Spoil Nier Automata : YoRHA Boys Part 4
หมายเลข 3 บอกว่าเขารอเวลาที่จะได้อยู่กับหมายเลข 4 ตามลำพังมานาน หมายเลข 4 ดูถูกเขาตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ทั้งๆ ที่ใช้ดาบได้ดีกว่าปืน แต่กลับเปลี่ยนไปเป็น Gunner คำพูดที่ว่า "จำเป็นต้องมีคนที่สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลายเพื่อทำให้ทีมมีประสิทธิภาพขึ้น" คงเพราะรู้สึกเวทนาและคิดว่านอกจากการเป็น Attacker แล้วเขาก็ไม่มีอะไรที่ทำได้ดีอีก อีกฝ่ายคงไม่รู้ว่านั่นทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวมากแค่ไหน หมายเลข 3 เชื่อมาตลอดว่าเขากับหมายเลข 4 เป็นพี่น้องร่วมรบ ถึงเขาจะไม่มีวันเก่งกว่าอีกฝ่ายก็ไม่เป็นไร หวังแค่ว่าพวกเขาจะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ คอยระวังหลังให้กันและกัน ทั้งหมดที่เขาต้องการคือการถูกปฏิบัติด้วยอย่างคนที่เท่าเทียม
แม้แขนของเขาจะยังสั่น หรืออีกฝ่ายจะร้องให้เขาหยุด หมายเลข 3 ก็ยังพยายามต่อยหน้าหมายเลข 4 ในที่สุดไวรัสก็ทำลายระบบล็อกไม่ให้ร่างกายฝืนทำเรื่องเกินกำลัง ร่างของเขาเบาขึ้นและความเจ็บก็หายไป เพียงเท่านี้เขาก็จะเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นจนสามารถสู้กับหมายเลข 4 ได้อย่างสูสี และเขาก็ไม่ต้องการอะไรในชีวิตมากไปกว่านี้ หมายเลข 3 วาดดาบชี้ให้คนตรงหน้ามาสู้กับตน และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าใบหน้าของหมายเลข 4 เหมือนจะแสดงอารมณ์บางอย่างออกมา
900 เมตรจากซากยานขนส่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายเลข 6 ผู้ตกลงมาในดงศัตรูกำลังไล่ฆ่าหุ่นยนต์ด้วยความสนุกสนาน แต่เขาก็รู้สึกว่ายังขาดอะไรบางอย่างไป เขาอยากให้พวกมันกรีดร้องทรมาน อยากให้พวกมันอ้อนวอนร้องขอชีวิตเป็น ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงร้องแบบที่เขาต้องการ พอรีบมุ่งหน้าตามเสียงไปก็พบหน่วยต่อต้านทั้ง 3 คนยืนอยู่ที่ริมผา โดยมีครูฝึกยืนอยู่ข้างหน้า พยายามต่อสู้กับกองทัพหุ่นยนต์เพื่อให้การปกป้อง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางจะไม่รอด หมายเลข 6 ก็เข้าไปจัดการพวกหุ่นยนต์ทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อให้การช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่นแย่งเหยื่อของเขาไปต่างหาก
หมายเลข 6 เอามีดแทงไหล่ของครูฝึก พอแบล็กสังเกตว่านักเรียนของตนติดไวรัสตรรกะ หมายเลข 6 ก็ขัดว่านั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการกระทำของเขา และทุกคนจะต้องโดนทรมานจนกว่าเขาจะอนุญาตให้ตาย เขาใช้ดาบฟันครูฝึกอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนจุดสำคัญหรืออวัยวะภายใน อีกฝ่ายจะได้เจ็บมากที่สุดโดยไม่เสียชีวิตไปก่อน ฟลอคซ์พยายามเข้าไปช่วยเหลือ แต่เขาก็ถูกหมายเลข 6 จัดการอย่างง่ายดาย
"ผมชอบการมีอำนาจเหนือคนอื่น ชอบการได้มองเหยียดหยามแล้วหัวเราะเยาะความน่าสมเพชของพวกมัน ผมอยากเห็นใบหน้าตอนที่พวกมันสูญเสียความหวังเมื่อต้องเจอกับพลังที่ไม่อาจต้าน ช่วงเวลาที่ได้เห็นความสิ้นหวังสั่นไหวอยู่ในดวงตาของพวกมันนั่นแหละยอดเยี่ยมที่สุด"
ไม่ว่าเขาจะหั่นพวกหุ่นยนต์เป็นชิ้นๆ เท่าไร พวกมันก็ไม่แสดงสีหน้า ไม่กรีดร้องหรืออะไรทั้งนั้น แล้วจะเทียบกับความสุขที่เขาได้จากแอนดรอยด์ได้อย่างไร
หมายเลข 6 หันไปจัดการกับแคกตัสต่อ แต่ในตอนที่เขากำลังจะตัดหูของอีกฝ่าย ครูฝึกก็เข้ามาขัดขวาง กระนั้นแบล็กก็ไม่อาจทำอะไรนักเรียนของเขาได้ ดาบของเขากระเด็นหลุดจากมือ และเขาก็ถูกเตะตัดขาจนล้มลง หมายเลข 6 เอ่ยว่าตนรู้ความลับว่าความจริงแล้วแบล็กไม่ได้เป็นโยร์ฮา แต่เป็นเพียงแอนดรอยด์รุ่นเก่าซึ่งได้รับการปรับแต่งเท่านั้น ในเมื่อไม่มีพลังงานจาก Black Box ก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้ จากนั้นเขาก็เอาดาบปักมือข้างหนึ่งของครูฝึกเพื่อตรึงอีกฝ่ายไว้กับพื้น
ฟลอคซ์กับแคกตัสยิงปืนใส่หมายเลข 6 เพื่อเปิดโอกาสให้โลตัสสั่งการหุ่นยนต์ที่เร่งดัดแปลงสาดกระสุนใส่แอนดรอยด์โยร์ฮา แม้กระสุนบางส่วนจะเข้าเป้า แต่เเพราะไวรัสตรรกะทำให้ระบบทำงานไม่ปรกติ มันจึงแทบไม่ส่งผลกระทบต่อหมายเลข 6 ขณะที่เขากำลังจะลงมือทรมานโลตัส แคกตัสก็พยายามเข้าไปช่วย แต่จู่ๆ ร่างกายของหัวหน้าทีมหน่วยต่อต้านก็สั่น เขาบอกว่าภาพที่ตนเห็นกลายเป็นสีแดง และเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บบาดแผลแล้ว นั่นทำให้ทุกคนรู้ว่าคนตรงหน้าติดไวรัสตรรกะ แคกตัสถือปืนไล่ต้อนฟลอคซ์กับโลตัสจนทั้งคู่ตกหน้าผา ก่อนที่เขาจะได้สติกลับมา จากนั้นแคกตัสก็ใช้ปืนยิงคอตัวเองหล่นสู่เบื้องล่างตามลูกน้องไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หมายเลข 6 รู้สึกสนุก แม้จะเสียดายที่ไม่ได้จัดการทั้งสามด้วยตัวเอง แต่ทีนี้เขาจะได้ใช้ "เวลาดีๆ" กับครูฝึกสองต่อสองตามที่วาดหวังมานานเสียที
1200 เมตรจากซากยานขนส่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทันทีที่หมายเลข 2 รู้สึกตัว หน่วยสนับสนุนบนข้อมือก็เตือนให้เขาเร่งทำภารกิจซึ่งล่าช้าไปมากแล้วทันที ไม่เช่นนั้นผู้บัญชาการจะสั่งให้ Black Box ของเขาทำงานหนักจนทำลายตัวเอง ถึงจะไม่พอใจที่หัวหน้าไม่ดูสถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญอยู่เลย หมายเลข 2 ก็เอามือสัมผัสผ้ายึดมือที่หมายเลข 9 พันให้เขา แล้วเริ่มออกตามหาสมาชิกร่วมหน่วยคนอื่น
ถึงเขาจะเคยซ้อมต่อสู้กับหมายเลข 3 มานับครั้งไม่ถ้วนจนคิดว่าตัวเองเข้าใจวิธีต่อสู้ของอีกฝ่ายอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ตอนนี้หมายเลข 4 กลับอ่านความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไม่ออก ไม่มีข้อเสียที่เขาต่อว่าคนตรงหน้ามาตลอด ไม่มีช่องโหว่ที่เขารู้จัก พอหมายเลข 3 ยิ้มอย่างพึ่งพอใจที่เห็นเขาเปลี่ยนมาใช้ดาบแทน หมายเลข 4 ก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งนี้มากแค่ไหน และมันก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าจนแทบทนไม่ไหว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเชื่อมาตลอดว่าตนกับหมายเลข 3 เป็นพี่น้องร่วมรบ มีเป้าหมายเหมือนกัน มีศัตรูเดียวกัน ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงพุ่งดาบเข้าใส่เขาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นนั้น
ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาใช้ดาบสู้กันคือตอนฝึกซ้อมบนบังเกอร์ หมายเลข 4 มีอัตราชนะมากกว่าหมายเลข 3 ซึ่งเขารู้ว่าเป็นเพราะตนซ่อนจุดอ่อนเวลาใช้ดาบได้ดี เขาพยายามชี้จุดบกพร่องให้หมายเลข 3 ปรับปรุงตัวจะได้มีผลทดสอบไม่ห่างกันมาก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมฟัง สุดท้ายมันเลยทำให้ความสำเร็จของเขาเฉิดฉาย ในขณะที่ข้อเสียของหมายเลข 3 เป็นที่ประจักษ์
หมายเลข 4 สังเกตเห็นรอยยิ้มอีกแบบของหมายเลข 3 เขาจำได้ดีว่ามันคือรอยยิ้มเดียวกับตอนที่พวกเขาฝึกซ้อมต่อสู้กันครั้งแรก รอยยิ้มเพราะความสนุกที่ได้รับจากการฟาดฟัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าครั้งที่ 2 ที่ได้เห็นมันจะเป็นตอนที่พวกเขาสู้กันเพื่อเอาชีวิตอีกฝ่าย ไม่รู้มาก่อนว่ามันจะทำให้เจ็บปวดขนาดนี้
แต่การต่อสู้ที่สูสีกันนี้กำลังจะจบลง ไวรัสเริ่มทำลายระบบการทำงานของหมายเลข 3 ส่งผลให้ร่างของเขาสั่นและการเคลื่อนไหวเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อหมายเลข 4 ซัดอีกฝ่ายกระเด็น หมายเลข 3 ก็ยังกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ถึงจะถูกเตะตัดขา อีกฝ่ายก็ยืนขึ้นมา ถึงจะถูกโจมตีจนลงไปนอน ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นมาใหม่ และถึงเขาจะฟันร่างของอีกฝ่ายจนเห็นอวัยวะภายใน หมายเลข 3 ก็ยังพยายามลุกมาสู้ต่อ ไวรัสคงทำให้อีกฝ่ายไม่มีสติหลงเหลือ และไม่รู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ อีกต่อไปแล้ว
หมายเลข 4 ตะโกนถามว่าทำไมหมายเลข 3 ถึงไม่แพร่ไวรัสใส่เขาขณะฟันดาบลงบนไหล่ขวาของอีกฝ่าย หมายเลข 3 ยังคงพยายามเดินมาหา แต่สุดท้ายร่างกายก็ไม่ไหวและล้มลงคุกเข่าบนพื้น
"นายกระจายไวรัสใส่ฉันได้ง่ายๆ นี่ มันอยู่ข้างในตัวนาย สู้กันระยะปะชิดแบบนี้ นายก็แค่แพร่มันออกมาเอง!"
หมายเลข 4 ร้อง แต่เขาไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายตอบกลับมา เขาไม่ต้องการคำตอบใดๆ เลย สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คือ...
"นั่นมันจะ... นับเป็นชัยชนะ... ได้ไงล่ะ..."
หมายเลข 3 เงยหน้ามองหมายเลข 4 พร้อมรอยยิ้มที่อ่อนลง เขามีสติครบอยู่ตลอด และมันก็อธิบายได้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ดื้อดึงลุกขึ้นมาไม่ว่าจะถูกทำให้ล้มลงไปกี่ครั้ง และนิสัยไม่ยอมอะไรง่ายๆ ของอีกฝ่ายก็เป็นสิ่งที่หมายเลข 4 รู้จักดี ดวงตาสีแดงของหมายเลข 3 ยังคงจ้องคนตรงหน้า แต่ตอนนี้มันปราศจากความบ้าคลั่งแล้ว
"... ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย"
หมายเลข 4 รู้ว่าควรตอบ แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงผ่านลำคอตีบตันออกมา เป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยได้พูดกันเลยต่างนึกไปเองว่าเข้าใจอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้รู้อะไรสักอย่าง
"ได้อยู่แล้ว"
ในที่สุดหมายเลข 4 ก็รวบรวมเสียงตอบกลับได้ และเมื่อเปลือกตาของหมายเลข 3 ปิดลง เขาก็ค่อยๆ แทงดาบเข้าไปที่หัวใจของอีกฝ่าย
ที่ซากยานขนส่ง หมายเลข 22 ตัดสินใจยิงปืนใส่หมายเลข 21 เขาพร่ำเอ่ยคำขอโทษและนิ้วมือก็สั่นเทา แต่อีกฝ่ายกลับลุกขึ้นมายืนราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แอนดรอยด์ Scanner เดินกระเพลกลากขาเข้ามาหาหมายเลข 9 และหมายเลข 22 พร้อมบอกว่าเขาไม่เจ็บสักนิด ชื่อหมายเลขของคู่แฝดที่หลุดมาจากปากของตัวเองทำให้เขาต้องหยุดนึกอยู่ครู่หนึ่งว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ในที่สุดเขาก็นึกออก เขาชี้นิ้วมาที่หมายเลข 22 แล้วหัวเราะเสียงสูง
"อ๋อ ใช่แล้ว ชื่อของนายคือหมายเลข 22 โมเดลที่ถูกสร้างให้เป็นฝาแฝดของฉัน แต่นายไม่ผ่านการทดสอบความถนัด นายเป็น Attacker ไม่ได้เลยต้องมาเป็น Gunner แทน อา ช่างน่าสงสารจริงๆ หมายเลข 22 ฉันรู้สึกเวทนานายมาตลอดรู้ไหม เปราะบาง ไม่มั่นใจในตัวเอง ขี้แย อ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ได้โดยไม่มีฉันคอยปกป้อง"
หมายเลข 9 ตะโกนบอกไม่ให้หมายเลข 22 ฟังที่อีกฝ่ายพูด ทว่าหมายเลข 22 ไม่สนใจคำพูดของเขาแม้แต่น้อย แอนดรอยด์ Gunner ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาพร้อมสาดกระสุนใส่ฝาแฝดของตัวเอง แต่ถึงจะโดนกระสุนไปมากเท่าไร หมายเลข 21 ก็ยังโซเซเข้าไปหาหมายเลข 22 จนอีกฝ่ายเดินถอยหลังแล้วล้มลง
"ม่ะ... หมาย... ล่ะ ล่ะ เลก...ยี่... สิบสอออง... มาอยู่... ด้วยกัน...เถอะ... นายจะ... ไม่มากับชั้น... เหรอ"
หมายเลข 21 เอ่ยด้วยระบบการสื่อสารที่เริ่มเสียหาย ด้วยความที่ไม่อยากให้หมาย 22 ต้องเจ็บปวดกับสถานการณ์ตรงหน้ามากไปกว่านี้ หมายเลข 9 จึงเข้าไปเตะแอนดรอยด์ Scanner กระเด็น แล้วชักดาบออกมา ภาพวันวานที่ได้ใช้ด้วยกันวนอยู่ในหัวของหมายเลข 9 แต่เขาก็ต้องจู่โจมใส่อีกฝ่าย โดยมีหมายเลข 22 ช่วยยิงสกัดฝาแฝดของตน หลังจากโจมตีไปครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหมายเลข 21 ก็นิ่งไป
"ทำไม... ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย"
หมายเลข 9 พึมพำกับตัวเอง ในขณะที่หมายเลข 22 สะอื้นอยู่ข้างหลัง ทั้งสองต่างไม่ชอบการต่อสู้ แต่ความเจ็บปวดที่กำลังเผชิญไม่ได้มีสิ่งนั้นเป็นสาเหตุ หมายเลข 9 ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดต่อไป แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อหมายเลข 21 ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น