Dark Souls Fan fiction : It Doesn't Matter Anymore.


อะไรคือความแตกต่างระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโกหก ในเมื่อความจริงที่เคยเป็นพอถึงวันหนึ่งก็กลับกลายเป็นเรื่องหลอกลวง และสิ่งที่เป็นเพียงเรื่องหลอกลวงพอถึงวันหนึ่งมันก็กลับกลายเป็นความจริง ทุกๆ ครั้งที่ข้าโกหกกลับมีความจริงบางอย่างปรากฏขึ้น และทุกๆ ครั้งที่ข้าพยายามค้นหาความจริงข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับคำลวงใหม่

ข้าพยายามยันตัวลุกขึ้นจากพื้นท้องพระโรงเย็นเฉียบ แต่ก็พบว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแม้แต่น้อย เสียงของเหลวเคลื่อนไหวที่ดังมาให้ได้ยินทำให้ข้ารู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

นั่นสินะ นี่มันก็เป็นอีกเรื่องโกหกที่กลายเป็นความจริง ใครจะไปคิดว่าเทพที่วันหนึ่งเคยเป็นที่เคารพบูชาจะมาถูกสาวกของตัวเองหักหลัง จับโยนมาเป็นอาหารให้สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำต้องตายอย่างน่าอดสูเช่นนี้

ข้าสงสัยมาตลอดว่าการมีตัวตนของข้าแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่ควรเป็นดวงตะวัน แต่ข้ากลับเป็นจันทรา ทั้งๆ ที่สืบสายเลือดเทพผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับต้องใช้ชีวิตเกือบไม่มีตัวตน ทั้งๆ ที่ได้รับนามของบิดาอยู่ในชื่อ แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับ ทั้งๆ ที่เป็นชาย กลับถูกบอกให้เป็นหญิง ทั้งๆ ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเห็นคุณค่าภาคภูมิใจ แต่เขากลับไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา และทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น ข้ากลับเป็นผู้จมปลักอยู่ที่นี่เป็นคนสุดท้ายเพียงลำพัง ดูแลทุกสิ่งที่เขาให้ความสำคัญเพียงเพื่อเรียกร้องความรักจากคนที่ไม่เคยรักข้าเลย...

ทว่าถึงเขาจะจากไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นกลับยังสร้างเรื่องโกหกไม่หยุด แถมหลังจากทิ้งความวุ่นวายไว้ให้คนอื่นก็มาหายตัวไปอีก ข้าเกลียดนาง แค้นนาง อยากจับร่างของนางมาฉีกออกเป็นชิ้นๆ แต่ข้ากลับต้องสานต่อเรื่องโกหกของนางเพื่อกอบกู้สถานการณ์ แถมเรื่องราวยังลุกลามใหญ่โตจนคำโกหกนั้นกลายเป็นความจริงในหมู่ผู้ไม่รู้จักตาย ช่างเป็นเรื่องตลกร้ายนัก นางสร้างเรื่องหลอกลวงเพื่อทำลายข้า แต่ข้ากลับได้รับผลประโยชน์จากเรื่องโกหกนั้น และต้องอาศัยมันเป็นเครื่องค้ำจุนในการมีชีวิตต่อไป

กระนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าใดนางก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีก อีกทั้งปฐมเพลิงก็มีแต่จะมอดลงทุกวัน ความแค้นของข้าที่ไม่เคยได้รับการสะสาง ความรักหรือคำชมจากคนๆ นั้นที่ไม่เคยได้สัมผัส ทุกคนต่างพากันจากไปทิ้งข้าไว้เพียงคนเดียว ทำให้ข้าอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นข้าทำมันไปเพื่ออะไรกันแน่ เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าใดสุดท้ายทุกอย่างก็ล้วนไร้ความหมาย และเมื่อคิดได้เช่นนั้นความหวาดกลัวก็เข้าครองครองจิตใจของข้าด้วยไม่อยากยอมรับความจริงนั้นได้ ข้าจึงทำได้เพียงโกหกต่อไป โกหกจนกว่ามันจะเป็นความจริงขึ้นมาเช่นเดียวกับชีวิตของข้าที่เป็นอย่างนั้นมาตลอด

แต่ในที่สุดข้าก็พบว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย...

"ท่านพี่กวินโดลิน"

เสียงใสของคนในความทรงจำกระตุ้นให้ข้าพยายามรวบรวมกำลังอีกครั้ง ข้ายื่นมือไปจับคฆาที่กระเด็นออกไม่ห่างแล้วใช้มันยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เงยหน้าขึ้นมองเมือกสีดำข้างหน้าแต่สายตาก็พร่าเลือนจนมองเห็นมันได้ไม่ชัดนัก รู้สึกเหมือนจะหมดสติไปได้ตลอดเวลา แต่ข้าก็ยังกระชับอาวุธในมือไว้มั่น

ข้ารู้ดีว่าถึงฝืนต่อไปสุดท้ายก็ไม่หนีจากชะตานี้ไปได้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไร้ความหมายเหมือนที่เคยเป็นมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นข้าก็จะสู้ให้ถึงที่สุด อย่างน้อยก็ขอถ่วงเวลาให้หญิงสาวคนนั้นหนีไปได้ไกลขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี

ยอร์ชกา หญิงสาวคนสำคัญผู้สืบสายเลือดเดียวกันของข้า ยอดดวงใจของข้า...

เวลาหลายพันปีที่ผ่านมาข้าพยายามวิ่งมาตลอด วิ่งตามบิดาที่ไม่เคยมีความรักให้ วิ่งตามสตรีผู้นั้นที่สร้างความเคียดแค้นไว้ วิ่งไปเรื่อยๆ แม้จะไม่เคยเข้าใกล้ทั้งสองเลยก็ตาม แต่เมื่อเจ้าเข้ามาในชีวิตของข้า ภาพแผ่นหลังของพวกเขาก็ค่อยๆ เลือนรางไป ถึงเขาจะไม่ได้รักข้า ถึงนางจะไม่เคยได้รับการชำระแค้นจากข้า แม้ว่าการกระทำทุกอย่างของข้าจะสูญเปล่ามันก็ไม่สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว

ยอร์ชกา เจ้าคือคนที่ทำให้ข้าได้รู้ว่าไม่ว่าชีวิตนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกมันก็ไม่ได้สำคัญเลย ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ ไม่จำเป็นต้องมีคำนิยาม ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไข ไม่จำเป็นต้องมีข้อกำหนด ไม่จำเป็นต้องเป็นตามที่ใครอื่นหวัง ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไม่จำเป็นต้องเก่งกาจ ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับหรืออะไรทั้งนั้น แค่ข้ามีเจ้าอยู่ด้วยนั่นก็เพียงพอแล้ว แค่เจ้าเรียกชื่อข้า ยิ้มให้ข้า คิดถึงข้าบ้าง ข้าก็ไม่ต้องการอะไรอีก

ยอร์ชกา ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าไม่ว่าเจ้าจะเป็นเช่นไร เจ้าก็จะเป็นทั้งดวงตะวัน และจันทราของข้าเสมอ ข้าจะปกป้องเจ้าไม่ว่าไฟจะส่องสว่าง หรือความมืดจะกลืนกิน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเทพ หรือมังกร จะไม่มีผู้ใดลดทอนคุณค่าของเจ้าในใจของข้าได้ ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่ง หรืออ่อนแอ ไม่ว่าเจ้าจะเติบใหญ่เป็นดั่งที่ข้าหวังหรือไม่ข้าก็จะยังรักเจ้า

ยอร์ชกา ข้าอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า อยากมอบทุกอย่างที่ข้าได้เรียนรู้มาให้เจ้า แต่เจ้าจะทำอย่างไรกับมันนั้นขอให้เจ้าเป็นผู้เลือกเอง อย่าให้ผู้อื่นกำหนดว่าเจ้าต้องเป็นอะไร อย่าให้ผู้อื่นบอกว่าเจ้าควรทำอะไร อย่าให้ผู้อื่นทำให้เจ้าต้องจมปลักในความสิ้นหวัง หรือความแค้น เพราะข้ารู้ดีว่าการวิ่งตามใครสักคนมันเหนื่อยแค่ไหน ข้าอยากให้เจ้ามีความสุขที่ได้มีชีวิตขึ้นมา เผยรอยยิ้มเต็มที่โดยไม่ต้องไม่ต้องรอให้ใครมอบความสุขให้

ยอร์ชกา ข้ายังมีเรื่องมากมายที่อยากสอนเจ้า อยากกอดเจ้า อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า อยากมองเจ้าเติบใหญ่ด้วยตาคู่นี้ แต่ข้าคงไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว...

ข้าไม่อยากให้เจ้าเสียใจเมื่อข้าจากไป แม้ตอนแรกมันอาจจะยากลำบากที่ต้องอยู่เพียงลำพัง แต่ข้าอยากให้เจ้าเงยหน้าขึ้นเผชิญมันอย่างกล้าหาญ แล้วสักวันเจ้าจะได้พบกับแสงสว่างอย่างแน่นอน

ข้ารักเจ้ายอร์ชกา ข้าหวังว่าอนาคตของเจ้าจะมีแต่ความสุขรอคอยอยู่

ขอบคุณนะที่เจ้าเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของข้า...

ขอบคุณที่ทำให้ข้าได้รู้ว่าไม่ว่าตัวตนของข้าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกลวง มันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa