Spoil NieR Automata Extra : Emil's Quest


แปลเนื้อเรื่องเกม NieR จนครบทั้ง 2 ภาคแล้ว ถ้าจะไม่ให้พูดถึงเอมิล สิ่งมีชีวิตมีแต่หัวสีขาว พร้อมรอยยิ้มสุดสยองก็คงจะทำไม่ได้ เพราะเขาเป็นถึง 1 ใน 3 ตัวละครที่มีบทบาทในซีรีย์ NieR ตั้งแต่ภาคแรก และมีดีกรีเป็นถึงมาสคอตที่ผู้กำกับเกม โยโกะ ทาโระ เอาไปใช้เป็นหน้ากากแทนตัว แต่ในภาค Automata เขาถูกลดบทบาทลงเป็นพ่อค้าตัวประกอบ ร้องเพลงที่หากได้ฟังมันสักพักเสียงก็จะคอยวนเวียนในหัวเอาออกไม่ได้ (ฮา แม้จะฟังดูเฮฮา แต่ที่จริงเพลงนี้เกิดจากการดัดแปลงจังหวะของเพลง Emil's Sacrifice เพลงประจำตัวสุดเศร้าของเขาในภาคแรก)

ในตอนแรกเอมิลมีรูปร่างเป็นเด็กชายธรรมดาๆ มีนิสัยร่าเริง สุภาพเรียบร้อย แต่พอเห็นหนุ่มรูปหล่อก็ออกอาการตื่นเต้นตามประสาเกย์สาวคนหนึ่ง (ในดรามาซีดีที่เป็นแนว Parody ชีวิตในโรงเรียนเขาก็อยากมีความสัมพันธ์เกินเลยกับเนียร์ และในหนังสือครบรอบ 10 ปี ซีรีย์ Drag on Dragoon เขาก็แอบปลื้มในความหล่อของโนเว ตัวละครเอกของ Drag on Dragoon 2) แต่ที่สำคัญที่สุดคือประวัติของเขานั้นสะท้อนถึงโศกนาฏกรรมความบัดซบที่เกิดขึ้นในซีรีย์ NieR ได้เป็นอย่างดี (ฮา) และหากไม่นับเรื่องที่เอมิลถูกดัดแปลงร่างกายในการทดลองแล้ว เขาจะเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

ถ้าไม่ได้อ่านที่ผู้เขียนแปลเนื้อเรื่องของภาค Gestalt/Replicant เอาไว้ ก็ขอสรุปประวัติย่อๆ ให้อ่านกันว่าเอมิลนั้นมีชีวิตตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 2003 ที่โลกเผชิญกับวิกฤต White Chlorination Syndrome โรคร้ายจากต่างมิติที่ทำให้มนุษย์ต้องสูญพันธ์ในเวลาต่อมา ในเวลานั้นเอมิล และฮาลัว พี่สาวฝาแฝดของเขาได้รับการเลี้ยงดูภายในองค์กรฮาร์เมลินในฐานะร่างอาวุธทดลองในการนำอนุภาคของมังกรแดงมาเปลี่ยนเป็นเวทมนต์ ฮาลัวตอบสนองต่อเวทมนต์ได้ดีมาก ส่วนเอมิลก็มีความสามารถในการทำให้สิ่งรอบตัวกลายเป็นหินผ่านการจ้องมอง ในการทดลองขั้นสุดท้ายฮาลัวสูญเสียร่างกายกลายเป็นโครงกระดูกมีชีวิต ทว่าเธอก็ได้รับความแข็งแกร่ง และชีวิตอมตะมาแทน เพื่อปกป้องไม่ให้น้องชายต้องได้รับชะตากรรมเดียวกัน เด็กหญิงจึงอาละวาดจนองค์กรได้รับความเสียหายหนัก พวกเขาจึงส่งเอมิลไปทำให้เธอกลายเป็นหิน แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นฮาลัวกลับรู้สึกยินดี และหวังว่าตนจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเพื่อที่น้องชายฝาแฝดจะได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข

เวลาผ่านไปอีก 1300 ปี มนุษยชาติที่เหลือรอดกลายเป็นร่าง Gestalt ทั้งหมด เอมิลซึ่งถูกดัดแปลงร่างกายด้วยเวทมนต์จนทำให้ไม่สามารถเติบโต และยังมีอายุขัยยืนยาวผิดปรกติ เริ่มลืมเลือนเรื่องที่เกิดขึ้นตามกาลเวลา เขาใช้ชีวิตร่วมกับเหล่า Replicant ร่างกายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเตรียมรองรับวิญญาณกลับสู่ร่าง จนได้พบกับเนียร์ ตัวละครเอกของภาคแรก และได้ร่วมเดินทางเพื่อให้ความช่วยเหลือโยนาห์ ลูกสาว/น้องสาว ของเนียร์ซึ่งถูกชาโดวลอร์ดลักพาตัวไป แล้วมันก็ทำให้เด็กชายได้พบกับฮาลัวซึ่งตื่นขึ้นมาออกอาละวาดด้วยความคลุ้มคลั่งเสียสติ เขาจึงร่วมมือกับเนียร์จบชีวิตแสนเศร้าให้เธอ ทว่าเอมิลก็ต้องสูญเสียร่างกาย และได้ร่างโครงกระดูกของพี่สาวมาพร้อมกับความสามารถทางเวทมนต์ที่เพิ่มขึ้น

ในการต่อสู้ที่ปราสาทของชาโดวลอร์ด เอมิลยอมเสียสละตนเองเพื่อหยุดยั้งโปโปลาซึ่งตั้งใจจะระเบิดพวกเขาไปพร้อมกันหลังจากที่เธอต้องเสียเดโวลาไปในการต่อสู้ ส่งผลให้ต่อมาเอมิลจึงเหลือเพียงส่วนของศีรษะเท่านั้น หลังจบศึกเขาได้เดินทางกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขร่วมกับไคเน และโยนาห์ กระนั้นความล้มเหลวของโครงการ Gestalt ก็ทำให้ทั้งสองต้องจากไปตามกาลเวลาพร้อมมนุษย์คนอื่นๆ เอมิลใช้ชีวิตเพียงลำพังโดยมีคำสัญญาที่จะปกป้องโลกนี้ที่เขาให้ไว้กับไคเนเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ และแล้วในปี ค.ศ. 5012 หลังจากที่มนุษยชาติได้สูญพันธ์ไปหมดสิ้น ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในเมืองร้างเขาก็ได้พบกับเอเลี่ยน แต่เมื่อลองทักทายอีกฝ่าย เอเลี่ยนกลับโจมตีใส่เขาอย่างรวดเร็ว และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ในภาค Automata ซึ่งในช่วงของเนื้อเรื่องหลักเอมิลก็จะมีอายุสิริรวมแล้ว 8000 กว่าปีเลยทีเดียว


เราจะได้พบกับเอมิลครั้งแรกหน้าบริเวณอาณาจักรแห่งป่า แต่ด้วยความเข้าใจผิดทำให้เขารีบหนี 2B และ 9S ไป หลังจากนั้นเราจะสามารถพบอีกฝ่ายในฐานะพ่อค้าเร่ โดยเราต้องใช้ POD ยิงเพื่อหยุดเขาไว้ จึงทำการซื้อขายกับเขาได้ และแม้เขาจะเป็นเพียงตัวละครประกอบในภาคนี้ เอมิลก็มีเควสส่วนตัวให้เราได้ทำ และเขายังเป็นกุญแจสำคัญของ Ending Y ซึ่งนับว่าเป็นฉากจบที่มีความโหดในการเอาชนะอันดับต้นๆ ของเกม

ความทรงจำของเอมิล (Emil's Memories)

หนึ่งในเควสส่วนตัวของเอมิลซึ่งเราสามารถทำได้หลังจากปะทะกับ A2 ในอาณาจักรแห่งป่า และสอบถามเรื่องของเธอจากปาสคาล เมื่อเรามายัง City Ruin ใกล้เขตทะเลทราย เราจะได้พบกับเอมิลที่ใช้ร่างกายรูปแบบคล้ายรถยนต์ขนาดเล็กขับผ่านมาอย่างรวดเร็ว พร้อมร้องเพลงจังหวะสนุกสนานเสียงดัง เมื่อเรายิงเขาให้หยุด และพูดคุยกับเขาเป็นที่เรียบร้อย เราจะได้พบกับดอกไม้เรืองแสงสีขาวใกล้บริเวณที่เราพบกับเขาเป็นครั้งแรก เมื่อสำรวจมัน เอมิลจะปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขาอธิบายให้โยร์ฮาทราบว่าดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อว่าดอกลูนาเทียร์ ซึ่งทุกครั้งที่มองมันก็จะทำให้เขานึกถึงเรื่องราวในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแปลกๆ อย่างตอนที่เขาถูกหมูป่าโจมตีใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า หรือตอนที่เขาลองชิ้นส่วนใหม่ๆ หลังจากร่างกายของเขาได้รับความเสียหาย และมันก็ทำให้ความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายว่าคืออะไรเกิดขึ้นในใจ เอมิลจึงขอให้เราช่วยแจ้งข่าวให้เขาหากเราได้พบกับดอกลูนาเทียร์ที่อื่นอีก เพื่อที่เขาจะได้นึกออกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้แท้จริงแล้วคืออะไร

ตำแหน่งของดอกไม้ทั้งหมดจะปรากฏบนแผนที่ ไม่ว่าเราจะไปพบดอกไม้ที่สถานที่ใดก่อน บทพูดของเอมิลก็เรียงเหมือนกันทั้งหมด เมื่อเขาได้เห็นดอกลูนาเทียร์ เด็กชายจะเริ่มนึกเรื่องราวในอดีตของตนออก โดยมีเรื่องราวตามนี้
  • ดอกไม้ 1 : เอมิลนึกออกลางๆ ว่าตนเคยปลูกดอกไม้ชนิดนี้เมื่อนานมาแล้ว แต่หลังจากนั้นพื้นที่ทะเลทรายก็ขยายตัวจนทำให้ดอกไม้แห้งเหี่ยว และนั่นก็เป็นช่วงเดียวกับที่เขาเริ่มไม่ได้พบเห็นมนุษย์อีก
  • ดอกไม้ 2 : เอมิลจำเรื่องราวตอนที่เขาต่อสู้กับเอเลี่ยนซึ่งบุกโลกครั้งแรกได้ แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าตัวเองในตอนนั้นต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งใด และรู้เพียงว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญกับเขามาก
  • ดอกไม้ 3 : เอมิลต่อสู้กับเอเลี่ยนอย่างยากลำบาก เขาแบ่งตัวเองออกเป็นหลายคนเพื่อร่วมกันต่อกรกับอีกฝ่าย กระนั้นก็ต้องสูญเสียตัวตนที่แบ่งออกมาไปมากมาย 
  • ดอกไม้ 4 : เมื่อเห็นดอกไม้เอมิลก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนกล่าวขอบคุณเราที่ช่วยทำให้เขานึกสถานที่สำคัญออก สถานที่ที่สำคัญของคนๆ นั้น เขาจึงเชิญเราไปสถานที่นั้น พร้อมมอบกุญแจดอกหนึ่งให้

กุญแจที่ได้รับจากเอมิลคือกุญแจของลิฟท์บริเวณศูนย์การค้าร้างหน้าทางเขาอาณาจักรแห่งป่าซึ่งพาเราไปยังใต้ดิน เมื่อประตูเปิดออก เราจะได้พบกับทุ่งดอกลูนาเทียร์ ซึ่งมีกระท่อมหลังน้อยตั้งอยู่ตรงกลาง เอมิลอธิบายว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ในความทรงจำที่เขาพยายามปกป้อง หรือแท้จริงแล้วคือตัวของเขาก่อนหน้านี้ต่างหาก


เมื่อนานมาแล้วเอมิลถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธที่สามารถใช้ในทุกสภาพแวดล้อม และทำลายได้ทุกสิ่ง เขาแบ่งร่างกายของตัวเองออกเป็นจำนวนมากเพื่อต่อสู้กับเอเลี่ยน และตัวเขาในตอนนี้ก็คือหนึ่งในร่างแยกเหล่านั้น แต่ยิ่งแบ่งจำนวนตัวเองออกมากเท่าไร ความทรงจำแรกเริ่มของพวกเขาก็ค่อยๆ หายไป เอมิลตัวจริงชอบสถานที่แห่งนี้มาก เขาใช้เวลาอยู่ที่นี่กับคนที่เขารัก แม้มันจะเป็นช่วงเวลาแสนเศร้า แต่ความทรงจำที่พวกเขาได้ผจญภัยร่วมกันในตอนนั้นก็เป็นสมบัติล้ำค่าเช่นกัน และร่างแยกอย่างเขาก็ได้รับความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องในตอนนั้นมาเล็กน้อย จึงเข้าใจความรู้สึกพวกนั้นได้ดี

เขาไม่ทราบว่าเอมิลตัวจริงยังมีชีวิต หรือเสียชีวิตไปเช่นร่างแยกคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เขาก็นึกสิ่งที่เอมิลทุกคนต้องการทำออกแล้ว เขาสามารถก้าวไปข้างหน้าแม้จะต้องอยู่เพียงลำพัง เด็กชายกล่าวขอบคุณเราที่ช่วยเหลือเขา แล้วมอบของตอบแทนให้ ซึงรวมไปถึงดอกลูนาเทียร์ ดอกไม้ที่มีตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ใดที่ได้พบกับมันจะสมปรารถนาด้วย...

เกร็ดความรู้
  • ดอกลูน่าเทียร์เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของไคเน ซึ่งเอมิลรักเหมือนพี่สาว
  • ทุ่งดอกลูน่าเทียร์ที่มีกระท่อมหลังเล็กตั้งอยู่ มีลักษณะเหมือนกับบ้านของไคเน บริเวณหน้าหมู่บ้านเอรีย์ ใน NieR ภาคแรก

    การตัดสินใจของเอมิล (Emil's Determination) และ Ending Y : Heady Battle

    หนึ่งในเควสที่ยากที่สุดในเกม NieR Automata เพราะเราต้องทำเงื่อนไขเก็บอาวุธทุกชิ้นที่มีในเกม และยังต้องอัพเกรดทุกชิ้นให้ได้เลเวล 4 อีกด้วย

    ในตอนที่เราได้ทำการซื้อขายของกับเอมิลครั้งแรก เขาจะบอกว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ลึกลงไปใต้ดินมากๆ และเมื่อเราเดินไปตามแผนที่แล้ว เราจะได้พบกับร้านของเอมิลที่บริเวณหน้าทางเข้าเต็มไปด้วยศพของแอนดรอยด์มากมายนับไม่ถ้วนชวนคิดว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ หลังจากนั้นหากเราได้พบกับเขาอีก เอมิลจะเล่าว่ามีโจรพยายามเข้าไปขโมยสมบัติที่ร้านของเขา แต่ตอนนี้เขาได้เอามันใส่ลงในกล่องนิรภัยเรียบร้อยแล้ว

    บอกมาอย่างนี้ก็แลดูเชื้อเชิญให้เราต้องขอไปลองของสักหน่อยสิ (ฮา)

    หลังจากนั้นให้เรากลับไปที่ร้านของเอมิลเพื่อจัดการขโมยของของเขาซะ ขณะที่เรากลับออกมา เอมิลจะปรากฏตัวขึ้นด้วยความโกรธ เราต้องต่อสู้กับเอมิลเลเวล 99 ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทั้งยังปล่อยห่ากระสุนใส่เรามากมาย จนเมื่อเราสามารถเอาชนะเขาได้ว เอมิลที่ชีช้ำกับการถูกหักหลังจำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ เขาตัดพ้อว่าทุกอย่างโลกนี้คงถูกกำหนดโดยคนที่ีมีพลังมากกว่า และบอกให้เราใช้บ้านของเขาได้ตามใจชอบ เอมิลจะไม่ยอมพูดกับเราอีก แต่หากพบเขาข้างนอก เราจะยังสามารถซื้อขายสินค้ากับเขาได้เหมือนเดิม

    ตรงนี้หากเราทำเงื่อนไขเก็บอาวุธ และอัพเกรดครบทุกชิ้นแล้ว เมื่อเรากลับมายังบริเวณที่พบเขาครั้งแรก เราจะพบเขายืนอยู่นิ่งๆ หลังจากพูดคุยซื้อขายกันเรียบร้อย เอมิลจะเอ่ยเสียงเศร้าว่าตอนนี้เราแข็งแกร่งขึ้นมาก และเขาคงไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเราอีกต่อไปแล้ว แต่แม้เราจะถามว่าเขาหมายความว่าอย่างไร เด็กชายกลับไปยอมอธิบายแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเห็นท่าทีผิดปรกตินั้น เราจึงให้ POD ช่วยระบุตำแหน่งที่อยู่ของเอมิลให้

    สัญญาณของเอมิลอยู่ในเขตทะเลทราย เราจะพบเขานอนบาดเจ็บอยู่ใกล้ๆ กับหัวเอมิลขนาดยักษ์ซึ่งส่วนหนึ่งจมทรายอยู่ เมื่อเข้าไปถามอาการ เอมิลจะกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก

    "ระวัง... ตัวด้วย... พวกเขา... ยังมี... ชีวิตอยู่..."

    ไม่ทันขาดคำพื้นทรายก็เริ่มสั่นไหว ก่อนที่หัวของเอมิลขนาดยักษ์จะพุ่งออกมาจากทรายพร้อมเสียงกรีดร้อง พวกมันต่อกันเป็นเส้นราวตะขาบคล้ายบอส Hegel และมีรูปแบบการต่อสู้ที่เหมือนกันทว่าโหดกว่ามาก POD จะอธิบายว่าพวกมันคืออาวุธเวทมนต์จากโลกเก่า และแนะนำให้เราหนีจากสถานการณ์ทันที แต่มีหรือที่เราจะหนีออกไปได้ง่ายๆ

    "ผม... พวกผม... ไม่มีที่สิ้นสุด... มันเจ็บ... เจ็บมากๆ... ทำไมถึงต้องเป็นพวกผม... ทำไมพวกผมถึงต้อง... พวกผม... พวกผมต้อง... ฆ่าพวกมันให้หมด!! พวกผมไม่ต้องการมันแล้ว! พวกผมไม่ต้องการโลกใบนี้อีกแล้ว!"

    เสียงทรมานของเอมิลดังออกมาจากศีรษะรอบๆ ทั้งหมด ขณะที่ POD ตรวจจับได้ถึงเวทมนต์ที่ถูกปล่อยออกมาเพิ่มขึ้น ตอนนั้นเองจู่ๆ ก็มีการติดต่อจากใครบางคนเข้ามา ปลายเสียงนั้นเป็นเสียงของเอมิล ทว่าเขากลับพูดราวกับตัวเองไม่ใช่ร่างแยกตามที่เคยบอกไว้ก่อนหน้า

    "นั่นเป็น... สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างแยกของผม... หลายปีที่แบ่งตัวเพิ่มขึ้น หลายปีที่ต้องต่อสู้ในสงคราม ทำให้สำนึกตัวตนของพวกเขา... แย่ลงเรื่อยๆ ผมอยากจัดการเรื่องของพวกเขาด้วยตัวผมเอง"

    เราจะตัดบทไม่ให้เขาพูดอะไรอีกเนื่องจากเขายังได้รับบาดเจ็บอยู่ แล้วหัวของเอมิลก็เริ่มส่งเสียงร้องเพลงออกมา

    "ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ผม... พวกผมพยายามเต็มที่มาตลอด ไม่ว่าจะท่ามกลางสายฝน ในสายลมพัดแรง หรือในพายุ ถึงแม้พวกเพื่อนๆ ของพวกผมจะล้มหายตายจาก พวกผมก็ยังสู้ต่อไป แต่ในสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด... ความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจบสิ้นของพวกผม... ฮ่าๆๆ ความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจบสิ้นนี้!! มันกรีดร้องใส่พวกผม บอกพวกผมว่าโลกนี้ไม่มีค่าให้ปกป้องสักหน่อย... โลกนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด! มันกรีดร้องบอกพวกผมอย่างนั้น!! ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ พวกคุณ... พวกคุณทุกคน... ความเจ็บปวดนี้! ความโศกเศร้านี้! ความสิ้นหวังนี้! พวกคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย!"

    เราจะได้รับการติดต่อจากสายปริศนาอีกครั้ง เสียงของเอมิลดังขึ้นมา แต่คำพูดกลับดูเหมือนเขากำลังพูดกับตัวเอง และใครบางคนที่เราไม่รู้จักมากกว่า

    "ไม่ว่ายังไงนี่มันก็ผิดอยู่ดี ถึงจะยากลำบากหรือเจ็บปวดแค่ไหน... พวกเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ พวกเขายังสู้เพราะเชื่อว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องได้รับชัยชนะ! อย่างนั้นใช่ไหมครับ ท่านไคเน!? ถึงมันจะดูไร้ประโยชน์ยังไง ท่านก็จะสู้ต่อไป เพราะว่ามันคือโลกที่เพื่อนๆ ของผมพยายามปกป้องเอาไว้ไงล่ะ!"

    สิ้นเสียงของเอมิลจะมีสัญญาณจับเวลา 10 วินาทีดังขึ้น มันคือเวลานับถอยหลังการระเบิดตัวเองของเด็กชาย หากเราต้องการฉากจบ Ending Y ให้เราปล่อยเวลาให้หมดลงโดยไม่ต้องทำอะไร แต่หากเราต้องการจบเควส Emil's Determination เราจำเป็นต้องเข้าไปทำลายหัวของเอมิลทั้งหมดเพื่อหยุดอีกฝ่ายไว้ แต่ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรเราก็มีเซฟซะอย่าง เดี๋ยวก็โหลดกลับมาเล่นอีกทางเลือกได้ค่ะ

    Ending Y : Heady Battle

    เอมิลระเบิดตัวเอง ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างเสียชีวิตทั้งหมด โลกกลายเป็นดาวเคราะห์หินไร้ค่าล่องลอยในอวกาศ

    การตัดสินใจของเอมิล (Emil's Determination)

    หลังจากหยุดยั้งการระเบิดตัวเองไว้ได้ เราจะเข้าไปหาเอมิลที่กำลังหายใจรวยรินอยู่บนพื้นทราย แต่แม้โยร์ฮาจะเสนอการซ่อมแซมเพื่อช่วยเหลือเขา เอมิลกลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา ก่อนที่เสียงของเขาจะเงียบไปในที่สุด

    "ผมคิดว่า... ผมคงมาได้แค่นี้ล่ะ... ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะนึกเรื่องสำคัญออก... ในเวลาอย่างนี้ ผมวิ่งหนี... ความทรงจำที่ต้องสูญเสียคนใกล้ชิดมาตลอด... มันลำบากจริงๆ... เจ็บปวดมากจริงๆ สุดท้ายแล้วผมก็ทำเรื่องแย่ๆ กับคุณไว้มาก แต่ตอนนี้ผมกำลังจะได้พบกับพวกเขาอีกครั้งแล้ว... อีกไม่นานแล้วสินะ... อะ พวกท่านอยู่ตรงนั่นเองเหรอ... ผมดีใจจริงๆ... ที่ได้พบกับพวกท่านทุกคนอีกครั้ง..."

    ร่างของเอมิลไร้การเคลื่อนไหว และถึงเราจะเรียกชื่อเขา เด็กชายก็ไร้การตอบสนองใดๆ อีก...

    เอมิลเป็นตัวละครที่ผ่านทั้งเหตุการณ์ล่มสลายของมนุษยชาติ Replicant และ Gestalt ได้เห็นทุกสิ่งค่อยๆ เสื่อมสลายตายจากในขณะที่เขากลับยังคงอยู่ ร่างกายก็เหลือแค่หัว ต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวหลายพันปี เขาจึงเป็นสัญลักษณ์ตอกย้ำถึงความโหดร้ายของสงคราม และการสูญเสียของซีรีย์เกม NieR เป็นอย่างดี

    ถึงตอนแรกเอมิลจะบอกว่าตัวเองเป็นแค่ร่างแยก แต่คำพูดสุดท้ายของเขากลับเหมือนเขาเป็นตัวจริง กระนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ก็หวังว่าสุดท้ายเขาจะได้พักผ่อน และกลับไปเจอคนสำคัญของเขาอีกครั้ง

    ความคิดเห็น

    1. ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะครับ เป็นเกมส์ที่เล่นสนุกแต่เนื้อเรื่องปวดตับมากเลย

      ตอบลบ
      คำตอบ
      1. ขอบคุณมากค่ะ >w< เกมนี้หลายอย่างกระเทือนตับดีจริงๆ

        ลบ
    2. คือตอนจบ Emil นี่ตายจริงๆใช่มั้ยครับ นึกว่าจะได้ความเป็นอมตะมากจากพี่สาว แต่แบบนี้ก็ดีครับ ที่เขาได้เป็นอิสระเสียที

      ตอบลบ
      คำตอบ
      1. เพิ่งเห็นข้อความ ขอโทษด้วยนะคะ

        ที่ตายในตอนนี้คิดว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเอมิลค่ะ ตัวเอมิลจริงๆ น่าจะยังไม่ตาย โยโกะ ทาโระ เองก็เคยบอกว่าจะเก็บเอมิลไว้ไปเรื่อยๆ ค่ะ

        ลบ

    แสดงความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    Spoil NieR Automata Part 27 Ending E : the End of YoRHa และวิเคราะห์เนื้อเรื่องทั้งหมดตามใจฉัน

    ผ้าปิดตาของ YoRHa