ให้ตายเถอะ ดูเหมือนการโจมตีข้าอย่างไร้ความคิดของเจ้าเมื่อครู่จะทำให้ความจำของข้าหายไปแล้ว"
เนียร์ : หา บ้าเอ้ย เจ้าน่าจะทำอะไรสักอย่างได้บ้างสิ

เมื่อได้ยินคำปรามาสเช่นนั้น ไวส์จึงได้มอบ Sealed Verse ให้แก่เนียร์ ก่อนจะลอยมาอยู่เคียงข้าง สนับสนุนพลังมืดแก่เนียร์ ทำให้เขาสามารถใช้เวทมนต์มืดได้เช่นเดียวกับเนียร์ คนที่โตเกียว  ซึ่งใช้พลังได้หลังทำสัญญากับหนังสือสีดำ

แม้จะยังมึนงงสับสน แต่ดูเหมือนไวส์จะรู้สึกว่าเมื่อเขาช่วยเนียร์โจมตีเหล่า Shade พลังของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา เขาจึงช่วยเนียร์ต่อกรกับ Shade และ Shade  สวมเกราะ 2 ตัวที่เฝ้าทางไปหาโยนาห์อยู่  พลางให้คำแนะนำในการต่อสู้ผ่านเสียงบ่นอย่างหัวเสียที่เนียร์ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

เมื่อกำจัดศัตรูได้หมดแล้ว บาเรียก็หายไปดั่งที่ไวส์ว่าไว้ เนียร์รีบเข้าไปช่วยโยนาห์ พาเธอออกจากวิหารก่อนที่มันจะถล่ม  เมื่อปลอดภัยแล้วโยนาห์จึงกล่าวขอโทษเนียร์ด้วยเสียงสะอื้น

"พ่อ/พี่ คะ หนูขอโทษ หนูหาดอกลูน่าเทียร์ไม่เจอ หนูแค่อยากแข็งแรงกว่านี้ พ่อ/พี่ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหนูอีก"

แน่นอนว่าเพราะความรัก เนียร์ให้อภัยกับการกระทำไม่รู้จักคิดของอีกฝ่าย ก่อนที่ Black Scrawl จะปรากฏขึ้นบนตัวของโยนาห์


เกร็ดเล็กน้อยจากตอนนี้
  • โปโปลาและเดโวลา มีชื่อในภาค Replicant ว่าโปโปรุ และเดโวรุ
  • จากในรูปประจำบทความ กริมัว ไวส์คือเล่มขวา ส่วนหนังสือสีดำที่โตเกียวคือเล่มซ้ายค่ะ ชื่อของไวส์ เขียนว่า Weiss แปลว่าสีขาว ในภาค Replicant ไวส์มีชื่อว่า ชิโระ ที่แปลว่าสีขาวเหมือนกัน
เราอาจมีปรับบทพูดจากของจริงบ้าง เพราะว่าบางคำน่าจะเป็นสำนวนที่ไม่มีในภาษาไทยค่ะ เลยแก้ให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa