Drag on Dragoon 3 Two Novella : Today's Meal


เครดิท : drakengard.wikia

"ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่าครับ ท่านทู"

"เซนท์ ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าอย่างนั้นตอนที่พวกเราอยู่กันแค่สองคนสิ..."

ข้าต่อว่าออกไป

ตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น เซนท์จะเรียกข้าว่าท่านเพื่อรักษาสถานะของเรา แต่ข้าเคยให้เขาสัญญานานแล้วว่าเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกันตามลำพังเขาจะต้องเรียกข้าว่าทูเฉยๆ (ถึงเขาจะเรียกผิดบ่อยๆ ก็เถอะ) แล้วทำไมกันล่ะ… ข้าหยุดเทน้ำใส่หม้อใบใหญ่ที่กำลังถืออยู่ แล้วหันหลังกลับไป ตอนนั้นเองข้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังจากห้องครัวไปอย่างเร่งรีบ… มองจากด้านหลังข้าก็บอกได้ทันทีว่าพวกเขาคือคนครัวที่มาแอบดูพวกเราแน่นอน

"อ๋อ ข้าเข้าใจแล้วล่ะ"

เพราะอย่างนี้นี่เอง จู่ๆ เซนท์ถึงได้หันมาเรียกข้าด้วยคำสุภาพ

"เชอะ นี่ข้าอุตสาห์บอกพวกเขาแล้วนะว่าข้าทำอาหารเองได้ พวกเขาไม่เชื่อใจข้าบ้างเลยหรือไง"

ข้าพูดพร้อมทำแก้มป่อง มือใหญ่เข้ามาประคองใบหน้าของข้าไว้ แล้วสายตาของข้าก็สบกับใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของเซนท์

"พวกเขาแค่เป็นห่วงท่านน่ะคร้าบบ ก็เพราะท่านเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงคนสำคัญของพวกเรานีนาาา"

ว้าย ตายแล้ว ตอนนี้คงกำลังมีควันออกมาจากหูของข้าแน่เลย หวังว่าหน้าของข้าคงไม่แดงอยู่หรอกนะ…!

"แต่แน่นอนว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเห็นท่านสำคัญไปมากกว่าข้าหรอกครับ…"

กรี๊ดดด กรี๊ดดด กรี๊ดด กรี๊ดดด!

"ทู"

ทำไมเซนท์ถึงได้หล่ออย่างนี้นะ ทั้งองอาจ ทรงเสน่ห์ แล้วก็แสนดี แถมยังรวยอารมณ์ขันด้วย อีกอย่างตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันแค่สองคน เขาก็ยัง... ยัง... อ๊ายยย!

"ทู ท่านไม่สบายหรือเปล่าครับ ท่านน่าจะกลับไปนอนพักที่เตียง…"

เตียงอย่างนั้นเหรอ ย่ะ ย่ะ ย่ะ อย่าพูดถึงเตียงตอนนี้สิ  อ๊ายยย! อ๊ายยย อ๊ายยย อ๊ายยย!

"ไว้ค่อยมาทำอาหารวันหลังเถอะครับ…"

คำพูดนั้นดึงสติของข้ากลับมา

"อาาา ไม่มีทางหรอก ท่านชาย ยังไงวันนี้ข้าก็จะทำอาหารให้ได้”

ใจเย็นสิ ทู ตั้งสติเข้าไว้ เราเตรียมของทั้งหมดสำหรับทำอาหารทำเองให้เซนท์แล้ว แถมยังเสียเวลาเตรียมมื้อค้ำสุดโรแมนติกนี่ไปตั้ง 2 สัปดาห์เชียวนะ หายใจลึกๆ เข้าไว้ หายใจลึกๆ... เอาล่ะ

"ถ้าอย่างนั้น อย่างน้อยก็ให้ข้าช่วย…"

"ไม่ได้ แล้วก็ห้ามดูตอนข้ากำลังทำอาหารด้วย ข้าอยากทำให้เจ้าประหลาดใจน่ะ!" อะ แต่ว่า... "แต่ว่าข้าก็ยังอยากให้เจ้าอยู่ในห้องครัวกับข้านะ"

"ตามแต่ที่ท่านต้องการเลยคร้าบบ"

อา อย่ายิ้มให้กันอย่างนั้นสิ... ไม่ยุติธรรมเลย!

"หายใจเข้าลึกลึกกกก หัวใจของข้า ถ้าเจ้ายังเต้นแรงอย่างนี้ต่อไปมีหวังซี่โครงของข้าได้หักแน่ ฟังกันหน่อยได้ไหมเนี่ย" หลังจากสูดหายใจลึก ข้าก็กำหมัดแน่น "เอาล่ะ ข้าใจเย็นลงแล้ว อีกนิดหนึ่ง... เซนท์ เจ้าช่วยไปนั่งตรงนั้นทีนะ"

ข้าชี้ไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่ติดกับกำแพงโดยพยายามไม่มองหน้าของเขาตรงๆ ไม่อย่างนั้นหัวใจของข้าคงระเบิดออกมา เอาล่ะ มาทำงานกันต่อดีกว่า

"ย้ากกก!!!"

ข้ายกหม้อที่มีน้ำอยู่เต็มขึ้นวางบนเตาด้วยแรงที่มี จากนั้นจึงร่ายมนต์ลงไป มนตราจุดประกายแสงขึ้นเหนือเตา แล้วไฟก็โหมขึ้นมาจากใต้หม้อ ที่จริงแล้วข้าก็ไม่รู้วิธีใช้มันหรอก แต่ทั้งเตานี่ รวมทั้งของอีกหลายชิ้นที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็เคยถูกใช้ในงานพิธีกรรม

เนื่องจากอาคารหลังนี้เคยเป็นวิหารมาก่อน พวกเราก็เลยเรียกมันตามนั้น ห้องนี้เองก็ไม่ได้เป็นห้องครัวมาตั้งแต่แรก แถมโครงสร้างของมันก็ดูไม่เหมือนที่อยู่อาศัยด้วย แต่ในเมื่อท่านพี่วันสั่งให้ข้าดูแลดินแดนแห่งทราย และคอยปกป้องพื้นที่รอบๆ วิหาร ข้าก็เลย... ทำให้มันกลายเป็นบ้านซะเลย พวกเราจะได้ไม่ต้องสร้างบ้านหลังใหม่ให้เสียเวลา พวกเราใช้เวลาจัดของนานเลยล่ะ อีกทั้งการต้องขนเอาหนังสือ กับม้วนกระดาษออกไปเพื่อทำห้องนอนก็เหนื่อยจริงๆ เรื่องฝุ่นเองก็เหมือนกัน แต่ในที่สุดพวกเราก็จัดการทำความสะอาดที่แห่งนี้จนสะอาดเอี่ยมเลย

ข้าติดวอลเปเปอร์รูปดอกไม้ และแต่งเตียงนอนด้วยหมอนกับผ้าห่มเข้าชุดกัน ข้ามีโต๊ะเล็กๆ น่ารักๆ ที่มีขาเป็นทรงขาของแมว และมีแจกันดอกไม้ตั้งเอาไว้ ข้าฝันที่จะอยู่ในห้องที่ให้อารมณ์สาวน้อยอย่างนี้มานานแล้ว ข้าอยากจะติดผ้าม่านเข้าชุดกันด้วย แต่ว่า อืม... ที่นี่มันไม่มีหน้าต่างนี่สิ ก็วิหารอยู่ใต้พื้นดินนีนา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นที่นี่ก็น่าอยู่จนน่าประหลาดใจ เมื่ออากาศข้างนอกร้อน วิหารจะมีอุณหภูมิเย็นสบาย และเมื่อข้างนอกอากาศหนาว ที่นี่ก็จะอบอุ่น ดินแดนแห่งทรายค่อนข้างมีอากาศแปรปรวน ข้าก็เลยเข้าใจได้ว่าเหตุใดมันถึงถูกสร้างไว้ที่นี่ ถึงมันจะน่ารำคาญนิดหน่อยที่ต้องคอยจุดคบเพลิง กับเทียนเพื่อให้มองเห็นทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวันก็ตาม

อุณหภูมิภายในนี้ค่อนข้างเหมาะสำหรับการเก็บสเบียงด้วย พวกเราเปลี่ยนห้องบูชาให้กลายเป็นห้องครัว แต่เพราะพวกเราไม่มีห้องเก็บสเบียงแยกต่างหาก พวกเราก็เลยต้องคอยย้ายสเบียงออกไปตอนที่ทำอาหาร พวกเราเอาโต๊ะยาวมาตั้งไว้กลางห้องเพื่อให้ทุกคนทานอาหารด้วยกันได้ อาหารจะอร่อยขึ้นถ้าทุกคนมากินด้วยกันนะ

แต่บางครั้งที่ข้าอยากมีเวลาส่วนตัวกับเซนท์ ข้าก็จะให้คนงานทุกคนหยุดงานทั้งวัน ข้าคิดว่าพวกเขาเองก็คงอยากมีเวลาผ่อนคลายเหมือนกันเนอะ หลังจากล้างผักเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่กำลังรอให้น้ำเดือด ข้าก็เริ่มเตรียมเนื้อต่อ

"ทู นั่นมันคือ... โทรลหรือครับ"

"ใช่แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ข้าถลกหนัง แล้วก็ล้างเลือดออกหมดแล้วล่ะ ข้าจะเอามันไปหั่นแล้วเอามาทำอาหารกับผักพวกนี้ ย้ากก!"

ข้าออกแรงใช้ดาบสับลงไป กระดูกของโทรลค่อนข้างหนา มีดธรรมดาจึงไม่สามารถตัดมันได้ ตัวเนื้อของมันนั้นนุ่ม และสามารถเอาไปประกอบอาหารด้วยวิธีใดก็ได้ ไม่ว่าจะย่างซอสทาร์ทาร์ หรือเอาไปตากแห้ง ช่างดีจริงๆ ที่พวกโทรลตัวใหญ่ แถมยังหนัก ผู้คนก็เลยไม่มีแรงพอจะเอาเนื้อของพวกมันมาได้ และข้าก็คิดว่าที่คนส่วนมากไม่กินมันก็คงเป็นเพราะว่าหนังของมันมีกลิ่นเหม็นด้วย

"ทั้งหมดนี่ออกจะเยอะไปสำหรับข้ากับเซนท์แฮะ... ย้ากก!"

หลังจากที่ข้าหั่นเสร็จ ข้าก็เอาเนื้อของมันไปหมักกับเกลือ และไวน์ การเลาะเอ็นออกเป็นเรื่องเหนื่อยเอาการ แต่มันก็สนุกดีเหมือนกัน ข้าชอบทำอาหารจริงๆ!

"ข้าอยากมีห้องครัวส่วนตัวจัง ข้าจะได้ทำอาหารทุกครั้งที่ข้าอยากทำ..."

ตอนที่ข้ากับพวกพี่สาวน้องสาวออกเดินทางด้วยกัน พวกเราไม่ค่อยได้เจอที่ซึ่งพวกเราจะใช้เตรียม และปรุงเนื้อได้มากนัก เวลาส่วนมากพวกเราก็เลยได้แต่ย่างปลา หรือเนื้อกับกองไฟเท่านั้น

"อย่าถือสากันนะครับ  แต่ว่าในกลุ่มพี่น้องของท่านใครเป็นคนที่ทำอาหารเก่งที่สุดหรือครับ"

"ก็ต้องเป็นท่านพี่วันอยู่แล้วสิ"

"ไม่ใช่ท่านหรือครับ ทู"

"ไม่หรอก" ถึงข้าจะชอบทำอาหารมากที่สุด... แต่ท่านพี่วันคือคนที่เก่งที่สุด นางเป็นแม่ครัวมืออาชีพได้เลยล่ะ! ท่านพี่วันเคยบอกว่าไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์อ้างว่าทำอาหารไม่เก่งด้วย"

"ทำไมนางถึงคิดอย่างนั้นล่ะครับ"

"นางบอกว่าในเมื่อเด็กยังเข้าใจพื้นฐานการทำอาหารได้ แล้วทำไมผู้ใหญ่จะทำไม่ได้น่ะ"

"ข้าคิดว่าการจะทำอาหารเก่งต้องมีมากกว่าความรู้พื้นฐานนะคร้บ..."

"นางคงคิดว่าตราบใดที่ใช้หัว ทุกคนก็ต้องทำทุกอย่างออกมาได้ดีล่ะมั้ง"

แน่นอนว่าข้าไม่คิดว่าท่านพี่วันจะรู้ตัวว่านางใช้หัวคิดเรื่องต่างๆ มากกว่าคนทั่วไปสัก 100 เท่าหรอก

"แล้วท่านทรีล่ะครับ ข้าว่านางน่าจะหั่นเก่งแน่เลย"

"อะ ฮ่ะๆ ไม่ใช่กับมีดหรอก นางเก่งเฉพาะการใช้กรรไกรน่ะ"

ข้าคิดว่ามีกรรไกรที่ใช้ทำอาหารอยู่นะ แต่การทำอาหารไม่ใช่แนวของทรีเลย ข้ายังจำตอนที่นางตัดปลาที่พวกเราจับมาได้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนพวกเราคิดว่าคงเอามากินไม่ได้แล้ว แต่ท่านพี่วันก็จัดการบดมันด้วยหิน แล้วพวกเราก็เอามันมาทำลูกชิ้นปลาด้วยกัน มันอร่อยมากเลยล่ะ ข้าจำได้ด้วยว่าท่านพี่วันบอกว่าการเอาข้อผิดพลาดแม้เพียงข้อเดียวมาใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นเรื่องสำคัญมาก

"ทรี นางไม่ค่อยชอบเรื่องพวกนั้นหรอก นางชอบกินอะไรสดๆ ดิบๆ มากกว่า"

"ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ... นางขี้เกียจสินะครับ"

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ทุกครั้งที่ทรีเป็นเวรทำอาหาร นางจะเอามาแต่พวกผักดิบๆ ทุกที ข้าว่าถ้าไม่จำเป็นล่ะก็นางก็คงไม่กินอะไรเลยนั่นแหละ ดูนางไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรด้วย อะ พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วข้าก็นึกขึ้นมาได้... โฟร์เคยบอกว่ายิ่งเราเอาผักไปปรุงมากเท่าไรมันก็จะยิ่งสูญเสียสารอาหารไปมากขึ้นเท่านั้นล่ะ"

โฟร์พูดว่าพืชที่งอกขึ้นมาจากพื้นดินควรจะต้องกินสดๆ  ยกเว้นก็แค่มันฝรั่งกับหัวหอมที่ยังคงจำเป็นต้องเอาไปทำให้สุกก่อน

"นางบอกว่าเราจำเป็นต้องกินผัก 2 ส่วนต่อเนื้อ 1 ส่วน... ผลไม้จะต้องกินในตอนเช้า... และควรจะกินปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งด้วย"

นอกจากนั้นนางยังชอบลดปริมาณน้ำตาล กับเกลืออีก ทุกครั้งที่โฟร์เป็นคนทำอาหาร อาหารของนางจะ... เออ ไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไร ส่วนไฟว์ก็ชอบถล่มเกลือลงไปในของกินทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ชิมเลยสักนิด

"แต่อาหารฝีมือของนางก็ดีต่อสุขภาพมากนะ เหมือนกับพวกยาเลยล่ะ"

"ในอีกแง่หนึ่งก็คือ... ไม่อร่อยใช่ไหมครับ"

"ก็คงอย่างนั้นนั่นแหละ"

แต่มันก็เหมาะกับตอนป่วย หรือไม่ก็ตอนที่ท้องไส้ไม่ค่อยดีนะ

นานมาแล้วตอนที่พวกเราขออาศัยค้างคืนที่บ้านของชาวนาคนหนึ่ง โฟร์ได้ทำอาหารมื้อใหญ่เพื่อเป็นการขอบคุณที่ให้เราพักที่นั่น คุณยายดีใจมาก ด้วยอายุที่มากทำให้นางกินอะไรได้ไม่มากนัก เพราะมันอาจทำให้นางป่วยได้ แต่นางก็กินของทุกอย่างที่โฟร์ทำอย่างมีความสุขมากเลย

"แล้วท่านไฟว์ล่ะครับ"

"ตรงข้ามกับโฟร์เลยล่ะ ฝีมือทำอาหารของนางเลวร้ายมาก แถมยังอันตรายมากด้วย"

ไฟว์ชอบใช้เครื่องเทศเผ็ดร้อน และใส่น้ำมันเยอะๆ แถมนางก็ไม่เคยยั้งมือในการใส่เกลือลงไป ถึงโฟร์จะต่อว่าว่าผักน้อยเกินไป หรือว่าอาหารรสจัดเกินไปก็ไม่ส่งผลใดๆ แถมไฟว์ยังชอบใส่ส่วนประกอบแปลกๆ ลงไปด้วย เวลาเห็นอะไรที่ต้องตา นางจะจับมันใส่ลงไปทันที แต่ก็ต้อบขอบคุณนางที่ทำให้สุดท้ายแล้วพวกเราจึงได้รู้จักกับอาหารใหม่ๆ หลายอย่าง แต่ถึงจะมีคุณค่าทางอาหารหรือไม่ก็ตาม ข้าก็ไม่ขอกินแมลงอีกแล้วนะ...

ครึ่งหนึ่งนางเคยทำสตูว์ปลากับเห็ดที่ทำเอาพวกเราเกือบตายกันหมด ก่อนที่จะรู้ว่าปลาที่นางเอามาทำอาหารมีพิษ เห็ดเองก็เหมือนกัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเราป่วยยกกลุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นไฟว์ก็ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย โฟร์เตือนนางว่าเห็ดที่มีสีสันเยอะๆ ส่วนมากจะมีพิษ แต่เวรทำอาหารครั้งต่อมาของนางก็ยังมีเห็ดสีชมพูสดใสอยู่ในจานสลัด โฟร์โกรธจนควันออกหัวเลย

แม้แต่เดี๋ยวนี้เองไฟว์ก็ยังชอบมาพร้อมเอาของแปลกๆ มาท้าให้พวกเราหาวิธีทำให้มันกินได้ การแข่งสนุกมาก พวกเราทดลองหาวิธีทำให้เนื้อนุ่มขึ้น หาวิธีกลบกลิ่นฉุน... ไม่ว่าใครก็คงไม่เข้าใจหรอกว่าตอนที่พวกเราคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆ ได้มันคุ้มค่ามากแค่ไหน และอาจเพราะนางรู้สึกสนุกกับมัน ไฟว์ก็เลยยิ่งมาพร้อมกับของที่แปลกมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งพืชกินคน ปลาหลายตาที่เต็มไปด้วยเหงี่ยงพิษ... แต่ยิ่งการแข่งขันยากขึ้นเท่าไร พวกเราก็ยิ่งติดไฟกันมากขึ้นเท่านั้น

ครั้งล่าสุดนางล่าเอาหนอนทะเลทรายยักษ์มาให้พวกเรา ข้ารู้สึกขยะแขยงมาก แต่ในเมื่อนางอุตสาห์ไปจับมันมาอย่างยากลำบาก ข้าก็ควรพยายามเอามันมาทำอาหารให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยนั้นด้วย พวกเราใช้เวลาทำซุปหนอนทะเลทรายกันทั้งวัน แต่มันกลับรสชาติเยี่ยมมาก เป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับที่ยอมลงแรงจริงๆ

"ไฟว์เป็นคนที่... รักการผจญภัย แล้วก็ชอบทดลองทำสิ่งใหม่ๆ น่ะ"

"อีกความหมายหนึ่งคือ... นางกินทุกอย่างที่ขวางหน้าสินะครับ"

"ว่าไปก็ถูกอีกนั่นแหละ"

แต่การได้รู้เรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับที่ที่แห้งแล้งอย่างทะเลทรายแห่งนี้มาก ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าพวกเราจะไม่เห็นฝนตกลงมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์... ถ้าพวกเราเอาปีศาจมาทำอะไรได้แล้วล่ะก็ ถึงแม้พวกพืชจะล้มตาย อย่างน้อยทุกคนก็ยังท้องอิ่มกัน ข้าต้องขอบคุณไฟว์จริงๆ ที่ช่วยทำให้ข้ามีอาหารให้กับประชาชนของข้า

"เท่านี้ก็เตรียมโทรลเสร็จแล้ว ข้าจะปล่อยมันให้สุกก่อน ต่อไปก็..."

ข้าโยนเนื้อโทรลลงไปในหม้อ จากนั้นจึงเปิดกล่องที่ข้าเก็บไว้ที่มุมห้องครัว เมื่อเปิดมันออกกลิ่นรุนแรงของเหล้าก็ขึ้นมาแตะจมูกของข้าทันที นี่แหละที่ทำให้ข้าอุตสาห์รอมาตั้ง 2 สัปดาห์

"เอาล่ะ ใช้ได้เลย" ข้าหยิบมันขึ้นมาวางบนโต๊ะข้างหน้า จากนั้นก็...  "ย้ากก ย้ากกก ย้ากกก!"

ข้าต่อย ต่อย ต่อย และต่อยมันด้วยหมัดของข้า!

"ทู นั่นอะไรน่ะครับ"

"ต้นขาของมิโนทอร์ไง มันค่อนข้างเหนียวนิดหน่อย เดือนที่แล้วเรามีเหลือเยอะเลยจำได้หรือเปล่า ข้าก็เลยเอามันมาหมักเกลือไว้น่ะ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนข้าเอามันออกมาล้าง จากนั้นก็หมักกับเหล้าเอาไว้ ถึงเนื้อของมิโนทอร์จะอร่อย แต่มันก็เหนียวมาก ข้าเลยจะนวดจนกว่ามันจะนุ่มได้ที่ จากนั้นก็จะแล่มัน แล้วเอาไปจี่ไฟ... อะ เดี๋ยวก่อนนะ นี่ข้าบอกเจ้าว่าข้าจะทำอะไรมาตลอดเลยนี่ แล้วอย่างนี้ที่ไม่ให้เจ้าดูจะมีความหมายอะไรล่ะ"

"ไม่หรอกคร้าบบ สาวกหัวทึบอย่างข้าไม่สามารถเข้าใจถึงความยอดเยี่ยมของสิ่งที่ท่านกำลังเตรียมอยู่โดยแค่ฟังท่านอธิบายหรอกครับ"

"ว้าย เซนท์ เจ้าใช้คำเก่งจัง!"

อ๊ายยย! หัวใจข้าเต้นแรงอีกแล้ว จะให้ข้าทำยังไงได้ล่ะ ก็เซนท์ช่างมีเสน่ห์ชวนฝันจนทำเอาข้าแทบหยุดหายใจเลยนี่นา แต่ว่าไม่สิ ไม่ ถ้าข้าตายล่ะก็พวกเราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก อะ แต่ว่า แต่ว่า หัวใจของข้าทนต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะ มันจะระเบิดแล้วคร่าาา!

"ย้ากกก! สงบ! หน่อยสิ! เจ้าหัวใจ! ย้ากกก ย้ากกก ย้ากกก!"

ข้าต่อยเนื้อมิโนทอร์จนมันอ่อนนุ่ม

"เอานี่ไปกินซะ นี่ด้วย แล้วก็นี่ด้วย!"

ข้ายังคงชกมันครั้งแล้วครั้งเล่า การทำอย่างนี้ทำให้ข้าสงบใจลงได้นิดหน่อย... อา ข้าเผลอทำอย่างนั้นจนตัวเองแทบหมดแรง ตอนนี้เนื้อมันนุ่มเหมือนแฮมเบอร์เกอร์แล้ว แถมมาด้วยรอยร้าวขนาดใหญ่บนโต๊ะ

"อืม แต่คงไม่เป็นไรหรอก แฮะๆ"

สติของข้ากลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และในตอนที่ข้าหันกลับไปหั่นผักเพิ่มนั่นเอง...

"ท่านพี่ทูครับ/คะ~"

"มาเล่นด้วยกันเถอะ!"

"เล่นกับพวกเราหน่อยนะครับ/คะ"

เสียงเล็กๆ ดังมาตามทางเดิน ก่อนที่ใบหน้าน่ารักจะมาเรียงรายให้ข้าเห็น

"พวกเจ้า เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ"

เด็กพวกนี้ต่างก็เป็นเด็กกำพร้า ดินแดนแห่งทรายค่อนข้างยากจน แถมผู้คุมกฏคนก่อนก็มีนิสัยโหดร้าย จนทำให้ผู้ใหญ่ และเด็กจำนวนมากต้องเสียชีวิตไปภายใต้การปกครองของเขา ถึงเด็กพวกนี้จะรอดมาได้ แต่พวกเขาจะใช้ชีวิตกันตามลำพังกันได้อย่างไร ด้วยเหตุนั้นข้าก็เลยตัดสินใจพาพวกเขามาอยู่ด้วยกัน ทีนี้ถึงจะไม่มีแม่ หรือพ่อ พวกเขาก็จะไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป ข้ายังโชคดีที่มีท่านพี่ และน้องสาวอยู่เคียงข้าง แต่พอนึกถึงแม่กับพ่อแล้ว น้ำตาของข้าก็พาลจะไหลเหมือนกัน

"ไม่ใช่ว่าคืนนี้พวกเจ้าต้องไปค้างที่บ้านเพื่อนบ้านหรือไง"

ข้าให้พวกเด็กๆ อยู่ในวิหารจนกระทั่งถึงตอนเย็นก็พาพวกเขาไปฝากหญิงซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านข้างๆ ให้ช่วยดูแลพวกเขาแล้วนี่นา

"แบบว่า..."

"พวกเรากลับมาแล้วครับ/ค่ะ!"

"พวกเราอยากอยู่กับพี่สาวครับ/ค่ะ!"

"เอาหน่า มาเล่นด้วยกันเถอะ"

เหล่านางฟ้า และเทวดาตัวน้อยพากันจับมือกัน ข้าตัดสินใจไปแล้วว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งของครอบครัวของข้า แล้วข้าก็รู้สึกถึงมือที่วางลงมาบนไหล่

"ข้าไม่ว่าอะไรหรอกครับ ทู"

เซนท์ส่งยิ้มให้ข้า อา... เซนท์เข้าใจทุกอย่างสินะ ทั้งสิ่งที่ข้ารู้สึก สิ่งที่สำคัญสำหรับข้า เขาช่างเข้าใจข้าไปหมดทุกเรื่องจริงๆ มันคงไม่ได้เป็นเพราะว่าข้าเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง แล้วเขาเป็นสาวกของข้านะ และถึงพวกเราจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นกัน ข้าก็จะยังรักเขา แล้วเขาก็ยังรักข้าใช่หรือเปล่า

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเราสองคนก็จะยังรักกันใช่ไหม

"ไว้เรามาทานมื้อค่ำแบบโรแมนติกกันคืนอื่นก็ได้ครับ"

"อืม... ขอบคุณนะ เซนท์" ข้ารักเจ้ามากกว่าใคร ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกเราได้พบกัน "พวกเจ้า อดใจรอกันอีกหน่อยนะ ข้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเราทุกคนกินเอง!"

พวกเด็กๆ ต่างส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข ข้ากลับไปทำอาหารสำหรับวันนี้อีกครั้ง... สำหรับเซนท์คนสำคัญของข้า... และครอบครัวแสนสำคัญของข้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa