NieR Automata Fan fiction : I'm hear, right there : Case 24E
คำเตือน ตัวละครในเรื่องนี้เป็นตัวละคร Original ไม่มีในเนื้อหาของเกมนะคะ แค่อิงเนื้อเรื่องของเกมมาค่ะ
คุณเคยเกลียดงานของตัวเองหรือเปล่า รู้สึกอึดอัดจนอยากทิ้งทุกอย่างไปซะพ้นๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นคุณก็ยังจำเป็นต้องทำมันต่อไปด้วยเหตุผลบางอย่าง เหตุผลที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจต่อต้านมันได้...
ฉันคือ 24B แอนดรอยด์สมาชิกหน่วยโยร์ฮาซึ่งมีหน้าที่กอบกู้โลกให้แก่มนุษยชาติ ได้รับหน้าที่ให้ต่อสู้กับพวกหุ่นยนต์ และช่วยสนับสนุนการทำงานให้เพื่อนร่วมทีม แต่นั่นมันก็แค่หน้ากากบังหน้าเท่านั้น
ฉันดึงดาบออกจากหัวของ 15S ที่กำลังนอนแน่นิ่งจมกองเลือดบนพื้น แม้เขาจะไม่ตอบสนองใดๆ แล้ว แต่ Black Box ของเขายังคงทำงานอยู่ ท่ามกลางหมู่ดาวเป็นประกายสวยงาม ฉันพลิกตัวของเขาให้หงายขึ้น ก่อนดันดาบลงบนหน้าอกของเขา ทันใดนั้นสัญญาณจากร่างตรงหน้าก็หายไป
ฉันเก็บดาบเข้าที่ ก่อนใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าอก ส่วนอีกข้างปาดน้ำตาที่พลั่งพลูออกมา จมดิ่งไปกับความรู้สึกของตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะติดต่อเพื่อรายงานผลไปที่บังเกอร์
24E คือชื่อที่แท้จริงของฉัน โยร์ฮาเพชรฆาตซึ่งมีหน้าที่สังหารแอนดรอยด์ด้วยกัน ฉันจะต้องแฝงตัวเข้าไปใกล้เป้าหมายโดยใช้หน้ากากที่ชื่อว่า 24B โปรแกรมที่ติดตัวทำให้ฉันรู้ในทันทีที่เริ่มเดินเครื่องว่าฉันเกิดมาเพื่ออะไร แต่ความรู้สึกในตอนนั้นกับตอนที่เริ่มทำงานจริงนั้นช่างต่างกันราวฟ้ากันเหว งานแรกของฉันคือการแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มแอนดรอยด์กลุ่มต่อต้าน ตามหาเป้าหมายซึ่งกระจายข่าวลือว่ามนุษยชาติสูญพันธ์ไปแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า อีกฝ่ายไปเอาข่าวนั้นมาจากที่ไหน หรือมันจะส่งผลต่อกองทัพอย่างไร หน้าที่ของฉันมีเพียงแค่การสังหารเท่านั้น
ฉันใช้เวลากับงานนั้นเกือบครึ่งปี ความรู้สึกกดดันหวาดกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าเป็นไส้ศึก ความรู้สึกตอนที่ต้องเปลี่ยนเครื่องแบบไปใส่ชุดกลุ่มต่อต้าน ความรู้สึกตอนที่ต้องตีสนิทพูดจาหลอกลวงอีกฝ่าย ความรู้สึกตอนที่พวกเขามองว่าฉันเป็นเพื่อนพ้องร่วมทุกข์สุข ความรู้สึกตอนที่พวกเขาพยายามช่วยกันตั้งชื่อให้ ความรู้สึกตอนที่ต้องแอบติดต่อกับฐานทัพ ความรู้สึกตอนที่ระบุเป้าหมายได้แน่ชัด ความรู้สึกตอนที่กำลังเตรียมลงมือ ความรู้สึกตอนที่ดาบในมือกำลังฝั่งลงไปในร่างกายของอีกฝ่าย สีแดง กลิ่นคาวเลือด และความรู้สึกยามที่พบว่ามีเพียงตัวเองที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางร่างที่แน่นิ่งของคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน
วินาทีนั้นฉันรู้สึกถึงความว่างเปล่า พร้อมๆ กับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจะระเบิดจากข้างในตัว รู้สึกแน่นหน้าอก แต่ก็รู้สึกเหมือนมีรูรั่วในใจ รู้สึกถึงความร้อนจากน้ำตา และความเย็นยะเยือกบนใบหน้า ฉันยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่คนสำคัญจากไปแล้ว ถึงอย่างนั้นฉันกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้ตายไปด้วย ฉันกรีดร้อง รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสติ อยากวิ่งหนีทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แต่ฉันต้องทำงานนี้ ฉันถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้
ด้วยความกลัวทำให้งานครั้งที่ 2 ฉันก็เลยพยายามไม่ใกล้ชิดกับเป้าหมายมากนัก แต่การที่ต้องอยู่กับอีกฝ่ายระยะหนึ่ง ก็ทำให้ฉันไม่อาจห้ามใจตัวเองไม่ให้ผูกผันกับอีกฝ่ายได้ และสุดท้ายมันก็นำพาความเจ็บปวดมาให้ฉันอีกครั้ง
ครั้งที่ 3 ฉันได้รับคำสั่งให้ฆ่าเป้าหมายโดยไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่าย แต่เมื่อมองเครื่องแบบแบบเดียวกันมันก็ยังทำให้ฉันเจ็บอยู่ดี ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงต้องถูกสร้างขึ้นมา ทำไมถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงต้องเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางความตายของเพื่อนๆ และฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือว่าฉันจะเป็นเพียงแค่เศษเหล็กเดินได้กันแน่ ความคิดนั้นทำให้ฉันกลัวมาก
ครั้ง 4 ฉันรู้สึกว่าเรื่องมันง่ายขึ้นกว่าเดิม ในใจของฉันยังคงเจ็บปวด ฉันรู้สึกว่างเปล่า แต่เมื่อลองพิจารณาอีกครั้ง ฉันก็เริ่มคิดได้ว่าการที่ฉันยังคงรู้สึกทรมานนั่นก็เป็นเพราะว่าฉันคือคนที่รอดชีวิต ฉันยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้ ใช่แล้ว ฉันไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรสังหาร ฉันไม่ได้ตายเปล่าอย่างไร้ค่าอย่างพวกเขาที่จะหัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่ได้ ความเจ็บปวดนี้แหละคือเครื่องยืนยันว่าฉันมีตัวตน
ครั้งที่ 5 ฉันได้รับภารกิจให้สังหารทหารหนีทัพคนหนึ่ง ตอนที่รู้ตัวจริงของฉัน เธอคุกเข่าอ้อนวอนขอให้ฉันปล่อยเธอไปด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา พร้อมอ้างว่าเธออยากใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง ตอนที่ต้องใช้ดาบบั่นคอของเธอนั้นช่างเจ็บปวดมาก ความรู้สึกนั้นทำให้ฉันแทบทนไม่ไหว อา ฉันกำลังมีชีวิตอยู่จริงๆ ฉันกำลังยืนอยู่ตรงนี้
และภารกิจครั้งนี้ก็คือครั้งที่ 6 ฉันกับ 15S เคยเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน เขาเป็นคนชอบเหม่อลอย แต่บางครั้งก็พูดเป็นต่อยหอย เอาใจใส่งาน แต่กลับมักง่ายกับเรื่องทั่วไป จะว่าไปเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลย ช่างน่าเศร้าอะไรอย่างนี้นะ อา... น่าสงสารจัง ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ความรู้สึกแน่นหน้าอกนี้ ความรู้สึกจุกที่ลำคอนี้ น้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลอยู่บนใบหน้านี้...
ทั้งหมดนั่นทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ นั่นแหละ มากกว่านี้สิ ทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตมากกว่านี้ที ทำให้ฉันสามารถบอกตัวเองได้อย่างเต็มปาก
ผู้บัญชาการบอกว่ามีภารกิจเร่งด่วนให้ฉันสามารถเริ่มดำเนินการต่อโดยทันที หลังจากที่เธอวางสายไปได้ไม่นานเสียงแจ้งเตือนอีเมลใหม่ก็เข้ามา ฉันเปิดมันขึ้นฉายบนอากาศเบื้องหน้า เลื่อนสายตาหาชื่อของเป้าหมายคนต่อไป
33H... โยร์ฮารุ่น Healer อย่างนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่คอยช่วยเหลือรักษาคนอื่นในหน่วยมาตลอดแท้ๆ แต่กลับต้องมาถูกฆ่าปิดปากอย่างนี้ อา... น่าสงสารจัง น่าสงสารจริงๆ ทำเอาฉันรู้สึกเหมือนหน้าอกกำลังถูกบิดแน่น และไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ แต่ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้น ฉันกลับพบถึงความรู้สึกอีกอย่างซึ่งกำลังเออล้น ความรู้สึกที่ทำให้มุมปากของฉันโค้งขึ้นอย่างไม่อาจปิดบัง
ใช่แล้ว ความรู้สึกนี้...
ฉันกำลังอยู่ที่นี่ ตรงนี้ไงล่ะ
แฮะๆๆ แฮะๆๆ แฮะๆๆ
คุณเคยเกลียดงานของตัวเองหรือเปล่า รู้สึกอึดอัดจนอยากทิ้งทุกอย่างไปซะพ้นๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นคุณก็ยังจำเป็นต้องทำมันต่อไปด้วยเหตุผลบางอย่าง เหตุผลที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจต่อต้านมันได้...
ฉันคือ 24B แอนดรอยด์สมาชิกหน่วยโยร์ฮาซึ่งมีหน้าที่กอบกู้โลกให้แก่มนุษยชาติ ได้รับหน้าที่ให้ต่อสู้กับพวกหุ่นยนต์ และช่วยสนับสนุนการทำงานให้เพื่อนร่วมทีม แต่นั่นมันก็แค่หน้ากากบังหน้าเท่านั้น
ฉันดึงดาบออกจากหัวของ 15S ที่กำลังนอนแน่นิ่งจมกองเลือดบนพื้น แม้เขาจะไม่ตอบสนองใดๆ แล้ว แต่ Black Box ของเขายังคงทำงานอยู่ ท่ามกลางหมู่ดาวเป็นประกายสวยงาม ฉันพลิกตัวของเขาให้หงายขึ้น ก่อนดันดาบลงบนหน้าอกของเขา ทันใดนั้นสัญญาณจากร่างตรงหน้าก็หายไป
ฉันเก็บดาบเข้าที่ ก่อนใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าอก ส่วนอีกข้างปาดน้ำตาที่พลั่งพลูออกมา จมดิ่งไปกับความรู้สึกของตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะติดต่อเพื่อรายงานผลไปที่บังเกอร์
24E คือชื่อที่แท้จริงของฉัน โยร์ฮาเพชรฆาตซึ่งมีหน้าที่สังหารแอนดรอยด์ด้วยกัน ฉันจะต้องแฝงตัวเข้าไปใกล้เป้าหมายโดยใช้หน้ากากที่ชื่อว่า 24B โปรแกรมที่ติดตัวทำให้ฉันรู้ในทันทีที่เริ่มเดินเครื่องว่าฉันเกิดมาเพื่ออะไร แต่ความรู้สึกในตอนนั้นกับตอนที่เริ่มทำงานจริงนั้นช่างต่างกันราวฟ้ากันเหว งานแรกของฉันคือการแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มแอนดรอยด์กลุ่มต่อต้าน ตามหาเป้าหมายซึ่งกระจายข่าวลือว่ามนุษยชาติสูญพันธ์ไปแล้ว ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า อีกฝ่ายไปเอาข่าวนั้นมาจากที่ไหน หรือมันจะส่งผลต่อกองทัพอย่างไร หน้าที่ของฉันมีเพียงแค่การสังหารเท่านั้น
ฉันใช้เวลากับงานนั้นเกือบครึ่งปี ความรู้สึกกดดันหวาดกลัวว่าจะถูกจับได้ว่าเป็นไส้ศึก ความรู้สึกตอนที่ต้องเปลี่ยนเครื่องแบบไปใส่ชุดกลุ่มต่อต้าน ความรู้สึกตอนที่ต้องตีสนิทพูดจาหลอกลวงอีกฝ่าย ความรู้สึกตอนที่พวกเขามองว่าฉันเป็นเพื่อนพ้องร่วมทุกข์สุข ความรู้สึกตอนที่พวกเขาพยายามช่วยกันตั้งชื่อให้ ความรู้สึกตอนที่ต้องแอบติดต่อกับฐานทัพ ความรู้สึกตอนที่ระบุเป้าหมายได้แน่ชัด ความรู้สึกตอนที่กำลังเตรียมลงมือ ความรู้สึกตอนที่ดาบในมือกำลังฝั่งลงไปในร่างกายของอีกฝ่าย สีแดง กลิ่นคาวเลือด และความรู้สึกยามที่พบว่ามีเพียงตัวเองที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางร่างที่แน่นิ่งของคนที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน
วินาทีนั้นฉันรู้สึกถึงความว่างเปล่า พร้อมๆ กับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังจะระเบิดจากข้างในตัว รู้สึกแน่นหน้าอก แต่ก็รู้สึกเหมือนมีรูรั่วในใจ รู้สึกถึงความร้อนจากน้ำตา และความเย็นยะเยือกบนใบหน้า ฉันยังมีชีวิตอยู่ในขณะที่คนสำคัญจากไปแล้ว ถึงอย่างนั้นฉันกลับรู้สึกเหมือนตัวเองได้ตายไปด้วย ฉันกรีดร้อง รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสติ อยากวิ่งหนีทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แต่ฉันต้องทำงานนี้ ฉันถูกสร้างมาเพื่อสิ่งนี้
ด้วยความกลัวทำให้งานครั้งที่ 2 ฉันก็เลยพยายามไม่ใกล้ชิดกับเป้าหมายมากนัก แต่การที่ต้องอยู่กับอีกฝ่ายระยะหนึ่ง ก็ทำให้ฉันไม่อาจห้ามใจตัวเองไม่ให้ผูกผันกับอีกฝ่ายได้ และสุดท้ายมันก็นำพาความเจ็บปวดมาให้ฉันอีกครั้ง
ครั้งที่ 3 ฉันได้รับคำสั่งให้ฆ่าเป้าหมายโดยไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่าย แต่เมื่อมองเครื่องแบบแบบเดียวกันมันก็ยังทำให้ฉันเจ็บอยู่ดี ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมฉันถึงต้องถูกสร้างขึ้นมา ทำไมถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงต้องเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางความตายของเพื่อนๆ และฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือว่าฉันจะเป็นเพียงแค่เศษเหล็กเดินได้กันแน่ ความคิดนั้นทำให้ฉันกลัวมาก
ครั้ง 4 ฉันรู้สึกว่าเรื่องมันง่ายขึ้นกว่าเดิม ในใจของฉันยังคงเจ็บปวด ฉันรู้สึกว่างเปล่า แต่เมื่อลองพิจารณาอีกครั้ง ฉันก็เริ่มคิดได้ว่าการที่ฉันยังคงรู้สึกทรมานนั่นก็เป็นเพราะว่าฉันคือคนที่รอดชีวิต ฉันยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้ ใช่แล้ว ฉันไม่ได้เป็นแค่เครื่องจักรสังหาร ฉันไม่ได้ตายเปล่าอย่างไร้ค่าอย่างพวกเขาที่จะหัวเราะก็ไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่ได้ ความเจ็บปวดนี้แหละคือเครื่องยืนยันว่าฉันมีตัวตน
ครั้งที่ 5 ฉันได้รับภารกิจให้สังหารทหารหนีทัพคนหนึ่ง ตอนที่รู้ตัวจริงของฉัน เธอคุกเข่าอ้อนวอนขอให้ฉันปล่อยเธอไปด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา พร้อมอ้างว่าเธออยากใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง ตอนที่ต้องใช้ดาบบั่นคอของเธอนั้นช่างเจ็บปวดมาก ความรู้สึกนั้นทำให้ฉันแทบทนไม่ไหว อา ฉันกำลังมีชีวิตอยู่จริงๆ ฉันกำลังยืนอยู่ตรงนี้
และภารกิจครั้งนี้ก็คือครั้งที่ 6 ฉันกับ 15S เคยเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน เขาเป็นคนชอบเหม่อลอย แต่บางครั้งก็พูดเป็นต่อยหอย เอาใจใส่งาน แต่กลับมักง่ายกับเรื่องทั่วไป จะว่าไปเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลย ช่างน่าเศร้าอะไรอย่างนี้นะ อา... น่าสงสารจัง ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ความรู้สึกแน่นหน้าอกนี้ ความรู้สึกจุกที่ลำคอนี้ น้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลอยู่บนใบหน้านี้...
ทั้งหมดนั่นทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตอย่างไม่มีอะไรเทียบได้ นั่นแหละ มากกว่านี้สิ ทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตมากกว่านี้ที ทำให้ฉันสามารถบอกตัวเองได้อย่างเต็มปาก
ผู้บัญชาการบอกว่ามีภารกิจเร่งด่วนให้ฉันสามารถเริ่มดำเนินการต่อโดยทันที หลังจากที่เธอวางสายไปได้ไม่นานเสียงแจ้งเตือนอีเมลใหม่ก็เข้ามา ฉันเปิดมันขึ้นฉายบนอากาศเบื้องหน้า เลื่อนสายตาหาชื่อของเป้าหมายคนต่อไป
33H... โยร์ฮารุ่น Healer อย่างนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่คอยช่วยเหลือรักษาคนอื่นในหน่วยมาตลอดแท้ๆ แต่กลับต้องมาถูกฆ่าปิดปากอย่างนี้ อา... น่าสงสารจัง น่าสงสารจริงๆ ทำเอาฉันรู้สึกเหมือนหน้าอกกำลังถูกบิดแน่น และไม่สามารถกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ แต่ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้น ฉันกลับพบถึงความรู้สึกอีกอย่างซึ่งกำลังเออล้น ความรู้สึกที่ทำให้มุมปากของฉันโค้งขึ้นอย่างไม่อาจปิดบัง
ใช่แล้ว ความรู้สึกนี้...
ฉันกำลังอยู่ที่นี่ ตรงนี้ไงล่ะ
แฮะๆๆ แฮะๆๆ แฮะๆๆ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบAmnesia prologue!
ตอบลบอาจมีกลิ่นคล้ายๆ กันค่ะ เพราะว่าเป็นแอนดรอยด์โมเดล E เหมือนกัน ^^
ลบ