Spoil Nier Automata : YoRHA Boys Part 2

ถึงจะได้พบกับสมาชิกหน่วยคนสุดท้าย แต่ครูฝึกกลับไม่ได้มีสีหน้ายินดี หลังจากได้หมายเลข 9 ช่วยเปิดเครื่องให้ หมายเลข 2 ก็ฟื้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าระหว่างเดินทางมาสมทบกับหน่วยบนพื้นโลก เขาจะถูกพวกหุ่นยนต์โจมตี Pod โดยสารจึงกระเด็นมาตกอยู่ในเขตภูเขาแทน แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะทำอะไรมากกว่านั้น พวกหุ่นยนต์ก็จุดระเบิดลูกใหญ่เพื่อกำจัดผู้บุกรุก

หมายเลข 9 ฟื้นขึ้นมาพร้อมอาการบาดเจ็บเล็กน้อย คนที่ได้สติก่อนหน้ามีครูฝึก หมายเลข 4 หมายเลข 6 และสมาชิกหน่วยต่อต้านทั้ง 3 คน พวกเขาค้นหาสมาชิกหน่วยที่เหลือจนพบ แต่หมายเลข 3 และหมายเลข 22 ก็หยุดทำงานไปแล้ว หมายเลข 9 จึงทำการซ่อมแซมร่างกายและอัพโหลดข้อมูลของทั้งสองที่เขาสำรองไว้ลงไปให้ใหม่ แต่ถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อหมายเลข 3 ฟื้นขึ้นมาแล้วทราบว่าเวลาผ่านไปแล้วถึง 35 ชั่วโมง เขาก็แสดงความเจ็บใจออกมา สร้างความไม่เข้าใจแก่หน่วยต่อต้านทั้ง 3 คน

หมายเลข 9 อธิบายว่าเป็นเพราะการสำรองข้อมูลขึ้นไปยังเซิร์ฟเวอร์จำเป็นต้องใช้เวลาและสัญญาณที่แรงพอ เขาจึงไม่อาจทำมันในระหว่างการต่อสู้ ดังนั้นยิ่งช่วงเวลาตอนฟื้นห่างจากตอนสำรองข้อมูลมากเท่าไร พวกเขาก็จะสูญเสียตัวตนไปมากเท่านั้น คนที่ฟื้นขึ้นมาไม่ใช่คนเดียวกับที่เผชิญหน้ากับความตาย ความทรมาน และการสูญเสีย ถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งใดที่หายไป แต่ความจริงว่าพวกเขาได้สูญเสียอะไรบางอย่างก็ทำให้เกิดช่องว่างในจิตใจ และพวกเขาก็ต้องเจอเรื่องเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์เดียวกับกันคนอื่นๆ แต่หมายเลข 9 ก็ยังรู้สึกเจ็บปวด เขาต้องเก็บกู้ซากร่างกายของคนอื่น เฝ้ามองเพื่อนร่วมหน่วยฟื้นขึ้นพร้อมกับรูในใจที่ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ เรื่องที่เคยคุยกันไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนกลับถูกยกมาพูดใหม่ราวกับวันวานนั้นไม่เคยเกิดขึ้น และพวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าความอึดอัดทรมานนี้จะจบลงเมื่อใด 

หลังต้องทนอยู่ในวงที่หมายเลข 21 พาลหาเรื่องทะเลาะกับโลตัส ในที่สุดหมายเลข 9 ก็สบโอกาสปลีกตัวไปดูหมายเลข 2 ซึ่งถูกเว้นระยะห่างทางสังคมให้ตรวจหาไวรัส ผิดกับเพื่อนร่วมหน่วยซึ่งมีท่าทีไม่ไว้ใจสมาชิกคนใหม่ หมายเลข 9 มีท่าทีอยากทำความรู้จักกับอีกฝ่ายมาก พอเห็นว่าข้อมือของหมายเลข 2 เคล็ดก็รีบเอาผ้ามาพันยึดไว้ให้ และความอ่อนโยนใจดีนั่นทำให้หมายเลข 2 รู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ขึ้นมา

(ความรู้สึกนั่นน่ะ เขาเรียกว่า ความหวั่นไหวก่อตัวในใจฉัน ยังไงล่ะ)

หมายเลข 9  ถามเรื่องความสามารถกับหน้าที่ของหมายเลข 2 อีกฝ่ายตอบตามที่ท่องเตรียมไว้ว่าตัวเองสามารถต้านไวรัสได้ระดับหนึ่ง และหากเกิดอะไรขึ้นก็ต้องพร้อมสละชีวิตให้เพื่อนร่วมหน่วย คำตอบนั้นทำให้หมายเลข 9 นิ่งไป สุดท้ายก็เอ่ยว่าก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมหน่วยคนอื่นเคยตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และมันก็ทำให้พวกเขาเจ็บปวดทุกครั้ง ดังนั้นเขาจึงขอร้องให้หมายเลข 2 พยายามอย่าตาย ทำเอาหมายเลข 2 ที่ไม่เคยมีคนพูดเช่นนั้นด้วยตอบอะไรไม่ถูก

เมื่อหมายเลข 9 ปลีกตัวไปเพื่อหาน้ำมาให้ ครูฝึกที่แอบดูทั้งสองอยู่ห่างๆ ก็เข้ามาคุยกับหมายเลข 2 ผู้ซึ่งรู้ตัวมาตลอดว่ามีคนมองตนอยู่ แบล็กพยายามถามข้อมูลภารกิจของอีกฝ่าย เพราะเขารู้ความจริงว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นโมเดล Defender ตามกล่าวอ้างและอีกฝ่ายไม่ได้มาทำหน้าที่ปกป้องเพื่อนร่วมหน่วย หมายเลข 2 แท้จริงแล้วคือแอนดรอยด์โยร์ฮาประเภท Executioner เพชรฆาตผู้สังหารพวกเดียวกัน ทว่าหมายเลข 2 ก็ไม่ยอมให้ข้อมูลครูฝึกเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ใช่สายบัญชาการโดยตรงของเขา แบล็คจึงเตือนว่าหากหมายเลข 2 ใกล้ชิดกับสมาชิกหน่วยคนอื่น สุดท้ายมันจะกลายเป็นห่วงรั้งเมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือสังหาร ถึงอย่างนั้นหมายเลข 2 ก็ไม่คิดว่านั่นคือปัญหา แต่ตอนนั้นหางตาของเขาก็เหลือบเห็นผ้ายึดที่หมายเลข 9 พันมือให้เขา และมันก็ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าหากอีกฝ่ายรู้ความจริงจะรู้สึกเช่นไร

(เกร็ดเล็กน้อย เนื่องจากเหตุการณ์ของ YoRHa Boys เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่พวก A2 ถูกส่งลงมาปฏิบัติภารกิจที่ภูเขาคาอาลา และจากข้อมูลที่ว่าภายหลังบุคลิกของ A2 ถูกนำไปใช้กับโมเดล Executioner ทั้งหมด ประกอบกับเนื้อเรื่องเสริมของนิยายเล่มนี้ซึ่งดำเนินในมุมมองของแคกตัส ก็มีบอกไว้ว่าความจำปลอมกับบุคลิคที่ใส่ในแอนดรอยด์แต่ละคนเป็นแบบสุ่มโดยไม่แบ่งอายุหรือเพศ ทำให้เราพออนุมานได้ว่าหมายเลข 2 ใน YoRHa Boys ก็เป็นบุคลิกของ A2 กับ 2B เช่นกัน ดังนั้นการที่หมายเลข 2 กับหมายเลข 9 จะสปาคต่อกันก็เหมือนที่ 2B ชอบกับ 9S นั่นแหละค่ะ ซีรีย์นี้มีชะตาให้ทั้งสองคนเกิดมาเพื่อกันและกัน ฟ้าดินแยกเราเท่าไรไม่ขาด ภพชาติพรากเราห่างกันไม่ได้ ไม่ว่าร่างกายจะเป็นยังไง พวกฉันก็จะปิ๊งป๊างกันอยู่ดี จะชายหญิงก็ได้ ชายชายก็ดี แม้แต่หญิงหญิงเราก็จัดให้ได้ใน Stage Play YoRHa Girls นะจ้ะ 

ฉากผ้าพันมือในตำนาน (?)

เครดิท theatertainment.jp

เนื้อเรื่องของ YoRHa Girls จะดัดแปลงจาก YoRHa Boys เหมือนตอนที่ Stage Play 1.1 ของ A2 มีแปลงเวอร์ชันให้ตัวละครทุกคนเป็นผู้ชาย YoRHa Girls ก็ทำการแปลงตัวละครชายเป็นหญิงแทน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะตกหล่นเนื้อหาหลักอะไรไปนะคะ

สรุปว่าทุกคนจงเข้าร่วมเรือหมายเลข 2 กับหมายเลข 9 โดยดุษณีซะ เพราะพวกเธอว์มิอาจต่อต้านพลังเรือหลวงของ Official ได้ยังไงล่ะ ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องคู่กัน ฟ้าดินแยกเรา.../*โดนตบ ยังจะเล่นมุกนี้อีกเหรอะ)

กลับมาที่เนื้อเรื่อง แคกตัสกำลังเล่าวีรกรรมของพวกตนให้สมาชิกหน่วยโยร์ฮาฟังอย่างออกรส ระหว่างที่ครูฝึก หมายเลข 21 และโลตัสไปวางแผนหาทางออกจากเขตภูเขากันอยู่ หมายเลข 2 ก็ทำการสังเกตและวิเคราะห์ "เป้าหมายสังหาร" แต่ละคนไปพลางๆ (โดยมีฟิลเตอร์สีชมพูตอนมองหมายเลข 9) เมื่อครูฝึกเรียกรวมกลุ่มเขาก็อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันว่าพวกตนโดนศัตรูล้อมจากทุกทิศทาง แต่ถึงหมายเลข 4 จะขอให้ทางบังเกอร์ส่งกำลังสนับสนุนมาช่วย หรือหมายเลข 22 จะขอเบิกปืนอานุภาพสูงมาใช้ก็ได้รับคำปฏิเสธ กระนั้นพวกเขาก็มีแผนหนีโดยอาศัยลานบินขนส่งเก่าของกลุ่มต่อต้าน เนื่องจากพวกหุ่นยนต์ไม่ให้ความสนใจสิ่งของของแอนดรอยด์ พวกมันเลยไม่ให้ความสำคัญกับระบบขนส่งนั้น และนั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาสามารถใช้ยานขนส่งหนีออกไปได้ ส่วนพวกหุ่นยนต์ลาดตระเวณทางอากาศ พวกเขาก็สามารถจัดการได้โดยการทำลายหอควบคุมที่ส่งสัญญาณเส้นทางการบินของพวกมัน

ครูฝึกแบ่งทีมทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม ทีม A ประกอบด้วยหมายเลข 4 กับหมายเลข 22 มีหน้าที่โจมตีระยะไกลเพื่อเข้าไปทำลายหอควบคุม และให้สมาชิกกลุ่มต่อต้านทั้ง 3 คนสนับสนุน ทีม B ประกอบด้วยหมายเลข 3 กับหมายเลข 6 มีหน้าที่กำจัดศัตรูและคุ้มครองหมายเลข 21 เข้าไปเจาะระบบยึดการทำงานของระบบขนส่ง ส่วนทีม C ประกอบด้วยครูฝึก กับหมายเลข 2 ทำหน้าปกป้องหมายเลข 9 ให้เดินทางไปถึงยานขนส่งโดยสวัสดิภาพ ครูฝึกให้แคกตัสช่วยพูดปลุกใจ และคำที่หัวหน้าทีมของกลุ่มต่อต้านกล่าวก็คือ "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ทุกคนรอดกลับมาอย่างปลอดภัย"

ขณะที่ทุกคนแยกย้ายไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย หมายเลข 9 ก็เอาน้ำสะอาดมาให้หมายเลข 2 ตามที่เคยบอกไว้ ทั้งยังเสริมว่าถึงตัวเองจะเป็น Healer ก็พอสู้ได้บ้าง เพราะไม่อยากให้หมายเลข 2 ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของเขาจนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แถมก่อนไปยังส่งรอยยิ้มทำดาเมจใส่หัวใจอันอ่อนไหวของหมายเลข 2 อีกต่างหาก ตอนนั้นเองสายรัดข้อมือหน่วยสนับสนุนของโยร์ฮาเพชรฆาตก็แจ้งเตือนให้เขาเริ่มทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบนทันที

ด้านทีม A หมายเลข 22 ที่เพิ่งเคยทำภารกิจแยกกับหมายเลข 21 เป็นครั้งแรกก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้ตัวดีว่าจำเป็นต้องเติบโตและเลิกพึ่งพาฝาแฝด เขาไม่อยากวิ่งตามอีกฝ่ายแต่อยากเดินเคียงข้างกันไปมากกว่า และด้วยคำแนะนำของหมายเลข 4 ก็ทำให้เขาสามารถกำจัดศัตรูได้มากขึ้นโดยไม่ต้องมีหมายเลข 21 คอยสั่งการ กลุ่มต่อต้านเองก็ใช้กระสุนพิเศษของโลตัสทำให้ศัตรูติดไวรัส แม้จะผิดแผนเพราะหุ่นยนต์ซอมบี้ยิงมั่วไม่แยกฝ่าย แต่มันก็ช่วยทำให้ทัพของศัตรูเสียกระบวนจนพวกเขาสามารถฝ่าเข้าไปที่หอควบคุมได้ง่ายขึ้น

ทางด้านทีม B หมายเลข 3 กับหมายเลข 6 ทำการจัดการศัตรูกันอย่างมันส์มือ เป็นที่พอใจของหมายเลข 21 ยิ่งนัก

ด้านทีม C ซึ่งรออยู่แนวหลัง ในที่สุดก็ได้รับการติดต่อจากทีม A ว่างานของพวกเขาสำเร็จแล้ว และกำลังจะตามไปสมทบกับทีม B พอหมายเลข 9 เห็นว่าเส้นทางข้างหน้าปลอดภัยก็รีบพุ่งไป แต่ครูฝึกก็ตะโกนให้เขาหยุด เมื่อหมายเลข 9 หันมาก็ไม่เห็นศัตรู มีเพียงหมายเลข 2 ที่ตามติดอยู่ด้านหลังของเขา และครูฝึกที่ชักดาบออกมา แม้แบล็กจะเฉไฉสั่งไม่ให้เขาการ์ดตก หมายเลข 9 ก็รู้สึกว่าแปลกๆ เลยตั้งใจว่าจะอยู่ห่างจากอีกฝ่าย (ความรักมันบังตาสินะ...) ตอนนั้นเองทีม B ก็ติดต่อเข้ามาว่าตอนนี้ศัตรูกำลังรวมตัวบริเวณที่พวกเขาอยู่ ให้อีกฝ่ายรีบมาที่ยานขนส่งโดยเร็วที่สุด

ถึงพวกหุ่นยนต์จะไม่ได้ทำลายระบบขนส่งของแอนดรอยด์ แต่พวกมันก็ล็อกทางเข้าไว้หลายชั้นจนหมายเลข 21 ถึงกับสบถ พอเห็นแอนดรอยด์ Scanner ต้องพยายามเจาะระบบครั้งแล้วครั้งเล่าจนกัดฟัน ใบหน้าเต็มไปทั้งความไม่พอใจและความวิตก หมายเลข 6 ก็ตื่นเต้น ในใจคิดว่าอยากได้อีกฝ่าย ได้ใช้เวลาสองต่อสองด้วยกัน และคิดว่าถึงหมายเลข 22 จะมีเสน่ห์ของตัวเอง แต่หมายเลข 21 อาจจะสนุกกว่า 

(อ้ากกก ใครก็ได้ เอามันไปเก็บที) 

ในที่สุดทีม B ก็เข้าไปถึงห้องควบคุม หลังจากหมายเลข 6 ยืนจ้องนิ้วเรียวของหมายเลข 21 พักหนึ่ง ในที่สุดก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำการควบคุมระบบขนส่งสำเร็จ แต่แล้วจู่ๆ หมายเลข 21 ก็ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา ข้อความประหลาดฉายขึ้นบนหน้าจอของแผงควบคุม หมายเลข 3 รีบถามอาหารของหมายเลข 21 ด้วยความตกใจ และอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความทรมานว่า

"ไวรัสตรรกะ... ของ... ศัตรู... นี่เป็นกับดัก!"

โปรดติดตามตอนต่อไป...