Drag on Dragoon 3 Cent Novella : The Jewel within My Palm
เครดิท : drakengard.wikia
"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าเซนท์ ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม"
ท่านทู นายหญิงของข้าเอ่ยหลังจากที่นางจัดการสัตว์ประหลาดตัวสุดท้ายด้วยดาบใหญ่ ข้ารู้อยู่แล้วว่านางจะต้องถามอย่างนั้น สาวกอย่างข้าย่อมรู้ถึงสิ่งที่เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงที่ตนรับใช้อยากกล่าวโดยที่นางไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา
"ข้าไม่เป็นอะไรหรอกครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงข้ามากเลยนะครับ ท่านทู..."
ไม่ว่าอย่างไรความปลอดภัยของร่างกายของนางก็สำคัญกว่าข้า นางเพิ่งจัดการมิโนทอร์ซึ่งตัวใหญ่กว่านางถึง 2... ไม่สิ 3 เท่าต่างหาก แถมยังเป็นกลางทะเลทรายอีก แสงแดดแรงกล้าที่แผดเผา กับพายุทรายต่างก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเรามากพออยู่แล้ว ความโหดร้ายนี้ทำเอาข้าไม่อาจนึกได้เลยว่าจะมีสนามรบใดที่เลวร้ายไปกว่าที่ที่พวกเรายืนอยู่ในตอนนี้ได้อีก
และแน่นอนว่าทั้งหมดที่ท่านทูพูดก็คือ
"ข้าบอกเจ้าแล้วไงล่ะว่าอย่าเรียกข้าว่าท่านตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกันแค่สองคน เจ้าสัญญาแล้วนี่ว่าจะเรียกข้าแค่ทูเฉยๆ น่ะ!”
ระหว่างที่นางพองแก้มออกอย่างไม่พอใจ ข้าก็ต้องบอกให้ตัวเองให้ความสำคัญกับสภาพร่างกายของนางในตอนนี้มากกว่า แต่... พอยิ่งมองแก้มป่องๆ นั่นแล้ว ความต้องการที่จะสัมผัสแก้มแสนน่ารักนั่นก็ทำให้ข้าเสียสมาธิ
"ขอโทษด้วยครับ ทู... ท่านได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าครับ"
นางยืดตัวขึ้น แก้มที่พองด้วยความไม่พอใจแปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มกว้างภายในไม่ถึงวินาที
ความจริงแล้วข้าไม่ได้ลืมสัญญาของพวกเราหรอก ข้าก็แค่อยากเห็นนางทำหน้าอย่างนั้นก็เลยทำแบบนั้นต่างหาก พอทำอย่างนั้นแล้วข้าก็จะได้เห็นใบหน้าสองแบบแสนน่ารักของนาง อันแรกคือแก้ม และต่อมาก็คือรอยยิ้ม ข้านี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอีก 2 ข้อที่ทำให้ข้าเรียกนางด้วยคำสุภาพ เหตุผลแรกเป็นเรื่องมารยาท เห็นได้ชัดจากการที่นางยอมให้ข้าเรียกเช่นนั้นต่อหน้าผู้อื่นเพื่อรักษาบรรยากาศ
เหตุผลที่สองที่ทำให้ข้าไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับนางเกินไป... นั่นเป็นเพราะตัวตนของนางนั้นยิ่งใหญ่กว่าข้านัก ข้าคิดว่าไม่ว่าชายคนใด เมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าสตรีที่ยิ่งใหญ่กว่าตนก็ย่อมต้องอยากเรียกอีกฝ่ายว่าท่านกันทั้งนั้นแหละ
ใช่แล้ว ถึงข้าจะทั้งหล่อ และมากความสามารถ แต่ท่านทูก็ยิ่งใหญ่กว่าข้าหลายล้านเท่านัก ขอบอกเลยว่าคนที่ข้าจะยอมรับว่ามีสถานะเหนือกว่าน่ะไม่ค่อยมีเท่าไรหรอก อันที่จริงเรียกว่าหาได้ยากมากๆ เลยล่ะ
แม้ว่าท่านจะไม่ใช่เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงสิ่งนี้ก็จะยังคงเป็นดังเดิม ความสัมพันธ์ของพวกเราในฐานะเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง กับสาวกมันก็แค่เท่านั้นแหละ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเจ้านายของข้าคือเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงคนอื่นที่ไม่ใช่ท่าน ความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงเป็นในแค่ผู้ร่วมงานกันโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นท่านวัน ท่านทรี ท่านโฟร์ หรือว่าท่านไฟว์... ก็ล้วนไม่ต่าง ข้าจะไม่ยอมเสียเวลาทั้ง 24 ชั่วโมงในวันหนึ่งของข้าให้กับพวกนางเหมือนที่ข้าทำให้ท่าน ข้าจะกำหนดเวลาทำงาน และเวลาพักผ่อนที่แน่นอนเอาไว้ ข้าจะทำเพียงหน้าที่ของข้าในฐานะสาวก และไม่มีทางเป็นอะไรมากไปกว่านั้น
ท่านไม่ได้สำคัญต่อข้าเพราะว่าท่านเป็นเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง แต่เป็นเพราะว่าท่านคือท่านต่างหาก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าเรียกท่านว่าท่านทู และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่างน้อยๆ ก็ในใจของข้า
แต่เมื่อข้าเรียกท่านแบบนั้นบ่อยๆ ท่านก็มักมีท่าทีเหงาหงอยทุกครั้ง ข้ารักแก้มป่องๆ ของท่าน แต่ข้าก็ไม่อยากเห็นสีหน้าเจ็บปวดของท่าน ดังนั้นถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ว่าข้าจะค่อยๆ ลดจำนวนครั้งที่ข้าแสร้งทำเป็นลืมนะครับ
เอาล่ะ งั้นก็ทู... ไม่สิท่านทู... อา ครั้งต่อไปข้าจะเรียกท่านว่ายังไงดีนะ บทพูดในหัวของตัวเองทำเอาข้าลืมไปซะแล้วสิ...
"เซนท์"
ดวงตาของท่านจับจ้องมาที่ข้าอย่างสงสัย ช่างเป็นดวงตาที่มากด้วยความหมาย... ส่องสว่างด้วยความสนุกสนาน เป็นประกายด้วยความโกรธ เบิกกว้างด้วยความแปลกใจ บางทีท่านอาจเป็นคนเจ้าเล่ห์ตัวจริงก็ได้นะครับ ช่างโหดร้ายจริงๆ เพียงแค่ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าโดยไม่ต้องใช้เสียงเพลงของท่าน... มันก็ทำให้ข้ากลายเป็นนักโทษของท่านแล้ว
"เซนท์ เจ้าอยากยืดแก้มข้าอีกแล้วใช่ไหม ห้ามเด็ดขาดเลยนะ ถ้าเจ้ายังดึงมันอีกล่ะก็ แก้มของข้าจะต้องย้วยแน่ๆ!"
"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นคร้าบบ ข้าก็แค่อยากจะช่วยกระตุ้นให้เลือดได้สูบฉีดสักหน่อย เป็นการออกกำลังเพื่อบำรุงผิวของท่านไงล่ะครับ"
"อะไรนะ จริงๆ เหรอ ว้าว งั้นก็ทำอีกสิ!"
...ข้าแค่ล้อเล่นครับ ยกโทษให้ข้าด้วยครับท่านทู ก็แก้มของท่านทั้งนุ่มแล้วก็น่ารักขนาดนี้ ข้าก็เลยห้ามใจไว้ไม่ได้เลยครับ
"ย่ะ หยุดหัวเราะนะ! ข้าสั่งให้หยุดไงล่ะ!"
ตอนนี้ท่านหน้าแดงไปหมดแล้ว ไม่ว่าท่านจะพูดหรือทำอะไร ท่านก็น่ารักเสมอ ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แต่ประชาชนทุกคนในดินแดนของพวกเขาต่างก็รักท่าน คนของท่านยอมทำทุกอย่างเพื่อท่านด้วยความยินดี แต่ว่า...
"ถ้าท่านยังออกจัดการพวกสัตว์ประหลาดด้วยตัวเองแบบนี้ พวกทหารจะไม่มีงานทำกันนะครับ"
"แต่ข้ายอมให้พวกเขาไปทำเรื่องอันตรายไม่ได้หรอก ถ้าพวกเขาได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ"
พวกทหารต่างหวังที่จะได้ใช้ความสามารถปกป้องเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงของพวกตน แต่นางก็เอาแต่พูดแบบนั้น ความจริงก็คือท่านทูสามารถเอาชนะพวกมิโนทอร์กระหายเลือดตัวยักษ์จำนวนมากได้ (โดยมีข้าคอยให้ความช่วยเหลือ) เพราะฉะนั้นแม้พวกเขาจะมีความตั้งใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งที่นางทำได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่ดี ถ้าพวกเขาอยากจะเป็นประโยชน์ให้นางจริงๆ พวกเขาก็จำเป็นต้องฝึกฝนเพื่อให้แข็งแกร่งมากขึ้น
"คิดแล้วก็น่าแปลกจริงๆ ที่พวกมิโนทอร์มาทำรังอยู่แถวนี้..."
"มีแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไร คงเพราะอย่างนี้พวกมันก็เลยเลือกมาอยู่แถวนี้ละมั้งครับ"
"นั่นสินะ... แถมถนนของมนุษย์ก็อยู่ใกล้ๆ นี่ด้วย"
คณะคาราวานจากตะวันตกรีบหนีมาหาพวกเราด้วยความตื่นตระหนกเพื่อบอกว่าพวกตนพบรังของสัตว์ประหลาด แต่พวกเขาก็ตกใจจนพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่แม้แต่จะบอกพวกเราได้ว่าสัตว์ประหลาดพันธ์ใดที่โจมตีพวกตน แต่ถึงพวกเขาจะพูดได้ชัดถ้อยชัดคำผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิม เพราะท่านทูจะวิ่งออกไปก่อนที่พวกเขาจะรายงานเสร็จ ข้าคิดว่าการได้เห็นประชนชนของตัวเองถูกสัตว์ประหลาดทำร้ายคงทำให้นางไม่อาจสงบใจได้
"มิโนทอร์พวกนี้ชักจะทำให้ยุ่งยากแล้วสิ หนึ่ง สอง สาม... พวกมันมี 7 ตัวนี่นา ข้าไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่ห่วงว่าพวกมันจะทำร้ายเจ้าหรือเปล่า เซนท์"
"แผลแค่สองสามแผลก็คุ้มค่ากับการได้ปกป้องท่านแล้วล่ะครับ" สีหน้าของท่านทูบอกว่านางไม่เห็นด้วย แน่นอนว่าข้ารู้อยู่แล้วว่านางต้องคิดอย่างนั้น "ก็อย่างที่ท่านเห็นล่ะครับ ข้าไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่ที่เดียวเลยครับ"
ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ของสาวกที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงของตนในระหว่างการต่อสู้ ถ้าข้าไม่เตรียมใจไว้แล้วล่ะก็ ข้าก็เป็นผู้คุ้มกันที่ใช้การไม่ได้แล้วล่ะ
"แล้วพวกเราจะเอายังไงกับเจ้าพวกนี้ดีล่ะ"
"ท่านหมายถึงมิโนทอร์หรือครับ?"
"ก็พวกเราเอาพวกมันกลับไปหมดทั้ง 7 ตัวไม่ได้นีนา ข้าแบกสอง... เซนท์ เจ้าแบกหนึ่ง... นี่ไง พวกเราคงเอากลับไปกันได้แค่ 3 ตัวเอง ถ้าอย่างนั้น... จะทำยังไงกับอีกสี่ตัวที่เหลือดีล่ะ..."
ข้ารู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะแนะนำไปว่าให้ทิ้งพวกมันเอาไว้ สำหรับท่านทูแล้วมันไม่ได้อยู่ในทางเลือกของนางเลย นั่นก็เพราะเนื้อของมิโนทอร์นั้นสามารถกินได้ ความจริงแล้วมันรสชาติคล้ายกับควายมาก ผู้คนซึ่งอยู่ในที่ที่อุดมสมบูรณ์อาจจะรับไม่ได้กับการกินเนื้อสัตว์ประหลาดอย่างที่พวกเราทำกันในดินแดนแห่งทรายนี้ แน่นอนว่าก็มีบางคนที่ต่อต้านการกินยักษ์ หรือกอบลินเหมือนกัน แต่ต้องขอบคุณการทดลองทำอาหารของท่านทูที่ช่วยทำให้พวกมันกลายเป็นอาหารสามัญบนโต๊ะอาหารเย็นได้
"ก่อนอื่นพวกเราน่าจะย้ายร่างของพวกมันกลับไปที่รังนะครับ"
พวกมิโนทอร์ไม่สามารถอยู่ในทะเลทรายเหมือนกับหนอนทะเลทราย พวกมันจะสร้างรังอยู่ตามร่องหินในทะเลทรายซึ่งเย็น และเป็นเกราะป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้
"ถ้าอยู่ในร่มเงาแล้วพวกมันน่าจะเก็บไว้ได้สักครึ่งวันนะครับ ระหว่างนั้นพวกเราก็ค่อยให้ทหารมาช่วยแบกพวกมันกลับไป ว่ายังไงครับ"
"ความคิดเยี่ยมเลย เซนท์ เจ้าเนี่ยฉลาาาด จริงๆ งั้นพวกเรารีบขนพวกมันไปกันเถอะ!"
เมื่อตัดสินใจได้ท่านทูก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างรวดเร็ว นางยกมิโนทอร์ตัวยักษ์ขึ้นราวกับพวกมันเบาเหมือนขนนก นางย้ายพวกมันกลับไปที่รังอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังอดกระทับใจในพละกำลังของนางไม่ได้
"ท่านไม่เหนื่อยบ้างเลยหรือครับ"
"ไม่หรอก ข้าสบายมาก อะ แต่ว่า... ข้าอยากให้เจ้าทำ "อย่างว่า" ให้อีกครั้งน่ะ”
”อย่างว่า”
"เจ้าก็รู้นี่ ก็นวดข้าเหมือนที่เจ้าทำหลังจากที่ข้าเล่นกับพวกเด็กๆ ไงล่ะ"
อ๋อ... อย่างว่านี้นี่เอง
"ตามที่ท่านต้องการเลยคร้าบบ"
เมื่อไม่กี่วันก่อนข้านวดไหล่ให้นางหลังจากที่นางเล่นกับพวกเด็กๆ ข้างนอก นางดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าไหล่ของตนแข็งแกร่งมาก
ท่านทูมีกล้ามเนื้อมากกว่าคนปรกติ เพราะอย่างนั้นนางก็เลยยกมิโนทอร์ทั้งตัวขึ้นเหนือหัวได้อย่างนั้นสินะ ถ้านางไม่คอยควบคุมพลังของตัวเองให้ดีๆ นางก็จะดึงประตูหลุดออกมาทั้งบานพับ หรือทำราวบันไดหลุดออกมากองบนพื้น ความจริงแล้วมันก็เกิดขึ้นบ่อยเลยล่ะ เพราะฉะนั้นเวลาที่นางเล่นกับพวกเด็กๆ นางจะต้องตั้งสมาธิมากเพื่อไม่ให้เผลอไปทำอีกฝ่ายบาดเจ็บ การทำอย่างนั้นทำให้นางต้องเกร็งร่างกายมากกว่าตอนที่ต่อสู้กับมิโนทอร์ในทะเลทรายเสียอีก และหลังจากใช้เวลาเล่นกับพวกเด็กๆ ทั้งวัน ไหล่ กับแขนของนางก็จะตึง และล้ามาก แน่นอนว่าท่านทูไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้เวลากับเจ้าพวกตัวน้อย ไม่ว่านางจะยุ่งแค่ไหน นางก็ไม่เคยละเลยพวกเขา พวกเด็กๆ สำคัญต่อนางมากจนนางมองพวกเขาไม่ต่างจากพี่น้องร่วมสายเลือด พวกเขาคือครอบครัวของนาง
ถ้ามีใครคนหนึ่งป่วยเป็นไข้หรือปวดท้อง นางจะรู้สึกกังวลใจจนกินอะไรไม่ลง ข้าต้องพยายามบอกนางว่าพวกเด็กๆ ก็มักเป็นไข้ หรือมีปัญหากับอาหารบ่อยๆ อยู่แล้ว และการไม่ยอมกินอาหารเพื่อคอยดูแลพวกเขาก็ไม่ดีต่อสุขภาพของนางเอง แต่มันก็ไม่เป็นผลนัก ถึงแม้ท่านทูจะเข้าใจสิ่งที่ข้าบอกเพราะความชาญฉลาดของนาง แต่นางก็ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวสำหรับนางคือการทำให้พวกเขาหายดีเร็วที่สุดเท่านั้น
เพราะฉะนั้นเมื่อมีเวลา ข้าก็จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคลายความเครียดให้นาง แม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่ว่า...
"ดีขึ้นแล้วล่ะ ข้ารู้สึกดีมากเลย เซนท์ ขอบใจนะ!"
"ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ"
"เอาล่ะ กลับกันเถอะ!"
นางเขย่งเท้ากระโดดราวกับกระต่าย หรือกระรอกน้อย ความจริงแล้วบางครั้งข้าก็กังวลเหมือนกันว่านางจะวิ่งหนีหายไป และไม่กลับมาอีก ข้ารู้ดีว่ามันก็เป็นแค่ความกลัวลมๆ แล้งๆ นางไม่มีทางคิดที่จะทอดทิ้งดินแดนที่นางดูแลอยู่แล้ว...
"ข้าดีใจจังที่ข้ามาจัดการเจ้าพวกนี้ก่อนที่ข้าจะต้องเดินทางออกจากเมืองไป" ...นางเป็นอย่างนี้เสมอ สิ่งแรกที่นางคิด และให้ความสำคัญคือประชนชนในการดูแลของนาง "เพราะมีเจ้าพวกนี้อยู่ในทะเลทราย ข้าก็เลยทำใจออกเดินทางบ่อยๆ ไม่ได้เลย"
"นั่นสิครับ แถมเวลาที่ท่านวันเรียกให้ท่านไปพบก็ไม่เคยแน่นอนด้วย"
"ที่เจ้าพูดก็ถูกนะ..."
บางทีข้าอาจไม่น่าจะพูดอย่างนั้นออกไปในเวลาแบบนี้ ใบหน้าของท่านทูเหม่อลอยด้วยความคิดถึงศัตรูที่นางอาจต้องเผชิญ แม้จะมีข้าให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คงเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากสำหรับนาง
อา... ได้โปรดเถอะ อย่าทำสีหน้าอย่างนั้นเลยครับ ความเศร้าไม่เหมาะกับท่านเลย
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านวันเองก็พยายามเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้ทุกคนสามารถอยู่ได้โดยสันติ ทุกคนจะต้องสนับสนุนเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงผู้กอบกู้โลกอย่างพวกท่านแน่ๆ เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ท่านจะแพ้แน่นอนครับ"
"...นั่นสินะ ถ้าพวกเราพยายามล่ะก็ทุกคนต้องมีความสุขแน่"
เงามืดบนใบหน้าของนางหายไปเล็กน้อย
"และข้าก็จะคอยอยู่เคียงข้างท่าน ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด หรือสถานที่ไหน ข้าจะมีชีวิตเพื่อปกป้องท่านเองครับ ท่านทู"
"อืม... อยู่กับข้าตลอดไปนะ สัญญากับข้าสิ"
"แน่นอนครับ"
ในที่สุดรอยยิ้มของนางก็กลับมา ใช่แล้ว... อย่างนั้นแหละ
"หลังจากศึกที่เมืองมหาวิหารจบลงแล้ว... เราไปท่องเที่ยวด้วยกันไหมครับ"
รอยยิ้มของท่านจะได้เต็มเปี่ยมด้วยความสุข และปรากฏให้เห็นบ่อยๆ
"จริงเหรอ! อะ แต่ว่า... ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรที่จะทิ้งทุกคนไปน่ะ..."
"งั้นเอาอย่างนี้ดีไหมครับ พวกเราจะทำให้มันเป็นการเดินทางเพื่อจัดการพวกสัตว์ประหลาด ทีนี้ก็จะได้ไม่มีพวกมันหลงเหลืออยู่ในดินแดนของพวกเรา จากนั้นพวกเราก็ไปล่าพวกมันในดินแดนอื่นกันต่อ"
"เยี่ยม นี่ก็จะเป็นการช่วยเหลือทุกคนเลยนีนา!"
ใช่แล้ว ข้าอยากเห็นสิ่งนี้ รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ และไร้เดียงสาราวเด็กน้อยของท่าน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้รอยยิ้มนั่นอยู่บนใบหน้าของท่านตลอดไป เพื่อปกป้องรอยยิ้มนั้นแล้ว ข้าจะยอมเสียสละทุกๆ อย่าง
"แต่ว่า แล้วพวกเด็กๆ ล่ะ ข้าปล่อยให้พวกเขาอยู่กันเองไม่ได้หรอก"
ท่านช่างเป็นคนขี้กังวลเสียจริง โดยเฉพาะเรื่องของพวกเด็กๆ แต่นั่นก็เป็นส่วนที่ทำให้ข้ารักท่านเช่นกัน
"ทำไมไม่ฝากพวกเขาไว้กับท่านวันล่ะครับ จะมีที่ไหนในโลกนี้ที่ปลอดภัยไปกว่าเมืองมหาวิหารอีกล่ะ"
"จริงด้วย!"
"ถ้าพวกเราส่งทหารจากดินแดนของเราตามพวกเขาไปด้วย พวกเขาก็ไม่เป็นภาระให้ท่านวันหรอกครับ"
"ข้าจะลองถามนางดู และจะขออนุญาตนางให้พวกเราเข้าไปสำรวจในเมืองมหาวิหารด้วย"
ข้าดีใจจริงๆ เพียงเท่านั้นความเครียดที่ท่านเผชิญจากการต่อสู้ก็คลายลงได้บ้างแล้ว เช่นเดียวกับเมฆที่คอยบดบังหัวใจของท่านไว้
"แล้วหลังจากนั้น พวกเราก็จะออกเดินทางไปล่าปีศาจจนสุดขอบโลกด้วยกัน ท่านเคยบอกว่าอยากเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกด้วยกับข้าสองคนใช่หรือเปล่าครับ"
"เจ้าจำได้ด้วยเหรอ..."
"ถึงข้าจะลืมเรื่องที่ตัวเองพูดไปเมื่อ 5 นาทีก่อน แต่ข้าไม่มีวันลืมคำพูดอ่อนหวานใดที่ท่านเอ่ยกับข้าหรอกครับท่านทู"
ใช่แล้วล่ะ ถึงแม้ข้าจะลืมทุกอย่างไปหมดสิ้น ทว่ารอยยิ้มของท่านก็จะยังคงอยู่ในใจข้าเสมอ มีเพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียวที่จะไม่มีวันเลือนหาย
”อะ เจ้าเรียกข้าว่าท่านอีกแล้วนะ!”
รวมไปถึงแก้มป่องๆ ด้วยความไม่พอใจอันแสนน่ารักนี้ด้วย
"นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ต่อหน้าข้ารับใช้ของท่านน่ะครับ"
"จริงเหรอ"
ข้ามองเห็นทหารของท่านทูกำลังวิ่งเตะทรายเพื่อมาหาพวกเราจากที่ไกลๆ ข้าบอกพวกเขาไปแล้วนางจะปลอดภัยหากมีข้าอยู่ข้างๆ ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องตามพวกเรามาก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าความเป็นห่วงที่มีต่อเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงของพวกเขาจะมากจนทำให้ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะติดตามพวกเรามา ข้าโทษพวกเขาไม่ได้หรอก เพราะว่าข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาดี
"ได้จังหวะพอดีเลย ทีนี้พวกเราก็ให้พวกเขาช่วยแบกมิโนทอร์ตัวอื่นไปได้นะครับ"
"ดีเลย ถ้าตอนนี้พวกเราขนเจ้าพวกนี้ทั้งหมดกลับไปก็คงถึงเวลาอาหารเย็นพอดี คืนนี้ทำอะไรดีนะ… เคบับดีหรือเปล่า หรือพวกเราจะเอาพวกมันไปย่างทั้งตัวดีเหรอ"
อารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วของท่าน ไม่ว่าจะเป็นครั้งใดก็ช่างน่ารักเหลือเกิน
"ท่านทูครับ…"
"หือ"
ข้าก็แค่อยากเรียกชื่อของท่าน ได้เห็นท่านหันกลับมา ไม่สิ...
"กลับบ้านกันเถอะครับ ช่วยส่งมือมาให้ข้าทีสิครับ"
ข้าอยากจะกุมมือของท่านไว้ในมือของข้า ข้าจะไม่มีทางปล่อยมันไปแน่ ไม่มีวัน
เรื่องของน้องสองนี่ชั่งดราม่าาา น่าสงสานจริงๆ TT
ตอบลบอะ ขอโทษที่ตอบช้านะคะ แอดมินเพิ่งเห็น ยิ่ง dlc สองคนนี้ยิ่งปวดตับเนอะ
ลบ