Dark Souls Fan fiction : Eternal Flame


ตอนที่ปฐมเพลิงปรากฏขึ้นบนโลก แสงสว่าง และความอบอุ่นของมันก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมากมายจนนำมาซึ่งยุคแห่งไฟอันเรืองรอง ทั้งอนอร์ลอนโด ลอนโด ไบลธ์ทาวน์ รวมไปถึงไอซาลิธ บ้านเกิดของข้า ทั้งเทพ และมนุษย์ ทุกคนต่างอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข ข้าคิดถึงเวลาเหล่านั้นเหลือเกิน คิดถึงท่านแม่ พี่สาวน้องสาว ซีเซเลส รวมไปถึงประชาชนของพวกเรา

กระนั้นข้าก็ขลาดเกินกว่าที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับพวกเขา ตอนที่เกิดโศกนาฏกรรมใหญ่ครั้งนั้นข้ากลับหลบหนีเอาตัวรอดออกมาเพียงลำพัง ทิ้งพวกเขาให้เผชิญความทุกข์ทรมานสาหัสไว้เบื้องหลัง พวกเขาต้องเคียดแค้นข้ามากแน่ ต้องไม่ให้อภัยข้าแน่ๆ แล้วจะให้ข้าบากหน้ากลับไปได้อย่างไร

บางทีอาจเป็นเพราะความโหยหาถึงวันเวลาที่ไม่อาจหวนกลับนั้น ข้าจึงอยากส่งมอบอัคคีให้ผู้อื่น สร้างชีวิตมีความสุขให้ทุกคนเช่นที่ปฐมเพลิงเคยมอบให้โลกใบนี้ แล้วข้าก็ได้ตัดสินใจถ่ายทอดศาสตร์แห่งเพลิงให้กับมนุษย์ผู้หนึ่ง

ข้ายังจำสายตายามเห็นศาสตร์แห่งไพโรแมนซี่เป็นครั้งแรกได้ดี แสงไฟเป็นประกายสะท้อนในดวงตาเบิกกว้างของเจ้าเด็กซุ่มซ่ามซาลามาน รอยยิ้มหลงใหลลุ่มหลงในความงามของเปลวเพลิงระบายอยู่ทั่วใบหน้าราวเด็กน้อยได้ของเล่น ข้าควรจะรู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่ามันจะนำพาหายนะมาให้เขาเหมือนกับที่มันทำแก่ครอบครัวของข้า บางครั้งข้าก็อดคิดไม่ได้ว่าหากซาลามานไม่ได้พบข้าเขาคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ได้แต่งงาน มีลูกหลานห้อมล้อม มีความสุขจนแก่เฒ่า

ข้ารักเพลิง มันคือสิ่งเดียวที่ยังคงเชื่อมต่อข้ากับบ้านเกิด เป็นสิ่งที่ทำให้ข้าได้ผูกผันกับมนุษย์ แต่ตอนนี้ข้ากลับรู้สึกหวาดกลัวมัน ไฟกลืนกินทุกอย่างเช่นเดียวกับที่มันให้กำเนิด ข้าหลบหนีความน่ากลัวของมันมาจากไอซาลิธ แต่กลับส่งมอบมันให้กับซาลามาน ทำให้เขา และเหล่าลูกศิษย์อีกหลายคนต้องพบกับจุดจบเช่นนั้น ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งนี้ ข้าไม่ได้มอบศาสตร์แห่งไพโรแมนซี่ให้มนุษย์เพื่อให้พวกเขาต้องสิ้นชีวิตก่อนวัยอันควร ข้าไม่อยากสูญเสียใครเพราะมันแล้ว ไม่อยากให้ชีวิตของพวกเขาต้องสูญเปล่าไร้ประโยชน์ ข้าจึงตั้งใจที่จะไม่รับศิษย์คนใดอีก

หลังจากนั้นข้าก็ได้ยินเรื่องราวของคูแล็ก และน้องสาวคนเล็กของข้า ถึงพวกนางจะยังมีชีวิตรอด แต่ร่างกายก็ถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปีศาจร้าย ทั้งสองคนต้องทรมานอยู่แน่ๆ ข้าอยากพบพวกนาง แต่เมื่อไปยืนอยู่หน้าทางเข้าไอซาลิธขาของข้าก็กลับก้าวไม่ออก มือ และใบหน้าพลันเย็นเฉียบขึ้นมา ความคิดในหัวตีกันไปหมด พวกนางยังโกรธแค้นข้าไหม หากทั้งสองคนไม่ต้องการพบข้าอีกแล้วข้าจะทำเช่นไร ด้วยความหวาดกลัวนั้นทำให้ในที่สุดข้าก็ทำเพียงใช้ชีวิตไปวันๆ กับจ้องมองเส้นทางกลับสู่บ้านเกิดโดยไม่อาจทำอะไรได้...


แต่แล้ววันหนึ่งเด็กคนนั้นก็มายังไบลธ์ทาวน์ เจ้าโง่ที่ถูกขนานนามว่าผู้ไม่รู้จักตายที่ถูกเลือก มือซึ่งสวมถุงมือของไพโรแมนเซอร์เอาไว้นั่นทำให้ข้าสนใจ ดูเหมือนลูกศิษย์ส่วนหนึ่งของซาลามานจะไม่ได้พ่ายแพ้ให้แก่เพลิง และสามารถสืบสานถ่ายทอดวิชามาได้แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 200 ปี ทั้งยังคิดค้นวิถีการควบคุมไฟใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย

ตอนที่รู้ว่าเด็กคนนี้สามารถมองเห็นร่างของข้า ภาพของซาลามานก็ฉายขึ้นมาในห้วงความทรงจำ ความรู้สึกที่ข้าไม่แน่ใจว่าคืออะไรเกิดขึ้นในใจ ข้าตัดสินใจรับศิษย์อีกครั้งทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะไม่มอบไฟของข้าให้ผู้ใดอีก และเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งอกตั้งใจเรียนรู้วิชาความรู้สึกพวกนั้นก็ยิ่งพอกพูนขึ้น จนในที่สุดข้าก็พลั้งปากขอร้องให้เจ้าเด็กทึ่มช่วยปลดปล่อยท่านแม่ และพี่น้องของข้าจากความทุกข์ทรมาน แต่พอเห็นแผ่นหลังนั่นเดินเข้าไปในไอซาลิธข้าก็รู้ตัวได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ไม่รู้จักตาย กระนั้นมันก็อาจทำให้เด็กคนนั้นกลายเป็นฮอลโลวได้ ข้ากำลังผลักเจ้าเด็กทึ่มลงสู่หนทางแห่งหายนะเหมือนที่ข้าได้ทำกับศิษย์คนแรก

เมื่อคิดได้เช่นนั้นข้าก็รีบวิ่งตามหมายจะไปห้ามอีกฝ่าย ทว่าเมื่อถึงปากทางเข้าไอซาลิธขาของข้าก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะก้าวต่อ ทำได้เพียงแค่ด่าทอตัวเองในใจที่ทำเรื่องผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าไม่แน่ใจว่าวันเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่แล้วเจ้าเด็กโง่ก็เดินกลับออกมาพร้อมวิญญาณแห่งจ้าวซึ่งแม่ของข้าเคยเป็นผู้ครอบครอง ข้ามองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา นาทีนั้นเองข้าก็รู้สึกเหมือนได้พบคำตอบที่ตามหามาตลอด และมันก็ทำให้ข้าตัดสินใจถ่ายทอดวิชาศาสตร์แห่งไฟสุดท้ายให้อีกฝ่าย วิชาที่ข้าไม่เคยสอนให้แก่ใครแม้แต่ซาลามาน มันคือวิชาที่แม่มดแห่งไอซาลิธเคยใช้ปราบมังกร

และแล้วเจ้าเด็กทึ่มก็จากไป แม้พวกเราจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก แต่เมื่อเห็นแสงแห่งปฐมเพลิงโชติช่วงขึ้นอีกครั้งข้าก็รู้ได้ว่าเด็กคนนั้นเลือกหนทางใดให้แก่ตนเอง

ทั้งท่านแม่ และเหล่าพี่น้องที่ถูกอัคคีกลืนกิน
ซาลามาน ที่พ่ายแพ้ให้กับอำนาจแห่งไฟ
ผู้ไม่รู้จักตาย ศิษย์คนสุดท้ายที่ข้าไม่รู้จักแม้แต่ชื่อซึ่งได้ถวายตัวเชื่อมต่อกับปฐมเพลิง...

บ้างถูกลืมเลือน บ้างไม่ได้รับการจดจำ บ้างมีชีวิตแสนสั้น บ้างต้องทนทุกข์ทรมานหลายพันปี
บางทีมันอาจจะเป็นคำสาปของผู้ที่ริอาจเอาตัวไปยุ่งกับเพลิง
ข้าเคยคิดว่าหากไม่มีมันเสียแต่แรกทุกคนก็คงไม่ต้องเจอเรื่องเช่นนั้น....

แต่วันนี้ข้าเข้าใจแล้ว...


ข้าก้าวเท้าผ่านบึงพิษของไบลธ์ทาวน์ แต่ก็ต้องมาหยุดนิ่งที่หน้าทางเข้าไอซาลิธ มือของข้าสั่นอย่างไม่อาจควบคุม เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าทั้งๆ ที่รู้สึกหนาวไปทั้งร่างกาย พยายามฝืนไม่ให้ตนเองถอยกลับไปยังเส้นทางเบื้องหลัง ข้ายกมือขึ้นกุมอก เม้มปาก แล้วข่มตาลงแน่น ก่อนสูดหายใจลึกแล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

สัมผัสของแผ่นดินที่ไม่ได้เหยียบย่างเข้ามาหลายพันปีทำให้น้ำตาของข้าไหลออกมา รู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งจุกอยู่ในลำคอจนหายใจลำบาก ทว่าขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

"ท่านแม่... ทุกคน... ข้ากลับมาแล้ว..."

ข้าเอ่ยคำๆ นั้นออกมาเบาๆ ก่อนก้าวเท้าก้าวต่อไป แม้ตอนแรกแต่ละย่างก้าวจะหนักอึ้ง แต่ต่อมามันก็เริ่มเบาลงเรื่อยๆ

ข้ามุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเดือด สถานที่ที่ข้าเคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับน้องสาวที่ยังเหลือรอดคนเดียวของข้า และเมื่อไปถึงที่นั่นข้าก็ได้พบนาง ร่างกายอ่อนแอน่าเวทนาของอีกฝ่ายทำให้น้ำตาของข้ารื้นจนแทบมองทางเบื้องหน้าไม่เห็น ข้าเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ พลางยืนมือออกไป นางสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ข้าสัมผัสกับใบหน้าของนาง ดวงตาสีขุ่นเหม่อลอยราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นางยกมือขึ้นจับแขนของข้าอย่างไม่แน่ใจ ครู่หนึ่งเสียงแปลกๆ ไม่เป็นภาษามนุษย์ก็ออกมาจากลำคอของอีกฝ่าย พร้อมกับน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากตามืดบอด

ข้าโอบมือรอบร่างกายส่วนที่เหมือนมนุษย์ของนาง แล้วเราสองคนก็ร้องไห้ด้วยกัน... วินาทีนั้นข้ารู้สึกเหมือนตัวเองได้หลุดพ้นจากพันธการหนักอึ้งที่ตรึงข้าไว้ หลังจากหลงทางในความมืดมิดอยู่นาน ในที่สุดข้าก็ได้เห็นแสงไฟที่ช่วยนำทางข้ากลับบ้าน ไฟที่ติดตัวเจ้าเด็กโง่ผู้ไม่รู้จักตายคนนั้นมา...

ข้าเรียนรู้ศาสตร์แห่งไฟจากท่านแม่ ก่อนที่ข้าจะส่งต่อมันให้แก่ซาลามาน ซาลามานส่งมันต่อให้กับเหล่าลูกศิษย์ของเขา และลูกศิษย์ของเขาก็ถ่ายทอดมันสืบไป จนในที่สุดมันก็กลับมาพบกับข้าอีกครั้ง ทว่าตอนนี้มันไม่ใช่ไฟของข้าเพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นเพลิงของเหล่าไพโรแมนเซอร์ทุกคนที่หล่อหลอมรวมกัน

จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 จาก 3 เป็น 4 ความต้องการมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกคิดถึงใครสักคน ความรู้สึกอยากมอบสิ่งดีๆ ให้ใครสักคน การอยากเสียสละให้คนสักคน การหลงใหลอะไรสักอย่าง ความอยากรู้อะไรอะไรบางอย่าง และความกล้าที่จะทำอะไรสักอย่าง แม้พวกเราจะไม่ได้มีชีวิตสุขสม ไม่มีใครจดจำ อายุสั้น แถมยังถูกสาป ต้องทุกข์ทรมาน แต่การมีอยู่ของพวกเราก็ล้วนเต็มไปด้วยความหมาย

เพลิงที่ข้าได้มอบให้มนุษย์ทำให้พวกเขานำมันไปปกป้องตัวเอง และคนอื่น ใช้มันสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มอบความอบอุ่น เป็นแสงสว่างยามที่ความมืดเข้าปกคลุมทุกสิ่ง เป็นหนึ่งในวิญญาณที่ต่ออายุยุคแห่งไฟ สุดท้ายอัคคีของข้า และพวกเขาก็จะกระจายไปทั่วทั้งดินแดน แม้พวกเราจะตาย เรื่องราวถูกลืมเลือน แต่ทุกๆ ครั้งที่เพลิงแห่งไพโรแมนซี่ถูกจุดขึ้นส่วนหนึ่งของพวกเราก็อยู่ที่นั่นด้วย

นำเรื่องราวของไอซาลิธไป นำเพลิงของข้าไป นำส่วนหนึ่งของตัวข้าไป นำส่วนหนึ่งของพวกเราติดตามไป

แม้ปฐมเพลิงอาจมอดดับในสักวัน แต่ไฟแห่งไพโรแมนเซอร์จะไม่มีวันสิ้น
และด้วยแสงอัคคีเล็กๆ ภายในวิญญาณของพวกเรา
วันหนึ่งสะเก็ดไฟจะรวมตัวกันเป็นเพลิงลุกโชนอีกครั้ง...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa