NieR Automata Novellas : The Memory Cage


NieR Automata Novellas : The Memory Cage เป็นหนึ่งนิยายที่แถมกับเกมรุ่น Limited โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนเริ่มเกมซึ่งช่วยอธิบายถึงความสัมพันธ์ของ 2B และ 9S และเฉลยปมในใจของทั้งคู่มากขึ้นค่ะ ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นติดตามกันได้เลยนะคะ

Credit ภาษาอังกฤษ : mintychu.dreamwidth.org

ดาบรุ่น 4O วาดตัดผ่านกลุ่มควันหนา มันคืออาวุธสำหรับต่อสู้ระยะประชิดที่ทันสมัยที่สุดซึ่งถูกมอบให้กับนักสู้ที่อยู่แนวหน้า ประกายแสงจากคมดาบสว่างขึ้นขณะที่ผ่าร่างทรงกระบอกซึ่งลอยอยู่บนอากาศ หุ่นยนต์ที่สูญเสียศีรษะไปหยุดการเคลื่อนไหว ร่างทรงกระบอกนอนแน่นิ่งบนพื้นทรายก่อนที่มันจะระเบิดออก ทำให้กลไกที่ทำจากเหล็กกระจายทั่วบริเวณ และหลังจากที่การระเบิดสิ้นสุดก็เหลือเพียงของสายลมทะเลทรายพัดผ่านเท่านั้น

เมื่อกลุ่มทรายถูกพัดอากาศพัดออกไป ร่างของผู้ใหญ่เพศหญิงก็ปรากฏขึ้น เรือนร่างนั้นมีส่วนโค้งเว้าได้รูป และขาเรียวที่โผล่พ้นกระโปรงออกมาก็ช่วยเน้นย้ำเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นทั้งผู้ใหญ่ หรือผู้หญิง ร่างกายของเธอไม่ใช่มนุษย์ และในทางชีวภาพแล้วเธอก็ไม่ได้มีเพศแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะเธอคือแอนดรอยด์รุ่นโยร์ฮา หมายเลข 2 ประเภท B หรือเรียกง่ายๆ ว่า 2B ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีความสามารถด้านการต่อสู้เป็นพิเศษ

มนุษย์ได้ละทิ้งโลกใบนี้ไปเป็นเวลานานแล้ว เนื่องจากการรุกรานของเอเลี่ยนทำให้พวกเขาถูกกดดันให้ต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ ตอนนี้ดาวดวงนี้จึงกลายเป็นสนามรบระหว่างหุ่นยนต์ซึ่งถูกสร้างโดยเอเลี่ยน และเหล่าแอนดรอยด์ที่ได้รับหน้าที่ให้กำจัดอีกฝ่ายเท่านั้น

2B เก็บดาบของเธอ ก่อนหันไปสนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง แล้วเอ่ยคำพูดออกมา

"พวกมันหมดแล้วหรือยัง"

สิ้นเสียงคำถาม วัตถุหนึ่งก็ลอยตัวขึ้นเหนือพื้นราว 2 เมตร มันคือหน่วยสนับสนุนทางเทคนิคที่ถูกเรียกว่า POD มันมีศีรษะเป็นทรงสี่เหลี่ยม และมีแขนขนาดต่างกัน 4 ข้าง ปรกติพวกมันจะเคลื่อนไหวในอากาศ ทว่าก็สามารถเคลื่อนที่ในน้ำได้ พวกมันได้รับการติดตั้งอาวุธสำหรับต่อสู้ระยะไกล โปรแกรมสำหรับการวิเคราะห์ การติดต่อสื่อสาร รวมไปถึงอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ทำให้ POD เป็นผู้ช่วยที่สามารถทำงานได้หลากหลายสำหรับแอนดรอยด์โยร์ฮา

"ยืนยัน ไม่มีสัญญาณของศัตรูถูกตรวจพบภายในรัศมี 5 กม. จากจุดที่ทำการตรวจสอบ"

"เข้าใจแล้ว"

2B พึมพำขณะเดินไปข้างหน้าโลหะทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งมีขนาดสูงกว่าเธอเล็กน้อย มันคืออารยธรรมของมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าเครื่องขายของอัตโนมัติ แล้วตอนนี้มันก็ถูกใช้เป็นอุปกรณ์ติดต่อกับฐานบังเกอร์ และเครื่องส่งสัญญาณข้อมูล แม้จะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายรู้ความจริงนี้หรือไม่ แต่เธอก็พบว่าพวกหุ่นยนต์ชอบมารวมตัวกันที่จุดส่งสัญญาณ และเข้าทำลายกัดกินมันราวกับฝูงแมลงเข้ารุมผลไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้น ดังนั้นเมื่อสมาชิกหน่วยโยร์ฮาต้องรับส่งข้อความกับสมาชิกที่ประจำการบนโลก หรือเพื่อรับข้อมูลภูมิประเทศของบริเวณรอบๆ พวกเธอจำเป็นต้องกำจัดหุ่นยนต์ที่อยู่ในบริเวณจุดส่งสัญญาณเสียก่อนจนมันกลายเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของพวกเธอแล้ว

ในเมื่อตอนนี้ขั้นตอนนั้นได้เสร็จสิ้น 2B จึงสามารถปฏิบัติเป้าหมายของเธอต่อได้ เธอเลือกข้อความล่าสุดในรายการจดหมายของตนเปิดอ่าน แต่ตอนที่สายตาของเธอเพิ่งเหลือบเห็นชื่อของผู้ส่ง และคำว่า "ลับสุดยอด" เธอก็ได้ยินเสียงของเขา

"2B!"

จู่ๆ เสียงของ 9S ก็ดังขึ้นมา เขาคือหมายเลข 9 ประเภท S ถึงจะเป็นสมาชิกหน่วยโยร์ฮาเช่นกัน แต่เขาก็ต่างจาก 2B ตรงที่ไม่ได้ถูกสร้างให้มีร่างกายเป็นผู้หญิงเต็มวัย แต่ถูกสร้างโดยมีกายภาพของเด็กมนุษย์ผู้ชายเป็นต้นแบบ

"ท่านผู้บัญชาการส่งข้อความมาหรือครับ"

แม้เขาจะไม่เห็นตัวอักษรในข้อความเลยสักตัว แต่สแกนเนอร์ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่องานค้นคว้าหาข้อมูล จึงมีความสามารถในการวิเคราะห์ และสังเกตสูง เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาปรกติที่จะได้รับการติดต่อจากสภาแห่งมนุษยชาติ อีกทั้งการอ่านจดหมายส่วนตัวก่อนเริ่มปฏิบัติภารกิจก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ เขาจึงสรุปว่ามันน่าจะเป็นข้อความจากผู้บัญชาการ

"ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับงานค้นคว้าข้อมูลตอนนี้หรอก ก็แค่คำแนะนำสำหรับงานอื่นน่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้น..." แอนดรอยด์สาวกล่าวเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ที่นี่ไม่ใช่จุดรวมพลของพวกเราไม่ใช่เหรอ"

จุดรวมพลที่ถูกกำหนดไว้อยู่ใกล้ๆ กับจุดหมายของพวกเธอซึ่งไม่ใช่ที่แห่งนี้ แล้วทำไมอีกฝ่ายจึงมาที่นี่กัน

"อืม ครับ แต่พอดีดูเหมือนเธอกำลังเจอปัญหาอะไรอยู่ ผมก็เลย... อยากช่วยน่ะครับ"

"นั่นไม่จำเป็นหรอก"

ถ้าเธอไม่สามารถจัดการหุ่นยนต์จำนวนแค่นั้นได้ด้วยตัวคนเดียวล่ะก็ เธอก็เป็นผลงานที่บกพร่องของแอนดรอยด์ประเภท B แล้ว

"ครับ น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ" 9S ตอบพร้อมกับยักไหล่ "ถ้าอย่างนั้นในเมื่อพวกเราก็มารวมพลกันอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราไปที่เป้าหมายกันเลยดีไหมครับ"

พิกัดระบุเส้นทางจากจุดรวมพลไปถึงเป้าหมายปรากฏขึ้นบนแผนที่ แล้ว 2B กับ 9S ก็เริ่มออกเดินทางด้วยกัน



"อา! มีทรายเข้ามาในรองเท้าของผมอีกแล้ว"

ขณะที่เดินผ่านทะเลทราย 9S ต้องเผชิญกับความรู้สึกแปลกๆ คล้ายมีน้ำเข้ามาในรองเท้าของเขา แต่มันกลับเป็นทรายที่ไหลผ่านเข้ามา ถึงแม้จะเป็นปฏิกริยาปรกติของคนทั่วไป 2B กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ต้องเอ่ยออกมา แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ 9S  เมื่อพวกเธอเดินไปอีกไม่กี่เมตร เขาก็ขมวดคิ้วแน่น และเมื่อผ่านไปอีกไม่นานนักเขาก็ร้องออกมาอีก

"ไม่รู้สึกรำคาญบ้างเลยหรือครับ"

"ฉันต้องรู้สึกรำคาญอะไรเหรอ"

"ทรายไงครับ ไม่มีทรายเข้ารองเท้าของเธอบ้างเหรอ 2B"

"มีสิ แล้วก็รู้สึกแปลกๆ ด้วย แต่มันไม่กระทบกับการเคลื่อนไหวของฉันหรอก"

ถึงทรายในอากาศจะทำให้วิสัยทัศน์ย่ำแย่ แต่ทรายที่อยู่ในรองเท้าของเธอก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เมื่อได้ยินดังนั้น ไหล่ของ 9S ก็ลู่ลง

"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การเคลื่อนไหวครับ ผมหมายถึงความรู้สึกน่ะ เธอไม่เกลียดตอนที่มันไหลไปมาในรองเท้าบ้างเลยเหรอครับ"

"ความรู้สึกเป็นสิ่งไม่จำเป็น"

เธอสงสัยเหลือเกินว่าตัวเองเคยพูดประโยคนี้กับเขาไปกี่ครั้งแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกจับคู่ให้ทำงานร่วมกับเขา

"คร้าบ ครับ"

9S มักตอบกลับมาด้วยเสียงยืดๆ และหน้าตาไม่พอใจเล็กๆ เช่นนี้ทุกครั้ง ในครั้งแรกๆ เขาเคยแสดงความเสียใจออกมากกว่านี้ แต่ต่อมาเขาก็เริ่มชินชามากขึ้น

2B เคยได้ยินมาว่าเหตุผลที่สมาชิกหน่วยโยร์ฮาไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความรู้เป็นเพราะมีสมาชิกบางคนเคยทำภารกิจผิดพลาดเพราะพวกมัน ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ และการกระทำต่างๆ เพราะฉะนั้นเธอจึงเชื่อว่าพวกตนไม่ความจำเป็นต้องมีพวกมัน... โดยเฉพาะกับเธอ

"อะ ที่นั่นใช่หรือเปล่าครับ"

ณ จุดที่ 9S ชี้ไป จู่ๆ ก็ปรากฏเงาของสิ่งก่อนสร้างขึ้นมา ที่จริงแล้วมันไม่ได้โผล่ขึ้นมาปุบปับแต่อย่างใดตำแหน่งของมันชัดเจนบนแผนที่ แต่เพราะพายุทราย และสภาพภูมิประเทศที่พื้นดินไม่สม่ำเสมอ ก่อนหน้านี้ 2B จึงไม่ทันสังเกตเห็นมัน

"ยืนยัน นั่นคือจุดหมายที่จะทำการสำรวจ สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่หลงเหลือจากอารยธรรมของมนุษย์"

เสียงของ POD ดังขึ้นข้างๆ เธอ ทว่ามันไม่ใช่เสียงของ POD 042 ที่ให้การสนับสนุน 2B แต่เป็นเสียงของ POD 153 ที่ให้การสนับสนุน 9S ปรกติหากไม่มีความจำเป็นแล้ว POD จะไม่ตอบคำถามของผู้อื่นนอกเหนือจากแอนดรอยด์ที่ตนให้การสนับสนุนอยู่

ทันใดนั้นลมก็เริ่มสงบลงจนทำให้การมองเห็นดีขึ้น บริเวณเงาที่เคยเห็นได้ไม่ชัดเพราะควันทรายมีประตูขนาดใหญ่เผยต่อสายตา 2B สังเกตได้ว่าสิ่งก่อสร้างนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างเขา หันหน้าเข้าหาหุบเขาใกล้ๆ โดยรวมแล้วมันช่างเป็นสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกประหลาดจริงๆ

"ดูเหมือนสิ่งก่อสร้างพวกนี้คือวัดนะครับ น่าจะเป็นอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับศาสนา ถ้าจำไม่ผิดผมคิดว่าที่นี่น่าจะมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าวัดแห่งความแห้งแล้ง เริ่มแรกมันเคยถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน แต่ต่อมามนุษย์ก็เปลี่ยนมาใช้มันเป็นวัดแทน... หรืออะไรประมาณนั้นน่ะครับ"

2B สามารถสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาจากน้ำเสียงของ 9S ตอนที่เขาพูดประโยคพวกนั้น แอนดรอยด์ประเภท S ถูกสร้างให้มีลักษณะนิสัยเข้ากันกับงานค้นคว้า และรวบรวมข้อมูล ดังนั้นพวกเขาจึงมีความกระตือรือร้นให้ความสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว

"เข้าไปกันเถอะครับ 2B"

โดยไม่รอคำตอบ เขาก็วิ่งไปอย่างกระตือรือร้น ภาพที่เห็นช่างต่างกับเด็กชายที่บ่นเรื่องทรายเข้ารองเท้าก่อนหน้านี้ เป็นเพราะความรู้สึกที่เขามีต่องานอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อได้มองอีกฝ่ายแล้วรอยยิ้มน้อยๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของ 2B แต่เธอก็รีบหุบมันลงอย่างรวดเร็ว

"ความรู้สึก... เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาต..."

เธอกล่าวคำเหล่านั้นในใจ แต่มันกลับหลุดออกมาจากริมฝีปากโดยไม่ทันรู้ตัว และมันก็ทำให้ 9S หันหน้ากลับมาหาแอนดรอยด์สาวพร้อมตะโกนถาม

"เมื่อกี้เธอพูดอะไรหรือเปล่าครับ"

"ไม่มีอะไรหรอก"

เธอตอบ ก่อนออกวิ่งไปยังสิ่งก่อสร้างที่ถูกเรียกว่าวัดแห่งความแห้งแล้ง



ภายในวัดนั้นเงียบมากจนให้ความรู้สึกเหมือนทุกอย่างหายไป เสียงลมที่เคยได้ยินเมื่อครู่ก็ถูกปิดกั้นด้วยกำแพงหนาทึบ

"อะ ที่นี่เหมือนมีเครื่องปรับอากาศอยู่เลยนะครับ"

POD 153 ตอบสนองกับคำพูดของ 9S ทันที

"ขอคัดค้าน ไม่มีเครื่องปรับอากาศถูกตรวจพบในสถานที่แห่งนี้ เป็นเพราะความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิภายนอก และภายในจึงทำให้รับรู้ได้เช่นนั้น"

"อ๋อ โถ่เอ้ย... คือผมรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ มันก็แค่ความรู้สึกน่ะ"

9S กล่าวด้วยน้ำเสียงเง้างอนขณะที่เขาแทรกตัวผ่านทางเดินแคบๆ 2B ตามเขาไปไม่ห่างโดยไม่ลืมระแวดระวังสิ่งที่อยู่รอบตัว

เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ก้องสะท้อนไปมา เช่นเดียวกับเสียงเบาๆ ที่ดังออกมาจาก POD ตอนนั้นเองจู่ๆ เพดานบางส่วนก็ถล่มลงมาจนเกิดช่องว่างพอให้แสงจะสาดส่อง ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีจริงๆ เพราะมันทำให้พวกเธอสามารถมองเห็นพื้นที่รอบๆ ได้ถนัด เบื้องหน้าคือหินทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 ก้อนที่สูงจรดพื้นที่อีกชั้น อีกทั้งพวกมันยังตั้งไว้อย่างสมมาตรกันพอดีด้วย

"โอ้โห ทรายมันเข้ามาในวัดลึกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"

9S กระโดดข้ามขั้นบันไดขึ้นไป ก่อนมองลงมายังเบื้องล่างซึ่งถูกทรายฝังไว้จนหมด แต่ไม่ใช่แค่พื้นเท่านั้น กำแพงเองก็เต็มไปด้วยทรายราวกับว่ามันกำลังก่อตัวเป็นภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง

"สมมติฐาน ทรายที่อยู่ตามทางเดินถูกนำมาเทเอาไว้ แต่ไม่อาจทราบวันเวลา และจุดประสงค์ที่ทำเช่นนั้นได้"

"ถูกเอามาเทไว้เหรอ เธอหมายความว่าพวกเขาสร้างให้มันไหลเข้ามาในนี้เอง ให้เหมือนพวกแม่น้ำอะไรอย่างนั้นหรือเปล่า"

"ยืนยัน พวกมันถูกเรียกว่าทรายดูดจำลอง"

"ผมสงสัยจังว่าพวกเขาทำอย่างนี้ไปทำไม เธอบอกว่าไม่รู้จุดประสงค์ของมันใช่ไหม"

"ใช่แล้ว"

โลกเก่ายังมีเรื่องชวนพิศวงอยู่มากมาย มนุษยชาติอาจสามารถหนีไปยังดวงจันทร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะนำข้อมูลของพวกตนติดตัวไปด้วยได้ ทำให้แอนดรอยด์ต้องสำรวจเพื่อบันทึก และเก็บรักษาข้อมูลพวกนี้เอาไว้

"มีพวกหุ่นยนต์อยู่ใกล้ๆ บ้างหรือเปล่า"

แม้จะไม่พบอะไรบ่งบอกว่ามีศัตรูอยู่ 2B ก็ถาม POD 042 ขึ้นมา คงจะดีกว่าที่จะระวังตัวในสถานการณ์แบบนี้

"กระบวนการแสกน ไม่พบศัตรูอยู่ภายในวัด"

หมายความว่าแม้ 9S จะตื่นตาตื่นใจอยากรู้อยากเห็นโดยขาดความระมัดระวังเช่นนี้ เขาก็ไม่น่าจะได้รับอันตรายแบบฉับพลันใดๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีสัญญาณวิทยุของหุ่นยนต์รบกวนอยู่ เพราะฉะนั้นก็คงไม่อาจบอกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ปลอดภัยดี

"คำเตือน ตรวจพบความเสียหายของพื้น และขั้นบันไดข้างหน้า"

9S หัวเราะคำแนะนำของ POD 153

"ถึงเธอไม่เตือนผมก็รู้อยู่แล้วล่ะหน่า ใช่ไหมครับ 2B"

2B พยักหน้าเมื่อเธอสังเกตเห็นหินก้อนใหญ่ปิดทางขวางบันไดที่ทอดเข้าสู่ตัวอาคาร

"หินนี่น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเพดานที่ถล่มลงมานะครับ ถึงจะเสียหายไปนิดหน่อย แต่ก็ยังเห็นลวดลายของมันอยู่"

9S คุกเข่าสำรวจหินก้อนใหญ่ข้างหน้า ก่อนที่เขาจะมองขึ้นไปด้านบน 2B มองตามสายตาของอีกฝ่ายไป แล้วทั้งสองก็ได้เห็นท้องฟ้ากระจ่างใสเบื้องบนผ่านรู

"ผมสงสัยจังเลยว่าอะไรที่ทำให้มันพังลงมาอย่างนั้นได้"

มันไม่น่าจะเป็นผีมือของพวกหุ่นยนต์ เป้าหมายของแอนดรอยด์ก็คือการช่วยให้มนุษย์สามารถกลับลงมาบนโลกในฐานะเจ้าของที่ถูกต้อง และหากเป็นไปได้ก็อยากจะให้ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดียวกับก่อนที่พวกเขาต้องหนีไปบนดวงจันทร์มากที่สุด เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้โบราณสถานต้องได้รับความเสียหาย คงเป็นการดีกว่าหากพวกเขาจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับหุ่นยนต์ในสถานที่แห่งนี้

ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ เพราะถ้าแอนดรอยด์ต้องต่อสู้กับพวกหุ่นยนต์ พวกเขาก็น่าจะหลอกล่ออีกฝ่ายให้ไปสู้กันในที่เปิดโล่งไกลจากที่นี่มากกว่า

"ทำการวิเคราะห์ ความเสียหายเกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อนหน้า จึงไม่อาจระบุสาเหตุที่แท้จริงได้"

"ว้าว หลายพันปีเลยเหรอ สุดยอดไปเลย"

"สุดยอด?"

"ใช่แล้วครับ คือผมหมายความว่าถ้ามันพังเมื่อหลายพันปีที่แล้ว ก็หมายความว่าที่แห่งนี้ทั้งหมดต้องถูกสร้างมาก่อนหน้านั้น ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ามันยังสภาพดีอย่างนี้อยู่ทั้งๆ ที่สภาพอากาศของทะเลทรายแย่ขนาดนั้นแท้ๆ อาคารหินอย่างนี้น่าจะผุพังมากกว่านี้นะครับ"

9S กล่าวรัวเร็ว ก่อนลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังห้องที่อยู่ด้านข้างของบันไดราวกับเขาอะไรดึงดูดเรียกให้เข้าไป

"มีอะไรอย่างนั้นเหรอ"

2B ถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่สายตาของ 9S เลื่อนไปจับจ้องอยู่ที่ประตูห้อง ซึ่งเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง

"เธอคิดว่าประตูนี้มันเปิดปิดได้ยังไงเหรอครับ คือว่าพวกมันทำจากหิน แถมยังหนาตั้งขนาดนี้ ไม่มีทางที่มนุษย์จะยกของหนักแบบนี้ได้หรอก"

มันเป็นประตูเลื่อนสองบาน แต่ไม่มีอะไรไว้สำหรับใช้ผลักหรือดึงมันอยู่เลย ทำเอา 9S ต้องเอียงศีรษะ

"คิดว่าน่าจะมีแหล่งพลังงานของพวกมันอยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ"

9S กระโดดเข้าไปในห้อง แต่ภายในนี้ไม่มีแสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาเหมือนบริเวณทางเดิน ห้องจึงถูกความมืดปกคลุมจนมองไม่เห็นสิ่งใด POD 153 รีบเคลื่อนตัวไปข้างหน้า 9S ก่อนที่เขาจะทันก้าวขาเข้าไปในห้องมืดโดยขาดความระมัดระวัง

"ข้อเสนอแนะ ควรเปิดระบบฉายไฟเสียก่อน"

"เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เปิดไฟเลยครับ"

"รับทราบ"

สิ้นคำ POD 153 ก็ฉายแสงไฟไปรอบๆ ห้อง แต่เมื่อ 9S กับ POD 153 เดินเข้าไปมากขึ้น หน้าทางเข้าก็มืดลงอีกครั้ง ทำให้ 2B ที่ตามเข้ามาในห้องต้องอาศัย POD ของเธอฉายแสงให้

9S มองขึ้นไปบนเพดาน ก่อนจะออกวิ่งอย่างรวดเร็ว สอดส่องสายตาไปทั่วกำแพง เสียงฝีเท้าของเขาดังสะท้อนทั่วห้อง ก่อนที่เขาจะหยุด แล้วหันมาสำรวจหินบนพื้นแทน ทำเอา 2B ที่มองตามการกระทำของเขารู้สึกสึกหัวหมุนไปหมด

"ทั้งพื้น กำแพง หรือแม้แต่เพดาน ทุกอย่างถูกสร้างจากหินหมดเลยครับ พวกเขาตัดมันเป็นก้อนใหญ่ๆ แล้วเอามาเรียงต่อกัน ผมไม่เคยเห็นสถาปัตยกรรมอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย พวกเขาใช้เครื่องมืออะไรกันนะ ขนย้ายหินพวกนี้ทั้งหมดได้ยังไง แล้วทำให้เสาต้นเดียวรองรับน้ำหนักทั้งหมดนี้ยังไงกันเนี่ย"

9S อดพูดด้วยความตื่นเต้นไม่ได้ขณะที่เขาวิ่งไปที่กำแพง

"ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะใช้ที่นี่จุดไฟนะ อะ มีอะไรเป็นรูปแท่งยาวๆ อยู่ตรงนี้ด้วย"

"ยืนยัน มีร่องรอยการจุดไฟจากสิ่งที่ถูกเรียกว่าคบเพลิงอยู่ตรงนี้"

"1 2 3 4... พวกมันมีทั้งหมด 8 อันครับ ผมสงสัยจังว่าห้องนี้เอาไว้ใช้ทำอะไรกัน ไม่มีร่องรอยการทำพิธีกรรมอะไรในนี้เลยนะครับ"

หลังจากสำรวจห้องเสร็จเรียบร้อย 9S ก็เดินเข้าไปหาประตูที่อยู่หลังห้อง แต่ทั้งๆ ที่ประตูหน้าถูกเปิดอยู่ ประตูหลังกลับถูกปิดสนิท

"อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ว่า..."

9S วางมือของเขาระหว่างร่องประตู

"ผมจะเปิดประตูนี่ได้ยังไงกันนะ ดูมันไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้เลย..."

สิ้นเสียงของ 9S เสียงประตูลั่นก็ดังขึ้น แล้วเขาก็พบว่าตอนนี้ตนสามารถขยับประตูให้เปิดออกอย่างช้าๆ ได้

"เดี๋ยวก่อนนะ มันทำงานอย่างนั้นเองเหรอ!"

9S ตื่นตะลึงกับประตูที่เพิ่งถูกเปิดออก POD ของเขาเข้าไปในห้องนั้น แล้วออกมาฉายแสงมากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อสำรวจบริเวณรอบๆ การให้ความสนับสนุนแอนดรอยด์ของตนเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ของ POD

"คำเตือน ความสูงระหว่างประตู และทางเดินแตกต่างกันมาก มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว"

น่าเสียดายที่คำเตือนของ POD 153 ไม่เพียงพอที่จะหยุดความอยากรู้อยากเห็นของแอนดรอยด์ประเถท S ไว้ได้

"ผมขอเข้าไปดูเร็วๆ แล้วเดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะครับ"

ด้วยเหตุนั้น 9S ก็มุ่งไปข้างหน้า เขาผละมือออกจากบานประตู แล้วมันก็ปิดลงเบื้องหลังของเขา



2B ถอนหายใจเบาๆ เมื่อ 9S กับ POD ของเขาหายไปในห้องถัดไป แต่เธอจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือเด็ดขาด

"POD เริ่มเข้าสู่การสนับสนุนการต่อสู้ระยะประชิด และเตรียมอาวุธให้พร้อมด้วย"

"รับทราบ เริ่มต้นซ่อนสัญญาณวิทยุระยะสั้น และเปิดใช้อุปกรณ์โจมตีระยะประชิด"

POD 042 ทำตามคำสั่งราวกับมันเป็นเรื่องปรกติ

"เปลี่ยนโหมดการต่อสู้เป็นการกำจัดโยร์ฮา ปลดสัญญาณ ID"

เมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำ หัวใจของ 2B ก็หดหู่ลง และหลังจากต้องใช้เวลาทำใจอยู่ครู่หนึ่งเพื่อไม่ให้ความคิดฟุ้งซ่าน ในที่สุดเธอก็กลับมาเป็นตัวของตัวเอง มันเป็นส่วนหนึ่งของงานเท่านั้น ใช่แล้ว มันคืองาน ภายในหัวของเธอจะต้องให้ความสำคัญกับคำว่า "ลับสุดยอด"

มันเริ่มขึ้นตอนที่เธอได้รับจดหมายหลังจากลงจาก Flight Unit ไม่ใช่ตั้งแต่ที่ยังอยู่บนบังเกอร์ หรือตอนที่ลงมาถึงชั้นบรรยากาศของโลก POD ของเธอได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบในตอนที่เธอก้าวเท้าเข้าสู่ทะเลทราย เธอรู้ได้โดยทันทีว่ามันหมายถึงอะไร จดหมายถูกส่งจากผู้บัญชาการโดยตรง ไม่ได้มาจากโอเปอเรเตอร์ ความลับระดับสูงสุดนั้นถูกส่งมาในช่วงเวลาที่เธอไม่อาจโต้แย้งอะไรได้

ไม่ใช่สิ 2B รู้ดีว่าตัวเองจะต้องทำอะไรก่อนที่ข้อความนั่นจะมาถึงเสียอีก เธอรู้ตั้งแต่ตอนที่ได้รับคำสั่งให้มาสำรวจโบราณสถานกับ 9S ซึ่งเป็นเวลาไม่นานก่อนที่เธอจะได้รับคำสั่งให้จัดการเขา แย่จริงๆ ที่ลางสังหรณ์ของเธอถูกต้อง

"POD ตรวจหาตำแหน่งของ 9S แล้วบอกเส้นทางที่จะไปถึงตัวเขาได้เร็วที่สุดที"

"รับทราบ ตรวจหาตำแหน่งสัญญาณ Black Box ของหน่วย 9S และค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด"

2B หันหลังให้ประตูที่ 9S กับ POD 153 หายเข้าไป คงเป็นการดีกว่าที่จะใช้เส้นทางอื่นไล่ตามอีกฝ่ายแทนที่จะตามไปตรงๆ เธอจะต้องวางกับดักดักหน้าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง

เป้าหมายของเธอคือประเภท S แอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เชี่ยวชาญการค้นคว้า และรวบรวมข้อมูล และหากถ้าไม่เตรียมพร้อมให้ดีล่ะก็ เธอคงไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายโดยไม่ให้เขารู้ตัวได้

หากพิจารณาเพียงความสามาถด้านการต่อสู้ 2B คือฝ่ายได้เปรียบโดยไม่ต้องสงสัย ที่จริงแล้วจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่เธอจะต้องลอบโจมตีโดยไม่ให้เขารู้ตัว แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็อยากให้มันจบเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เร็วพอที่จะทำให้ 9S ไม่ทันรู้ว่าเขาโดนโจมตี ถ้าหากเธอทำเช่นนั้นได้สำเร็จ เธอก็จะสามารถจบมันลงก่อนที่เขาจะต้องหวาดกลัว หรือเจ็บปวดกว่าที่ควรเป็น...

"การค้นหาเสร็จสิ้น"

POD 042 กล่าวขึ้นในตอนที่เธอกลับมาถึงโถงทางเดินก่อนหน้านี้ เธอขึ้นไปบนหินที่ปิดทางบนบันไดแล้วข้ามมันไป ทันใดนั้นสัญญาณ Black Box ของ 9S ก็ปรากฏขึ้นใกล้ๆ เธอ 2B เดินลงจากบันไดโดยพยายามทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด สัญญาณของ Black Box มาจากห้องถัดไป เธอชักดาบออกมาเงียบๆ ขณะก้าวเข้าไปใกล้ประตูซึ่งเหมือนกับประตูบานแรกที่พวกเธอพบ ประตูของห้องนี้ก็ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่งเช่นกัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังไม่เห็นร่างของ 9S

2B เข้าใกล้ประตูมากขึ้นเพื่อสำรวจรอบๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ไม่มีอะไรอะไรถูกตั้งไว้ในบริเวณนี้ นั่นหมายความว่าจะไม่มีที่ซ่อนสำหรับเขาเช่นกัน แต่เธอก็ยังวางใจไม่ได้ว่าการเข้าไปภายในห้องจะปลอดภัย

ทันใดนั้นเองเธอก็รับรู้ถึงความกดดันจากข้างหลัง 2B กระโดดม้วนตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่ห่ากระสุนถูกสาดใส่ไปยังจุดที่เธอยืนก่อนหน้านี้ เธอรู้โดยทันทีว่ามันคือโปรแกรมการโจมตีระยะไกลของ POD

ขณะที่เธอกำลังพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า หางตาของ 2B ก็มองเห็นดาบเล่มหนึ่ง 9S ตีลังกาอยู่ด้านหลัง พร้อมวาดดาบสำหรับต่อสู้ระยะประชิดในมือเข้าใส่เธอ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะถูกเขาโจมตี ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนที่วางแผนลอบจู่โจมเขาก่อน แต่ตอนนี้กลับเป็นเธอเองที่ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว และตอนที่เธอเตะมือที่ถือดาบของ 9S เสียงเตือนบางอย่างก็ดังขึ้นในหัวของเธอ

ทำไม 9S ถึงกำลังถืออาวุธสำหรับต่อสู้ระยะประชิด ปรกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่ชอบถือดาบยาวเดินไปมานี่นา

2B รีบทิ้งระยะห่างจากเขา สายตาจับจ้องไปยังประกายความร้อนบนดาบของ 9S ที่จางหายไป ถ้าหากเมื่อครู่เธอไม่รีบเตะเขาไปล่ะก็ตอนนี้ขาขวาของเธอคงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว 9S ที่รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบในการต่อสู้ระยะประชิดคงจงใจวางกับดักนี้เอาไว้ เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่ต่อสู้ ที่นี่มืดเกินกว่าจะมองอะไรเห็น ดังนั้นสำหรับเธอที่มาถึงทีหลังแล้วมันจึงไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีสำหรับเธอเลย

2B กระโดดออกไปไกลเพื่อเพิ่มระยะห่าง แล้วรีบวิ่งไปทางประตูบานหนึ่ง เธอเข้ามาในห้องคนละห้องกับที่ตรวจจับสัญญาณ Black Box ของ 9S ได้ ก่อนคำนวณเวลาที่พวกเธอแยกกัน เธอไม่คิดว่าเขาจะมีเวลามากพอจะวางกับดักในห้องนี้ได้ทัน

9S ตาม 2B มาอย่างรวดเร็ว และด้วยความที่ไม่มีที่ใดให้ซ่อนตัวได้ เขาจึงให้ POD 153 ยิงเลเซอร์ไปทั่วห้องโดยปราศจากความลังเล เขาตั้งค่าตัวเองสู่การต่อสู้ระยะประชิด แม้เธอจะไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน 2B ก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับวิธีการต่อสู้บ้าดีเดือดของ 9S เพราะเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด

2B หลบเลเซอร์ของ POD 153 แล้วเข้าไปฟัน 9S ทว่าเขากลับเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าที่เธอคาดจนทำให้การโจมตีของเธอพลาดเป้าไป หรืออาจเป็นเพราะการโจมตีระยะไกลของ POD ของเขาทำให้การเคลื่อนไหวของเธอมีปัญหา เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของ POD 153 2B จึงตะโกนออกคำสั่งให้ POD ของเธอ

"POD ตั้งค่าให้ POD 153 เป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดของนาย"

โปรแกรมของหน่วยสนับสนุนไม่อนุญาตให้โจมตีหากแอนดรอยด์ที่ตนสนับสนุนอยู่มีความเสี่ยงที่จะถูกลูกหลงไปด้วย ทำให้เมื่อแอนดรอยด์ถูกอีกฝ่ายจู่โจมถึงตัว มันจะหลีกเลี่ยงการโจมตีทันที ในอีกแง่หนึ่ง นั่นก็หมายความว่าเธอสามารถขัดจังหวะการโจมตีระยะไกลในช่วงเวลานั้นได้ ถึงเธอจะมีเวลาเพียง 1 หรือ 2 วินาทีก็ตาม แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว

แสงเลเซอร์ที่ถูกยิงออกมาไม่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ในตอนนั้นเอง 2B ก็เข้าประชิด 9S อย่างรวดเร็ว และเมื่อไม่มีการโจมตีจาก POD ของตน 9S ก็หยุดฝีเท้าลง ทำให้ 2B ได้โอกาสเข้าใกล้ ดาบของเธอชี้ตรงไปทางเขา

"ตอนนี้แหละ"

2B คิดในใจก่อนที่ความรู้สึกอึดอัดจะโถมเข้าใส่ ดาบในมือของเธอตกลงบนพื้น 2B พยายามเปิดเปลือกตาของตนขึ้นแต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ แขนของเธอ ขาของเธอ เธอสูญเสียการควบคุมร่างกายทั้งหมดไป ตอนนั้นเองหินบนพื้นก็เข้ามาใกล้สายตาของเธอ หรือที่จริงแล้วเป็นร่างกายของเธอเองต่างที่เข้าไปใกล้มัน และในตอนที่เธอล้มลงนั่นเอง เธอก็จะได้ยินเสียงของ 9S ดังขึ้นข้างตัว

"ผมต้องขอโทษด้วยครับ"



"แสดงว่ามันไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดจริงๆ สินะ"

9S พึมพำ หรือที่จริงแล้วคำพูดของเขาไม่ได้ออกมาเป็นเสียงแต่อย่างใด เพราะเสียงในพื้นที่แทรกแซงระบบมีเพียงข้อมูลของเขาเท่านั้นที่รับรู้ถึงมัน พื้นที่สีขาวรอบๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น

"ผมหวังว่าตัวเองจะเข้าใจผิดไปเองแท้ๆ"

เขาคิดกับตนเอง ความจริงที่ 2B ต้องการฆ่าเขาเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยนั้นแสดงถึงความสงสัย ก่อนที่ความสงสัยพวกนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น และความมุ่งมั่นก็กลายมาเป็นความจริง

"ผมเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะครับ..."

คำพูดนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาไม่สามารถคิดวิธีอื่นได้ต่างหาก ตั้งแต่ตอนที่เขารู้ว่า 2B ถูกผู้บัญชาการส่งมาจับตาดูตน เขาก็พยายามคิดหาวิธีอื่นมาตลอด แต่มันก็ไม่เป็นผลเลย

"ไม่มีทางที่ประเภท S จะเอาชนะการต่อสู้กับประเภท B ได้"

9S รู้ถึงความสามารถในการต่อสู้ของ 2B ดี พวกเขาเคยทำภารกิจด้วยกันหลายครั้ง ถ้าเขาไม่สามารถยึดการควบคุมร่างกายของเธอผ่านการเจาะระบบได้ มันจะกลายเป็นการต่อสู้ข้างเดียวทันที และเพื่อให้การเจาะระบบของ 2B สำเร็จ เขาจำเป็นต้องหลอกล่อเธอในการต่อสู้ระยะประชิด ตอนโจมตีคือจังหวะที่นักล่ามีการป้องกันตัวน้อยที่สุด มันคือสิ่งที่ 9S เรียนรู้ได้จาการเฝ้ามองดูสิ่งมีชีวิตบนโลก

ในทางตรงข้าม ที่การเจาะระบบครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดีก็เป็นเพราะในเวลานั้น 2B ต้องการฆ่าเขาจริงๆ ถ้าหากเธอไม่ได้มีความตั้งใจนั้น ไม่ว่า 9S จะโจมตีเธอเท่าไรอีกฝ่ายก็คงหาทางหลบหลีกไปได้ แล้วเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เจาะระบบของเธอ และความจริงที่ตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในนี้ได้ก็ช่วยพิสูจน์เจตนาที่จะฆ่าเขาของเธอได้เป็นอย่างดี

"ไม่ว่าจะมองยังไง พวกเราก็เห็นแก่ตัวกันทั้งคู่นะครับ"

ตอนนั้นเอง 9S รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำเรื่องที่เลวร้ายกว่าการฆ่าเธอ แต่เขาก็ยังบังคับให้ตัวเองเข้ามาในหัวของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ดี เขารู้ดีว่ามันเป็นการกระทำที่แย่มาก แต่ว่า

"มีเรื่องบางอย่างที่ผมต้องรู้ให้ได้"

9S เจาะเข้าไปในพื้นที่ความทรงจำของ 2B อย่างระมัดระวัง เขาไม่ได้แทรกแซงระบบของเธอเพื่อควบคุมร่างกายของอีกฝ่ายแล้วสังหารเธอ มีบางอย่างที่เขาต้องการรู้ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม

"เธอจะต้องกำจัด 9S"

สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเธอส่วนมากจะเป็นส่วนหนึ่งข้อความ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นข้อความที่เธอเพิ่งได้รับที่จุดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ มันเป็นความทรงจำที่จะยังไม่ได้จัดเก็บตามลำดับเวลา แต่เพราะความรู้สึกทำให้มันยังอยู่ในตัวของแอนดรอยด์

ในตอนที่เธอเปิดข้อความนั้นขึ้นมาดวงตาของเธอก็เลื่อนไปที่ประโยค "เธอจะต้องกำจัด 9S" อย่างรวดเร็ว หรือในอีกแง่ก็แสดงว่า 2B พอจะคาดเดาได้มาตั้งแต่ต้นแล้วมามันจะถูกส่งมา สายตาของเธอจึงจับไปที่คำนี้ก่อนอื่นใด

"ได้รับการยืนยันแล้ว"

"ดูเหมือนเขาจะพยายามอยู่นะ..."

"เนื้อหา"

"เข้าถึงระบบปฏิบัติการหลัก..."

"บางครั้งปัญหาก็ต้องรอการแก้ไข..."

"หลายๆ กรณีที่..."

"ไม่ได้รับอนุญาต..."

"9S เขา..."


ความทรงจำของเธอกระจัดกระจาย การที่คำแต่ละคำไม่ได้ถูกเชือมต่อกันแสดงว่า 2B ต้องรู้สึกแย่ตอนที่เธออ่านมัน ยิ่งไปกว่านั้น 9S ก็ยังปรากฏตัวขึ้นตอนที่เธอกำลังอ่านมันด้วย เธอจึงไม่มีเวลาพอที่จะเรียบเรียงประโยคในหัวของเธอได้ทัน...

9S เข้าไปในความทรงจำของเธอต่อเพื่อค้นหาคำตอบของคำถามของเขา

"นี่หรือเปล่านะ... การพูดคุยกันลับๆ ระหว่าง 2B กับผู้บัญชาการ"

2B กำลังมองแผ่นหลังของผู้บัญชาการ ไม่ใช่ข้อความผ่านเครื่องมือสื่นสาร แต่เป็นการพูดกันตัวต่อตัว

"แต่ว่าปรกติแล้วประเภท S ต้องสำรวจภาคสนามคนเดียวไม่ใช่หรือคะ"

"อย่ายึดติดกับกรณีทั่วไปมากสิ มันมีข้อยกเว้นได้ทั้งนั้นแหละ ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเป็นพื้นที่ที่มีศัตรูอยู่มากล่ะ ประเภท S ที่ไม่เหมาะกับการต่อสู้จะทำยังไง เพราะฉะนั้นก็ต้องเพิ่มคนไปสนับสนุนพวกเขาสิ"

"... รับทราบค่ะ ฉันจะจัดการเรื่องนั้นเอง"

"เมื่อถึงเวลา ฉันอยากให้เธอจับตาดูเขาเอาไว้ แล้วฉันจะส่งคำแนะนำการทำภารกิจตามไปให้วันหลัง"

มันเป็นความทรงจำก่อนที่ 2B จะได้มาทำงานร่วมกับ 9S แต่เขาก็ยังไม่เห็นว่าในช่วงนี้จะมีเรื่อง "ต้องห้าม" อะไรเกิดขึ้น กระนั้นก็ดูเหมือนผู้บัญชาการจะต้องการให้มีใครสักอย่างคอยจับตาดูเขาไว้ เธอกำลังสงสัยเรื่องอะไรกันนะ

ตอนนั้นเองจู่ๆ ความทรงจำก็เปลี่ยนมาเป็นภาพของ 9S

"ส่วนมากสแกนเนอร์อย่างผมต้องทำงานคนเดียว สอดแนมเข้าไปในที่อยู่ของศัตรู แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก ผมไม่ค่อยได้มีคู่หูเท่าไร มันสนุกมากเลยล่ะครับ"

อา เขาจำได้แล้ว นั่นเป็นประโยคที่เขาเคยบอกกับเธอในภารกิจที่เขาได้ทำกับเธอครั้งแรก เห็นได้ชัดว่า 2B ต้องนึกถึงเรื่องที่เธอพูดกับผู้บัญชาการ ตอนนั้น 9S ไม่คิดมาก่อนเลยว่า 2B จะถูกส่งมาจับตาดูเขา ไม่แม้แต่จะคิดว่าพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันในวันหลัง

หลังจากที่เอ้อระเหยกับความทรงจำหวานปมขมนั้น 9S ก็หันไปที่ความทรงจำถัดไป มันเป็นความทรงจำกับผู้บัญชาการอีกครั้ง แต่ในคราวนี้เป็นการพูดคุยผ่านเครื่องมือสือสาร เห็นได้จากการที่เสียงของผู้บัญชาการไม่คงที่มากนัก

"... ประเภท S มีความเชี่ยวชาญในการค้นคว้า และการรวบรวมข้อมูล และด้วยลักษณะนิสัยเช่นนั้นพวกเขาเลยรู้มากเกินไป บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของแอนดรอยด์ประเภท S ก็ได้..."

"รู้มากเกินไปมันผิดตรงไหนหรือ" 9S คิดในใจ "เรื่องนั้นมันเป็นปัญหายังไง"

"ฉันมั่นใจว่าสักวันหนึ่ง 9S จะเข้าไปมีส่วนกับสิ่งที่เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย ไม่สิ ตอนนี้เขาอาจข้ามเส้นนั้นไปแล้วก็ได้"

9S ไม่อาจปฏิเสธความผิดนั้นได้ เพราะว่าความจริงเขาได้แอบเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์หลักโดยไม่ได้รับการอนุญาตแล้ว

"ถึงตอนนี้จะไม่มีอะไรยืนยันได้ก็เถอะ แต่ดูเหมือนจะมีใครบางคนเข้าไปยุ่งกับเซิร์ฟเวอร์หลัก ถึงคราวนี้จะทำไม่สำเร็จ แต่อาจไม่ใช่กับคราวหน้า..."

ใช่แล้ว ครั้งแรกเขาทำมันไม่สำเร็จ เขาเลยต้องหนีออกมาเพราะถูกระบบป้องกันโจมตีจนต้องยอมแพ้แทบจะทันที มันจึงไม่เหลือร้องรอยอะไรให้สาวถึงตัวเขา แต่ครั้งต่อมา เขาออกจากเซิร์ฟเวอร์หลังจากทำลายระบบป้องกันไปได้ชั้นหนึ่ง และครั้งต่อมาเขาก็สามารถทำลายได้อีกชั้น ยิ่งระบบป้องกันถูกทำลายไปเท่าไร เขาก็ยิ่งใช้เวลายอมแพ้ช้าลง มันจึงเป็นเรื่องง่ายลงเรื่อยๆ ที่เขาจะถูกจับได้ ความผิดของเขาจะถูกเปิดโปงเมื่อไรคงขึ้นอยู่กับเวลา แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอยากรู้อยู่ดี ยิ่งระบบป้องกันทำลายได้ยากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากเห็นความจริงที่ซ่อนไว้เท่านั้น ถึงจะรู้ว่าอันตรายแค่ไหน เขาก็ไม่อาจหยุดตัวเองได้ ถ้ามีเรื่องที่เขายังไม่รู้ล่ะก็ เขาจะปล่อยมันเอาไว้ได้ยังไงกัน

นี่อาจเป็นชะตากรรมของแอนดรอยด์ประเภท S ที่เธอหมายถึง ผู้บัญชาการพูดถูกแล้ว เธอคิดถูกทุกอย่างถึงได้จับตาดูเขา และบางทีอาจฆ่าเขาเลยก็ได้

ความทรงจำถัดมากลับมายังบังเกอร์อีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ภาพแผ่นหลังของผู้บัญชาการ แต่เป็นการประจัญหน้าตรงๆ กับเธอ

"ประเภท S ไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะจัดการกับเขา แต่ถึงแม้การต่อสู้ระยะประชิดจะไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาถนัดก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้อยู่เลย อีกอย่าง ประเภท S ก็ฉลาดมาก มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะรู้ตัวว่ามีคนถูกส่งไปจับตาดูตัวเองอยู่"

"ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัวนะคะ ..."

"เธอเนี่ยไม่เหมาะเป็นคนจับตาดูเขาเลยนะ เหมือนกับที่เขาไม่เหมาะกับการต่อสู้นั่นแหละ"

เป็นอย่างที่ผู้บัญชาการพูดไว้ไม่มีผิด 2B ไม่เคยรู้มาก่อน... ว่า 9S รู้ตัวตนจริงๆ ของเธอมาเป็นเวลานานแล้ว ตอนแรก 9S คิดว่าเธอแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ความคิดนั้นก็ต้องหายไป 2B แค่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรเป็น หรือไม่เธอก็แค่ซื่อบื้อเท่านั้น เธอมักเห็นอกเห็นใจคนอื่นในเวลาที่ไม่สมควร... ไม่แปลกเลยที่เธอจะพยายามซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไว้ แต่สำหรับแอนดรอยด์ประเภท S แล้วมันง่ายมากที่จะอ่านออก

"อีกอย่าง ถ้าเธอโจมตีเขา เขาจะต้องโจมตีเธอกลับด้วยความสามารถในการเจาะระบบที่ประเภท S ถนัดแน่ๆ"

เธอมองได้ขาดจริงๆ 9S อยากจะปรบมือให้อีกฝ่ายเพราะว่าเขาได้ทำสิ่งที่ผู้บัญชาการคาดการณ์ไว้แล้ว ตอนนี้เขาก็ได้รู้เหตุผลครึ่งหนึ่งที่ต้องการหา 2B ต้องการฆ่าเขาเนื่องจากผู้บัญชาการเป็นคนสั่ง เพราะว่าเขารู้มากเกินไปอย่างนั้นหรือ ขณะที่ 9S กำลังคิดหากุญแจที่จะช่วยแก้ปริศนานี้ได้ เขาก็ได้ยินอะไรบางอย่าง

"ฉันจะให้ 9S เดินนำไปก่อน ฉันจะได้เตรียมอาวุธ แล้วหาทางลอบเข้าโจมตีเขา"

ความทรงจำส่วนหนึ่งจากเวลาช่วงเวลาอื่นเข้ามาแทรกในความทรงจำระหว่างที่เธอพูดคุยกับผู้บัญชาการ

"ถ้าฉันสามารถจบมันได้เร็วล่ะก็ ..." เมือเทียบกันแล้วมันเป็นความทรงจำที่เก่ากว่า 2B น่าจะหาวิธีจำกัด 9S ก่อนที่ผู้บัญชาการจะสั่งมานานแล้ว "... 9S ก็จะไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น... และฉันก็จะจบมันได้ก่อนที่เขาจะต้องเจ็บปวด หรือหวาดกลัว..."

นั่นเป็นคำตอบอีกครึ่งหนึ่งที่เขาต้องการ

"อย่างนั้นเองเหรอ"

9S คิดในใจ ขณะที่มองความทรงจำที่แทรกเข้ามาค่อยๆ หายไป

"ถึงจะเป็นเธอที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการต่อสู้ก็ตาม แต่ถ้าเธอถูกเขาเจาะระบบล่ะก็เธอจะต้องสูญเสียการควบคุมอวัยวะทั้งหมดไปแน่ๆ เพราะฉะนั้น..."

"เพราะอย่างนั้นเองเหรอ เธอทำอะไรกับ 2B กัน ถ้าผู้บัญชาการไม่ได้เป็นสั่งให้เธอลอบโจมตี ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นล่ะ"

ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัวของ 9S ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ

"วางกับดักสำหรับเขาในหน่วยพื้นที่แทรกแซงระบบซะ"

9S ถึงกับตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้น ทันใดนั้นกำแพงสีดำก็เผยขึ้นตัดกับสีขาวรอบตัว กระสุนแสงสีม่วง และส้มพุ่งเข้าใส่เขาทันที มันคือรูปแบบของไวรัสตรรกะ การติดตั้งไวรัสตรรกะในหน่วยความทรงจำทำให้เธอสามารถแน่ใจได้ว่าจะสามารถจัดการอีกฝ่ายได้หากเขาเจาะเข้ามาในระบบของเธอ แต่มันก็อาจทำให้ 2B ติดไวรัสตรรกะไปด้วย เขาจึงไม่คิดว่าเธอจะยอมเอาตัวเข้าแลกขนาดนี้

"เวรเอ้ย ผมไม่สนหรอก!"

ความจริงแล้วสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายของเขา แต่มันคือสิ่งที่เขาหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นต่างหาก ผู้บัญชาการมักเลือกวิธีการที่ทำให้ 2B ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ

"ผมจะหนีออกไปจากที่นี่ก่อนที่ข้อมูลของผมจะติดไวรัส"

"แต่น่าเสียดายที่แม้แต่ไวรัสตรรกะเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นเธอก็ยังต้องระมัดระวังไว้ด้วยล่ะ"

ภาพความทรงจำของ 2B ยังคงดำเนินต่อไป

"ทางออกอยู่ที่ไหนกัน เส้นทางไหนที่ผมจะหนีออกไปได้!"

"ถ้าเธอเปิดระบบป้องกันระยะใกล้ เธอก็จะสามารถขังเขาไว้ในวงจรตรรกะของเธอได้"

โดยไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของ 9S ก็หยุดชะงัก ทรงกลมสีดำเริ่มปรากฏขึ้นในพื้นที่การแทรกแซงระบบ มันคือระบบป้องกันตนเองระยะใกล้

"POD รีบวิเคราะห์ทางหนีใหม่เร็วเข้า!"

ไม่มีการตอบรับใดๆ กลับมา

ไวรัสตรรกะไม่ได้ทำลายแค่ข้อมูลบุคลิคของ 9S แต่มันยังตัดการเชื่อมต่อการส่งออกข้อมูลกับสิ่งอื่นๆ ด้วย เขาเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่ "ตัวตนในตอนนี้" ของเขาจะถูกไวรัสทำลายจนหายไปทั้งหมด เขามองไปยังเบื้องหน้าอย่างสิ้นหวังขณะที่พื้นที่สีขาวของเขากำลังถูกสีดำทาทับแทนที่ไปเรื่อยๆ

"อย่างนี้เอง... สินะ..."

สถานที่ที่ 2B ได้รับคำสั่งคือจุดส่งสัญญาณในทะเลทราย เธอมีโอกาสมากมายที่จะฆ่าเขาก่อนที่จะมาถึงจุดหมาย ไม่มีที่ให้หลบ การเดินในทรายก็ค่อนข้างลำบาก แุถม 2B ยังมีความสามารถในการต่อสู้มากกว่า ทั้งๆ ที่เธอได้เปรียบกว่าเขาทุกอย่างแท้ๆ เธอก็ยังไม่ยอมโจมตีเขาจนกระทั่งพวกเขาเข้ามาถึงในวัด แต่เพราะเป็นเช่นนั้น 9S จึงมีโอกาสได้เห็นความทรงจำของเธอ และได้ทราบเหตุผลทั้งหมดที่เรื่องต้องเป็นเช่นนี้

"2B เธอนี่ซื่อบื้อจริงๆ ..."

ในที่สุดเธอก็จะได้จบมันในคราเดียวสักที 9S จะได้ตายโดยไม่ต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลูกทรงกลมสีดำถูกแทนที่ในหน่วยข้อมูลจนไม่เหลือช่องว่าง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น 9S ก็พบว่ามันเป็นความรู้สึกที่แปลก และสงบอย่างน่าประหลาด เขาไม่รู้สึกหวาดกลัว หรือเจ็บปวดเลย

"ลาก่อนครับ 2B..."

และในตอนนั้นเองทุกอย่างก็มืดลง

ในที่สุดเธอก็สามารถกลับมาควบคุมตัวเองได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันตอนที่เธอสูญเสียการควบคุมไป

"ปิดระบบการป้องกัน ระบบตรรกะหยุดทำงานโดยสมบูรณ์"

2B เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว 2-3 ครั้งเพื่อยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมดลุล่วง ร่างกายของเธอฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้วงจรของเธอก็กลับมาทำงานได้เต็มที่แล้ว

"กำลังดำเนินการทำลาย"

เธอรู้สึกชาไปหมด ตอนนี้แม้แต่เข็มก็ไม่อาจสร้างความเจ็บปวดใดๆ ให้เธอได้ สิ่งเดียวที่รู้สึกคือเธอจะต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น เธอมองร่างไร้ชีวิตของ 9S ที่นอนบนพื้นเบื้องหน้า สัญญาณ Black Box ของเขายังไม่หายไป แต่การสูญเสียข้อมูลบุคลิคภาพทำให้การทำงานของร่างกายของเขาหยุดลงทั้งหมด

ถ้าเธอฆ่าเขาได้ด้วยการโจมตีระยะประชิดทุกอย่างก็จะราบรื่น แต่ถ้าหากทำเช่นนั้นไม่ได้เธอก็ยังสามารถใช้ไวรัสตรรกะจัดการเขา และถึงแม้ 9S จะกำจัดไวรัสได้ แต่ระบบป้องกันก็จะทำให้เขาไม่สามารถออกไปจากวงจรตรรกะ ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเธอก็จะสามารถทำลายเขาได้อยู่ดี ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้บัญชาการคิดไว้แล้ว

9S อาจซ้อนแผนการเจาะระบบระหว่างการต่อสู้ระยะประชิดไว้ถึง 2 ชั้น แต่ผู้บัญชาการที่ซ้อนแผนไว้ถึง 3 ชั้นคือผู้ได้รับชัยชนะ 2B จับดาบของเธอด้วยมืออีกข้าง แล้วออกแรงดันมันไปยังเบื้องล่าง

"ทำลายศีรษะ"

เธอรู้สึกราวฝ่ามือกำลังพยายามออกแรงฝืนการกระทำของเธอไว้ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่เธอต้องทำลายร่างของเพื่อนในตอนที่สมาชิกหน่วยโยร์ฮาคนอื่นในสนามรบไม่สามารถควบคุมร่างกายได้จนเธอต้องทำลายอีกฝ่าย เธอก็ไม่รู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน นี่เธอทำลายเขาเรียบร้อยแล้วหรือยังนะ

"ทำลายหน้าอก"

เธอปักดาบลงไปอีกครั้ง มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ ความรู้สึกแปลกๆ ก่อนหน้านั้นกำลังแผ่กระจายไปทั่วร่าง เริ่มจากฝ่ามือไล่ขึ้นมาจนตอนนี้ร่างกายส่วนบนเธอก็สามารถรู้สึกถึงความกดดันนั้นได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีสิ่งที่มีกายภาพใดกดลงบนตัวเธอแท้ๆ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกหายใจลำบากเหลือเกิน

"สัญญาณ Black Box ดับไปแล้ว"

ร่างที่ถูกทำลายจนสิ้นของเขานอนอยู่เบื้องหน้าเธอ เช่นเดียวกับข้อมูลบุคลิคที่ถูกทำลายไป ตอนนี้ 9S ถูกยืนยันว่าเสียชีวิตแน่นอนแล้ว ภารกิจของเธอเสร็จสิ้น แต่เธอกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอรู้สึกอ้างว้างอย่างน่าประหลาด และเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมระบบของเธอถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองทำงานผิดพลาดเช่นนี้

"ลาก่อนครับ 2B..."

คำพูดของเขาแล่นเข้ามาในหัวของเธอ ข้อมูลที่ยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเธอ คำพูดสุดท้ายของ 9S มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย แต่เธอก็รู้ว่ามันคือสิ่งที่ทำให้หน้าอกของตนเจ็บไปหมด

"ใช่แล้ว... อย่างนี้เองสินะ..."

ความรู้สึกพวกนี้คือความสำนึกผิด หรือบางทีอาจเป็นความสงสารก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอันไหน ความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ดี

ขณะที่เธอพยายามจัดการความรู้สึกที่ไม่ควรมีเหล่านั้น 2B กลับรู้สึกถึงอย่างอื่นที่กำลังก่อขึ้นในตัวของเธอ มันคือความทรงจำเกี่ยวกับ 9S เสียงตอนที่เขาตะโกน รอยยิ้มของเขาตอนที่บอกเธอว่าเขารู้สึกสนุกแค่ไหนที่ได้มีคู่หูนั้นช่างดูเขินอาย ระหว่างภารกิจใดกันที่ทำให้เขาต้องตกใจกับความซื่อบื้อจนคาดไม่ถึงของเธอ

เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ และหน้าอกก็รู้สึกเหมือถูกบีบ เธอกัดฟันแน่น เป็นครั้งแรกที่แอนดรอยด์สาวเข้าใจความเจ็บปวดจากความทรงจำที่ต้องสูญเสียใครไป แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่มันก็เป็นความผิดของเธอ เป็นเธอเองที่อยากเก็บเกี่ยวความทรงจำไร้ประโยชน์เหล่านั้นเอาไว้

"ลาก่อนครับ 2B..."

อีกแล้ว เสียงนั่นอีกแล้ว

2B สลัดหัวเพื่อเอาเสียงของเขาออกไปจากความคิด

"ฉันไม่ขอโทษหรอก"

ไม่ว่าอย่างไรมันก็คือภารกิจ เธอไม่ควรจะต้องรู้สึกผิดอะไร ไม่ควรจะรู้สึกอะไรทั้งนั้น หากเธอต้องได้รับคำสั่งให้ทำมันอีก เธอก็จะยังทำมันต่อไป

"เพราะว่ามันคืองานของฉัน" เธอพูดกับตัวเอง พลางเงยหน้าขึ้น "POD ติดต่อไปหาท่านผู้บัญชาการที"

"รับทราบ"

POD 042 เริ่มส่งสัญญาณติดต่อ ก่อนที่จะฉายภาพหน้าจอออกมา

เหมือนกับที่ POD รู้งานของตัวเอง เธอก็รู้ดีเช่นกันว่าตนจะต้องทำงานนี้อีกครั้ง เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่สนิทสนมกับใครอีก จะไม่ใช้เวลาร่วมกับใครมากไป จะพยายามลดการพูดกับคนอื่นให้น้อยลงที่สุด เธอจะได้ไม่ต้องมีความทรงจำที่ไม่จำเป็นพวกนี้ ถ้าทำอย่างนั้นได้... ก็จะได้ไม่ต้องมีรู้สึกที่ไม่ควรมีมาตั้งแต่แรกพวกนี้อีก

"ผู้บัญชาการกำลังพูดสายอยู่"

2B สูดหายใจลึก พยายามพลักเอาความเจ็บปวดในอก และความรู้สึกทุกๆ อย่างออกไป

"2B กำลังพูดสายอยู่ค่ะ ฉันทำภารกิจสำเร็จแล้วนะคะ"

แม้น้ำเสียงของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับเหมือนมีบางอย่างในตัวของเธอค่อยๆ หายไป เช่นเดียวกับเม็ดทรายที่ไหลผ่านวัดแห่งนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa