Spoil Nier Automata : YoRHA Boys Part 3
หมายเลข 6 ดูไม่ใส่ใจกับสถาณการณ์ตรงหน้านัก เพราะรู้สึกมาก่อนแล้วว่าพวกตนสามารถเข้ามาในห้องควบคุมการขนส่งได้ง่ายเกินไป ขณะเดียวกันหุ่นยนต์จำนวนมากก็บุกเข้ามา ระหว่างที่เขากำลังคิดว่าภารกิจคงล่ม หมายเลข 21 ก็รวบรวมกำลังทำการเจาะระบบควบคุมการขนส่งจนสำเร็จ แต่ระบบรักษาความปลอดภัยก็ทำงาน ส่งผลให้พวกหุ่นยนต์รอบบริเวณรู้ว่ามีผู้บุกรุก หมายเลข 3 และหมายเลข 6 ต้องสู้กับเหล่าศัตรูที่ถาโถมเข้ามา โชคดีที่ไม่นานไม่นักทีม A กับทีม C ก็มาถึง และทุกคนก็ขึ้นยานขนส่งหนีออกมาได้ครบ
แม้ยานขนส่งจะออกจากสถานีมาได้หลายชั่วโมง หมายเลข 2 ก็ยังไม่ได้ทำภารกิจ เขาตัดสินใจเดินแยกออกมาจากห้องควบคุมเพื่อหาโอกาสสังหารคนอื่น สมาชิกร่วมหน่วยคนแรกที่เขาพบคือหมายเลข 9 อีกฝ่ายสอบถามหาอาการบาดจ็บด้วยความเป็นห่วงจนหมายเลข 2 รู้สึกอึดอัด เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยโดยถามคนตรงหน้าว่าหากสงครามจบแล้วอีกฝ่ายอยากทำอะไร ทว่ามันกลับทำให้หมายเลข 9 หัวเราะ เขาไม่คิดว่าสงครามที่กินเวลายาวนานหลายพันปีนี้จะสามารถจบลงได้ง่ายๆ แต่เพราะกลัวหมายเลข 2 เก้อ เขาเลยลองคิดคำตอบอีกครั้ง ก่อนจะตอบว่าสิ่งที่เขาอยากทำคือการท่องเที่ยว
แม้ว่าหน่วยโยร์ฮาชายจะถูกส่งไปทำภารกิจในพื้นที่ทุกรูปแบบ แต่ทุกที่ล้วนเป็นสนามรบแสนน่าเกลียด หมายเลข 9 อยากเห็นมุมที่สวยงามของโลกใบนี้ เขาเรียกชวนให้หมายเลข 2 มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยกัน เบื้องล่างของพวกเขาคือท้องทะเลที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดคิดในหัวของหมายเลข 2 เขาอยากไปยืนอยู่ข้างๆ หมายเลข 9 พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งสวยงามที่ได้พบเห็น ชี้ชวนกันดูเมฆรูปร่างต่างๆ และหัวเราะด้วยกัน แต่ความจริงที่เขาคือมือสังหารไม่ได้เปลี่ยนไป หมายเลข 2 พยายามรวบรวมสมาธิกำด้ามดาบ ตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงโวยวายของครูฝึกดังขึ้นมาเสียก่อน หมายเลข 9 จึงชวนกลับไปที่ห้องควบคุม แต่แม้หมายเลข 2 จะพลาดโอกาสทำภารกิจ เขากลับพบว่าตัวเองกำลังรู้สึกโล่งใจ
ครูฝึกสังเกตว่ายานโดยสารของพวกตนไม่ได้กำลังมุ่งหน้ากลับค่าย เมื่อเขาสอบถามหมายเลข 21 อีกฝ่ายก็ประกาศก่อกบฏ เขาพูดคุยกับหมายเลข 3 และหมายเลข 6 ไว้ก่อนแล้ว และทั้งสองก็เห็นด้วยกับความคิดของเขา จากนั้นหมายเลข 21 จึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้สมาชิกหน่วยคนอื่นฟัง
ไม่เคยมีหนทางรอดให้หน่วยโยร์ฮาชาย ไม่มีมาตั้งแต่ต้น ตอนนี้ หรือว่าในอนาคต พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทำภารกิจล้มเหลว เป็นหนูทดลองในการทดสอบว่าโยร์ฮาจะทนรับความเครียดได้มากเท่าไรเมื่อต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนั้นหน่วยโยร์ฮาชายถึงถูกสั่งให้ทำภารกิจที่ไม่มีวันชนะ ไม่มีกำลังเสริม ไม่อนุญาตให้เบิกอาวุธที่มีอานุภาพสูง พวกเขาคือหน่วยอมตะที่ส่งมาให้ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าผู้บัญชาการจะเห็นว่าการทดสอบไม่มีความจำเป็นอีก และไม่สนว่าพวกเขาจะต้องเจ็บปวดทรมานสักเท่าใด
หมายเลข 21 โน้มน้าวให้ครูฝึกร่วมมือกับพวกตน เพราะเขาเจาะระบบพบข้อความที่อีกฝ่ายพยายามขอร้องผู้บัญชาการให้ส่งกำลังมาช่วย หรือขอให้ยกเลิกภารกิจ ทว่าแบล็กกลับตอบว่าเขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ และเมื่อถูกหมายเลข 3 ชักชวน หมายเลข 4 ก็ถามกลับว่าหากพวกตนร่วมด้วย จะมีแผนจะหลบหนีกองทัพไปที่ไหน คำถามนั้นทำให้หมายเลข 6 หัวเราะดูถูก และตอบว่าจะมีที่ไหนอีกนอกจากดินแดนแห่งราตรีซึ่งอยู่นอกเหนือการจัดการของบังเกอร์ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นแอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุด แอนดรอยด์ที่อาศัยอยู่ในเขตแดนนั้นย่อมไม่มีวันสู้ได้ อีกทั้งเขายังได้ยินว่าอีกฝ่ายวุ่นวายอยู่แต่การทดลองมังกร คงไม่มาสนใจแอนดรอยด์หนีทัพแบบพวกตน
(เกร็ดเล็กน้อยเผื่อลืมกันไปแล้ว ดาวโลกของซีรีย์ Nier นั้นหยุดหมุนไปตั้งแต่ช่วงที่ White Chlorination Syndrome ระบาด ทำให้โลกถูกแบ่งครึ่งเป็นดินแดนแห่งกลางวัน อันเป็นสถานที่ดำเนินเรื่องของทั้งภาค Replicant/Gestalt และ Automata ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือดินแดนแห่งราตรี ที่ซึ่งแอคคอร์ด แอนดรอยด์ผู้ปรากฏตัวใน Drag on Dragoon 3 ถูกสร้าง ส่วนมังกรที่หมายเลข 6 พูดถึงน่าจะหมายถึงแองเจลัส มังกรแดง คู่หูของไคม์ ตัวเอก Drag on Dragoon ภาคแรก ที่ถูกกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นยิง และถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่ายขโมยศพไป ส่วนตัวผู้เขียนแอบคิดว่าถ้าดินแดนแห่งกลางวันเป็นวิทยาศาสตร์ ดินแดนแห่งราตรีก็อาจเกี่ยวข้องกับเวทมนต์ก็เป็นไปได้)
ในตอนที่หมายเลข 21 ดึงมือหมายเลข 22 ซึ่งกำลังยืนตัวสั่นด้วยความกลัวให้ตามมาด้วย หมายเลข 9 กับหมายเลข 2 ก็มาถึงห้องควบคุมพอดี แอนดรอยด์ Scanner เลยบอกว่าพวกตนกำลังจะไปอีกซีกของโลก และจำเป็นต้องบังคับให้หมายเลข 9 ไปด้วยเพื่อคอยช่วยเหลือสำรองข้อมูลในฐานะที่เป็น Healer คนเดียวของหน่วย ว่าแล้วหมายเลข 6 ก็ไปล็อคตัวหมายเลข 9 ไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนดมหัวแล้วบอกว่าอีกฝ่ายกลิ่นน่าอร่อย
(อ้ากกก โคตรคุกคามทางเพศ เอามันไปเก็บทีเถอะ)
หมายเลข 21 หันไปหาหมายเลข 2 กล่าวว่าเขารู้ว่าโมเดลและภารกิจที่แท้จริงของอีกฝ่ายคืออะไร พอสิ้นคำหมายเลข 2 ก็โจมตีใส่หมายเลข 21 ทันที แต่เป้าหมายของเขาก็หลบได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นหมายเลข 3 ก็เข้าไปบวกกับเพชรฆาตแทน ทว่าระหว่างการปะทะ ดาบของหมายเลข 3 ก็ไปฟันโดนเครื่องยนต์ ทำให้ยานเริ่มเสียการควบคุม หมายเลข 4 อาศัยจังหวะนั้นเข้าชาร์ทหวังช่วยหมายเลข 9 แต่หมายเลข 6 ก็เข้าไปรับมืออีกฝ่าย โดยมีหมายเลข 21 เข้าไปผสมโรงช่วยด้วย แล้วจู่ๆ หมายเลข 6 ก็เปลี่ยนเป้าไปทางหมายเลข 2 ซึ่งกำลังสู้อุตลุดอยู่กับหมายเลข 3 ก่อนที่สิ่งที่ไม่มีใครคาดจะเกิดขึ้นเมื่อหมายเลข 9 พุ่งเข้าไปขวางทางจนได้รับบาดเจ็บเสียเอง
(สถานการณ์เครียดกันอยู่ แต่ฉันล่ะเหม็นความรักของพวกเธอจริงๆ)
หมายเลข 3 โกรธที่หมายเลข 6 สอดมือมายุ่งกับการต่อสู้ของตนจนเกิดเรื่อง แต่หมายเลข 6 ก็ยิ่งเติมเชื้อไฟพูดกวนโมโหอีกฝ่าย ในที่สุดทั้งสองคนก็หันมาซัดกันเอง แม้ว่าหมายเลข 21 จะตะโกนห้ามก็ไม่ฟัง จากนั้นหมายเลข 2 กับหมายเลข 4 ก็กระโจนเข้าไปร่วมวงตีกันมั่วอีรุงตุงนัง สุดท้ายดาบของหมายเลข 6 ก็ฟันไปโดนเครื่องยนต์ของยานอีก คราวนี้ยานของพวกเขาเสียการทรงตัวและลดระดับความสูงลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดและเงียบสนิทไป
หมายเลข 9 ฟื้นขึ้นมาในซากยานที่ตกลงมาในเขตป่า หลังจากปฐมพยาบาลตัวเองแล้วเขาก็ออกตามหาคนอื่น สักพักเขาก็พบกับหมายเลข 22 ทั้งสองช่วยประคองกันและกันเดินออกจากซากยาน ขณะที่กำลังคิดว่าถ้ามีหมายเลข 21 อยู่ด้วย การหาคนอื่นคงง่ายขึ้น ตอนนั้นเองร่างของใครบางคนก็ผุดลุกขึ้นยืน อีกฝ่ายคือหมายเลข 21 นั่นเอง แต่การเคลื่อนไหวแปลกๆ และคำพูดของเจ้าตัวที่ว่าไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนเลยก็ทำให้หมายเลข 9 รู้สึกตะหงิดใจ เมื่อแอนดรอยด์สแกนเนอร์ถามฝาแฝดของตัวเองว่าอีกฝ่ายคือใครพร้อมจ้องมองมาด้วยดวงตาสีแดง หมายเลข 9 ก็รีบคว้าตัวหมายเลข 22 เอาไว้ เพราะรู้ว่าหมายเลข 21 ติดไวรัสตรรกะเสียแล้ว
อีกด้านหนึ่ง หมายเลข 3 ซึ่งกระเด็นห่างจากซากยานไป 1800 เมตรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือก็ฟื้นขึ้นมาพบว่าวงจรความคิดของตนมีปัญหา เขาต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะประมวลผลได้ว่าดาบยังอยู่ในมือของตัวเอง สิ่งเดียวที่ชัดเจนในหัวคือเขาต้องรีบหาใครบางคนให้พบ เมื่อสังเกตว่าภาพที่เห็นเป็นสีแดงทั้งหมด หมายเลข 3 ก็รู้ตัวว่าตนติดไวรัสตรรกะของศัตรู ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเรียก เสียงของหมายเลข 4 ทำให้สติของเขาเริ่มกลับเข้าที่และจำได้ว่าอีกฝ่ายคือคนที่กำลังตามหา
มือของหมายเลข 3 สั่นโดยที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นคนขยับเอง เมื่อหมายเลข 4 เห็นดวงตาของคนตรงหน้าก็อึ้ง ถามอีกฝ่ายว่าติดไวรัสตั้งแต่เมื่อไร หลังได้รับคำตอบว่าน่าจะเป็นช่วงที่หมายเลข 21 เจาะระบบควบคุมระบบขนส่ง เขาก็บอกให้หมายเลข 3 รีบ Lockdown Black Box ก่อนที่ไวรัสจะกระจายไปทั้งร่าง แต่หมายเลข 3 กลับไม่ยอมทำตาม
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น