Dark Souls Fan fiction : In this Silence


"ใครก็ได้ ได้โปรดเถอะ ความมืดกำลังกัดกินข้าเหมือนแมลงกัดแทะผิวหนัง พวกมันไม่ยอมหยุดเลย ช่วยยื่นมือของท่านมาสัมผัสข้าทีเถอะ"

น่ากลัวเหลือเกิน ความมืดพวกนี้ ใครก็ได้ ใครก็ได้ ช่วยข้าด้วย

"ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ข้าเลยเหรอ ได้โปรดช่วยหยุดพวกมันด้วยเถอะ"

น่ากลัวเหลือเกิน ข้ากลัวเหลือเกิน นี่ข้าจะต้องอยู่ผู้เดียวไปตลอดกาลหรือ อยู่คนเดียวในความมืด และความเงียบเช่นนี้...

"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที ได้โปรด"

"เอะอะน่ารำคาญจริง อยู่เงียบๆ ไม่เป็นหรือไง!"

เสียงโลหะกระทบกัน และฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นใกล้ๆ ถึงน้ำเสียงแหบต่ำของอีกฝ่ายจะดูอารมณ์ไม่ดี แต่มือสวมเกราะข้างหนึ่งก็ยื่นมาสัมผัสแขนของข้าอย่างแผ่วแบา ความเย็นจากเกราะมือที่แล่นเข้าสู่ผิวกายสร้างความสงบได้อย่างน่าประหลาด ความรู้สึกเหมือนถูกแมลงชอนไชหายไปแล้ว ข้าจำสัมผัสนี้ได้ดี มันคือเกราะมือของอัศวินแห่งคาริม อัศวินจากบ้านเกิดของข้า

"ข้าต้องขอโทษจริงๆ ท่านอัศวิน ข้าทำให้ท่านผิดหวัง..."

"ถ้าเจ้ารู้สึกผิดมากขนาดนั้นก็หยุดคร่ำครวญแล้วตั้งใจฝึกตนไปเงียบๆ ซะสิ"

เสียงนั้นกระชากขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มือของเขาจะผละไปพร้อมๆ กับความหนาวเย็นของความมืดที่โถมเข้าใส่ตัวข้าอีกครั้งจนข้าต้องรีบเอื้อมมือออกไปข้างหน้า โชคดีที่เขายังไม่เดินไปไม่ห่างทำให้ข้าคว้าแขนของเขาเอาไว้ได้ทัน

"ด่ะ ได้โปรด อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวเช่นนี้ท่านอัศวิน..."

"มัวแต่กลัวอย่างนี้แล้วเจ้าจะเป็นผู้ดูแลเพลิงได้อย่างไร!"

ท่านอัศวินพยายามดึงแขนออกจากการเกาะกุม แต่ข้าก็ออกแรงบีบแขนของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่อาจบังคับมือไม่ให้สั่นเทาได้

"... สัตว์ร้ายพวกนั้นกัดกินข้าราวกับต้องการให้ตัวตนของข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืด ข้ากลัวเหลือเกิน เพราะฉะนั้นได้โปรดเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยนั่งอยู่ใกล้ๆ นี่ก็ได้..."

"ทำอย่างนั้นมันจะเรียกว่าการฝึกตนได้ยังไง ถ้าเจ้าเป็นผู้ดูแลเพลิงไม่ได้ไม่เท่ากับว่าการที่ข้าต้องพาผู้หญิงอ่อนแอเช่นเจ้าดั้นด้นมาจนถึงดินแดนนี้ต้องสูญเปล่าอย่างนั้นหรือ"

เขาพูดถูกแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งมั่นที่จะเป็นผู้ดูแลเพลิง แต่ข้ากลับไร้ความสามารถจนไม่อาจทำหน้าที่นั้นได้ แสงแห่งปฐมเพลิงในนิมิตค่อยๆ มอดลงราวกับกำลังบอกว่าข้าไม่จำเป็นอีกต่อไป โลกของข้าเหลือเพียงความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด การต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยวมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน แม้ข้าจะรู้ดีว่าการที่ท่านอัศวินปล่อยให้ข้าต้องเผชิญความมืดในคุกเช่นนี้เป็นการฝึกตน แต่ว่า...

"ต่ะ แต่ถ้าข้าไม่อาจทำหน้าที่นั้นได้ล่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะพยายามอย่างไรข้าก็ไม่อาจเป็นผู้ดูแลเพลิงได้... ท่านจะให้ข้าต้องอยู่คนเดียวในความมืดนี้ไปตลอดหรือ"

"... ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเองไม่อาจทำหน้าที่นั้นได้แล้วล่ะก็ ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าเอง"

คำพูดเย็นชาทำให้หัวใจของข้าหล่นหวูบด้วยความหวาดกลัว ทว่าเมื่อพิจารณาดีๆ อีกครั้งมันกลับทำให้ข้ารู้สึกปลอดภัยขึ้นมา มือของข้าหยุดสั่น แม้คราแรกคำพูดนั้นจะฟังดูโหดร้าย แต่มันก็หมายความว่าเขาจะคอยปกป้องข้าจนกว่าข้าจะฝึกตนได้สำเร็จ แต่ถึงแม้ข้าจะล้มเหลวเขาก็จะอยู่ด้วยกันถึงวินาทีที่ลมหายใจของข้าหมดลง ระหว่างนั้นถึงเขาจะทิ้งข้าให้นั่งในคุกอย่างเดี่ยวดาย ถึงต่อไปเขาอาจจะไม่ยอมตอบรับเสียงเรียกของข้าอีก ถึงข้าจะต้องอยู่ในความมืด และความเงียบนี้ ข้าก็รู้ได้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง


หลังจากได้พบท่านนักรบแห่งเถ้าถ่านผู้อ่อนโยนข้าก็ได้มาพำนักยังวิหารแห่งการเชื่อมต่อเพลิงอันเป็นที่ตั้งของบัลลังก์จ้าวแห่งเถ้าถ่าน เสียงของผู้คนทำให้ใจของข้าสงบขึ้นจนรู้สึกผิดต่อท่านอัศวินที่ต้องการให้ข้าฝึกตนคนเดียว เขาไม่ได้เข้ามาพูดคุยหรือสัมผัสแขนของข้าอีก แต่บางครั้งข้าก็ได้ยินเสียงแหบนั้นพูดคุยกับคนอื่นจากไกลๆ และบางครั้งเสียงร้องโหยหวนจากโล่ห์ประหลาดที่ท่านอัศวินอ้างว่าเป็นเสียงพี่สาวของเขาก็ลอยมาให้ได้ยิน ทำให้แม้พวกเราจะไม่ได้พูดคุยกันข้าก็รู้ได้ว่าเขายังไม่ได้จากไปที่ใด

การได้ศึกษาจารึกพรแห่งเทพซึ่งท่านนักรบแห่งเถ้าถ่านค้นหามาทำให้พลังของข้าค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งข้าก็มีพลังเพียงพอทำหน้าที่ผู้ดูแลเพลิงได้ ข้าจากวิหารแห่งการเชื่อมต่อมายังกองเพลิงซึ่งไม่ห่างไปมากนักเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อื่น และข้าก็หวังว่าท่านอัศวินจะยอมให้ข้าได้ช่วยเหลือเขาเป็นการตอบแทนกับสิ่งที่เขาทำให้ข้ามาตลอด

"เจ้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วนะอิรินา..."

วันหนึ่งหลังจากเฝ้ารอในความเงียบ ข้าก็ได้ยินเสียงของท่านอัศวินดังขึ้นใกล้กว่าที่เคย ก่อนที่เสียงฝีเท้ากับเสียงเกราะกระทบกันจะค่อยๆ ไกลออกไป และถึงข้าจะเรียกเขาไว้ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ กลับมา

จากวันนั้นข้าก็ไม่ได้ยินเสียงของเขาอีก บางทีเขาคงจากไปแล้ว ในเมื่อตอนนี้ข้าสามารถเป็นผู้ดูแลเพลิงได้ตามที่หวัง ภารกิจของเขาก็เสร็จสิ้นลงพร้อมกัน เขาคงกลับสู่มาตุภูมิพร้อมด้วยความภาคภูมิในเกียรติแห่งอัศวิน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป... หรืออย่างน้อยข้าก็ภาวนาว่ามันจะเป็นเช่นนั้น


ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองจะได้อยู่ทำหน้าที่ผู้ดูแลเพลิงไปได้อีกนานเท่าไร ไม่รู้ว่าปฐมเพลิงจะลุกโชนอีกครั้งหรือไม่ หากความมืดเข้าปกคลุมโลกใบนี้ ตัวข้าจะเป็นเช่นไร แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ข้ากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย ถึงข้าจะไม่ได้ยินเสียงแหบต่ำที่คุ้นเคย ไม่มีเสียงโลหะจากชุดเกราะหนักของคาริม หรือได้รับสัมผัสเย็นๆ จากเกราะมือข้างนั้นอีก ลึกๆ ในใจของข้ากลับรู้สึกว่าเขาคนนั้นไม่ได้ห่างกายไปที่ไหน ยังคงเฝ้ามองข้า ปกป้องข้าเช่นที่เคยเป็น...

ภายใต้ความมืดมิด...
ภายใต้ความเงียบงัน...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

ผ้าปิดตาของ YoRHa