NieR Automata Fan fiction : I'm hear, right there : Case 15S
คำเตือน ตัวละครในเรื่องนี้เป็นตัวละคร Original ไม่มีในเนื้อหาของเกมนะคะ แค่อิงเนื้อเรื่องของเกมมาค่ะ
ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย
คำถามนั้นผุดขึ้นขณะที่ผมกำลังเจาะระบบของหุ่นยนต์ซึ่งกลไกหยุดทำงานไปแล้ว มันเฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวของผมมาตลอดตั้งแต่ที่ผมได้รู้เรื่องนั้น เรื่องที่ผมไม่ควรรู้ เรื่องที่มนุษยชาติได้สูญสิ้นไปแล้วหลายพันปี นานแสนนานก่อนที่ผมจะถูกสร้างขึ้นมาเสียอีก
ผมคือ 15S แอนดรอยด์รุ่นสแกนเนอร์ของกองกำลังโยร์ฮา แอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกอบกู้โลกให้แก่มนุษย์ชาติ ใช่แล้ว นั่นแหละชื่อหน่วยของผม กอบกู้มนุษยชาติเหรอ น่าหัวร่อสิ้นดี เราจะไปกอบกู้สิ่งที่ไม่ได้มีมาแต่แรกได้ยังไงกันล่ะ
ผมตรวจดูหน้าจอมอนิเตอร์ซึ่งกำลังฉายรายละเอียดสำหรับการเจาะระบบขึ้นมา ผมไม่ชอบการแปลงรหัสข้อมูลของตัวเองเข้าไปให้ร่างของศัตรู แถมตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องทำอย่างนั้นด้วย หุ่นยนต์ตรงหน้าไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้อีกแล้ว เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่อาจคืนชีพขึ้นมาได้ แต่ผมก็ยังต้องเก็บข้อมูลที่หลงเหลือในหน่วยความจำของมันเพื่อส่งให้กับกองทัพอยู่ดี ผมใช้นิ้วสัมผัสลงบนหน้าจอแล้วเริ่มทำการ Injection อย่างไม่รีบร้อน แม้พวกหุ่นยนต์จะมีความสามารถทางกายภาพสูง แต่ระบบป้องการการแทรกแซงระบบของพวกมันไม่ได้ดีมากนัก อีกไม่นานผมก็คงเริ่มทำการเจาะข้อมูลของมันออกมาได้
จะว่าไปแม้มนุษยชาติจะจากไปแล้วพวกเขาก็ยังหลงเหลือข้อมูลบางอย่างไว้เช่นกัน พวกเราแอนดรอยด์ต่างได้รับข้อมูลความทรงจำบางอย่างของพวกเขาติดตั้งไว้ในตัว ความทรงจำของผมเป็นของมนุษย์เพศชายวัย 30 ปีคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นแฮกเกอร์สายสีเทา ช่างเข้ากันกับหน้าที่ของผมเสียนี่กระไร เขาคนนั้นจะใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการเจาะเข้าเว็บไซต์มืดต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ของอาชญากร เว็บไซต์ของกลุ่มกามวิตถาร เว็บไซต์ลัทธิน่าสงสัย หรือแม้แต่เว็บ Click Bait หลอกคนให้เข้าไปชมภาพน่ากลัวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายสยองขวัญ ทั้งยังต้องคอยระวังตัวเองจากตำรวจ อาชญากรที่เสียผลประโยชน์ รวมไปถึงแฮกเกอร์ด้วยกันเองอีกต่างหาก ถึงแม้ร่างกายของเขาจะไม่ต้องออกแรงลุกไปที่ใดมากนัก แต่สภาพจิตใจจากการต้องคอยหวาดระแวง และอาการจิตตกหลังเข้าเว็บไซต์มืดก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ถึงเรื่องเงินจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สิงที่ทำให้เขายังคงทำงานนี้ต่อไปก็คือความท้าทาย และความรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะเมื่อสามารถล้วงความลับของผู้ที่อยู่หลังหน้าจอ
ระบบของหุ่นยนต์ถูก Injection จนมีช่องโหว่เพียงพอให้เจาะข้อมูลแล้ว ผมนั่งลง ชันเข่าขึ้น หันหลังพิงกำแพง เปลี่ยนตำแหน่งหน้าจอให้มาฉายอยู่บนหน้าตัก ก่อนเริ่มรัวนิ้วเคาะคำสั่งเจาะระบบลงไป ไม่นานนักข้อมูลที่หลงเหลือในร่างของหุ่นยนต์ก็ถูกดึงขึ้นมา ผมเลื่อนสายตาวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นว่ามีความสำคัญเพียงพอให้เก็บกู้หรือไม่ การทำอย่างนี้บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเดจาวู แน่นอนว่าแอนดรอยด์อย่างพวกผมไม่มีทางมีอาการเช่นนั้น พวกเราบันทึกข้อมูลเป็นระบบ หากสำรองข้อมูลเอาไว้ก็ไม่มีทางลืมเรื่องอะไรไป ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะความทรงจำของแฮกเกอร์หนุ่ม ประสบการณ์ และความทรงจำย่อมส่งผลต่อพฤติกรรม ถึงแม้มันไม่ใช่เรื่องราวของตัวเอง และเป็นเพียงสิ่งที่เราดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์เช่นการชมภาพยนตร์เรื่องราวของคนอื่นก็ตาม
ผมรู้สึกอยากเจอกับชายคนนั้น แม้จะมีเพียงความทรงจำ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหลายอย่างเชื่อมโยงกับเขา ทั้งความชอบหรือนิสัย บางทีพวกเราอาจพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการแทรกแซงระบบอย่างออกรส หรือไม่ก็อาจโต้เถียงเพราะวิธีการทำงานที่แตกต่าง บางทีพวกเราอาจขึ้นไปบนดาดฟ้าของอพาร์ทเมนท์เพื่อดูดาวด้วยกัน หลังจากที่ทำงานห่ามรุ่งห่ามค่ำติดต่อกันหลายวัน เขาคนนั้นมักเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ขึ้นสูบ เหม่อมองดวงดาวเงียบๆ ท่ามกลางสายลมราตรีที่พัดผ่านเส้นผมเบาๆ แต่วันเวลาเหล่านั้นจะไม่มีวันมาถึง ไม่มีทางสำหรับผม
พวกเราแอนดรอยด์ถูกโปรแกรมให้รู้สึกภักดีต่อมนุษย์ พวกเราล้วนอยากเจอพระเจ้าของพวกเราด้วยกันทั้งนั้น ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงจะไม่ได้เจอกับเจ้าของความทรงจำของผมเพราะด้วยอายุขัยแสนสั้นของมนุษย์ แต่ผมก็ยังอยากเจอคนที่สร้างผมขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่เหมือนเขาคนนั้น พวกผมได้รับการบอกว่าพวกเขาอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ แต่กลับไม่มีผู้ใดเคยได้เห็นพวกเขาเลย ด้วยเหตุนั้นผมจึงแอบเจาะเข้าไปในระบบเซิร์ฟเวอร์หลัก และมันก็ทำให้ผมได้รู้ความจริง
ผมเก็บความลับที่ตนฝ่าฝืนกฏเอาไว้ แล้วพยายามทำตัวราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ในหัวรู้สึกสับสนไปหมด มันเป็นความรู้สึกปนเประหว่างความโกรธ ความเสียใจ และความสิ้นหวัง ผมจะถูกสร้างขึ้นมาทำไมในเมื่อแท้จริงแล้วพวกเราต่างไร้พระเจ้า ไร้เป้าหมาย ผมจะต้องถูกหลอกใช้ไปวันๆ จนกว่าจะหมดอายุการใช้งานอย่างนั้นหรือ แต่ก่อนที่ผมจะทันคิดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป ผมก็ถูกสั่งให้ลงมาทำงานบนโลกเพียงลำพังอีกครั้ง
ข้อมูลที่กู้ขึ้นมาจากหุ่นยนต์เป็นเรื่องหน้าที่การทำงานทั่วๆ ไปของมัน แต่ก็ยังมีข้อมูลน่าสนใจบางอย่างอยู่ในนั้น เครือข่ายหรือ หมายถึงอะไรกัน จะหมายถึงการเชื่อมต่อข้อมูลตามปรกติ หรืออย่างอื่นกันแน่ ผมควรบันทึกข้อมูลนี้ไว้หรือเปล่า เพราะถึงมันจะใช้ช่วยให้มนุษย์คืนชีพไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ยังทำให้ผมแสแสร้งเรื่องที่แอบเจาะเซิร์ฟเวอร์หลักได้ อย่างน้อยก็จนกว่าผมรู้ว่าอยากจะทำอะ...
"สวัสดีค่ะ"
เสียงทักของใครบางคนทำเอาผมสะดุ้งรีบลุกพรวดขึ้นยืน พร้อมกับเอื้อมมือไปจับอาวุธ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะดึงดาบซึ่งสะพายบนหลังออกมา ขาของผมก็ถูกเตะกวาดจนผมล้มลงกระแทกพื้น มือข้างหนึ่งกดไหล่ซ้ายของผมไว้ไม่ให้ขยับ แล้วผมจึงรีบตวัดสายตาหันไปหาร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ผม
"2.. 24B ธ่ะ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน"
ผมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเพื่อนร่วมหน่วยของตัวเอง 24B ส่งยิ้มให้ผมพร้อมยกมือที่กดไหล่ของผมออก ไม่มีทางที่แอนดรอยด์รุ่นสแกนเนอร์อย่างผมจะมีความสามารถในการต่อสู้มากไปกว่าเธอซึ่งถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการรบ จึงไม่น่าแปลกเลยที่ผมจะเสียท่าให้เธอเช่นนี้
"ต้องขอโทษที่ทำให้คุณตกใจด้วยค่ะ ฉันได้รับคำสั่งให้มาช่วยคุณสืบค้นข้อมูลของหุ่นยนต์แถวนี้ ถ้ามีฉันคอยช่วยดูหลังให้ คุณน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้นนะคะ"
เธอเอ่ยจังหวะเชื่องช้าเช่นเดียวกับในข้อมูลความทรงจำของผม พวกเราเคยร่วมงานกันมา 2-3 ครั้ง 24B เป็นสาวนิสัยสุภาพเรียบร้อย ไว้ผมเปียยาวถึงกลางหลัง และมีรอยยิ้มแบบคนขี้เกรงใจ ที่จริงแล้วผมคิดว่าเธอค่อนข้างมีลักษณะเหมือนเหยื่อในเว็บไซต์มืดที่อาชญากรโรคจิตชื่นชอบ แต่ผมไม่เคยบอกเรื่องนั้นกับเธอหรอก อีกฝ่ายส่งมือช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นยืน
"ม่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าอย่างนั้นทางนี้ก็ขอฝากตัวอีกครั้งด้วยนะ"
"ทางนี้ก็เหมือนกันค่ะ ว่าแต่คุณกำลังเจาะระบบหุ่นยนต์อยู่หรือคะ"
"อืม กำลังเจอข้อมูลที่กำลังคิดว่าน่าจะเก็บบันทึกไว้พอดีเลยด้วย" ผมปัดฝุ่นที่เปื้อนกางเกงออก แล้วหันหน้าไปทางร่างของหุ่นยนต์อีกครั้ง เปิดหน้าจอให้กลับมาฉายตามปรกติ "ดูเหมือนพวกหุ่นยนต์จะใช้เครือข่ายอะไรบางอย่างด้วยล่ะ เธอพอจะ... รู้..."
พอพูดถึงเรื่องเครือข่ายขึ้นมา จู่ๆ ก็เหมือนมีอะไรแล่นขึ้นมาในหัวของผม อีกแล้ว ความรู้สึกเดจาวูนี่... มันคือความรู้สึกของแฮกเกอร์หนุ่มเจ้าของความทรงจำของผม ความทรงจำตอนที่เขาซึ่งกำลังเจาะระบบของเว็บไซต์เถื่อน ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นที่เบื้องหลัง สัญชาตญาณของผู้ที่ทำอาชีพไม่สุจริตสั่งให้เขารีบคว้าปืนในลิ้นชักเพื่อเตรียมรับมือกับใครก็ตามที่อาจบุกรุกเข้ามาทำร้ายตนเองถึงในห้อง...
ผมอ้างปากค้างราวกับอยู่ดีๆ ก็ไม่อาจควบคุมกรามได้ ตอนนี้ 24B กำลังยืนอยู่ข้างหลังผม เธอบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาช่วยผมทำงาน แต่ทำไมทางฐานทัพถึงไม่แจ้งผมมาก่อนล่ะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เวลาต้องร่วมงานกับคนอื่นพวกเขาจะส่งอีเมลมาให้ก่อนนี่นา อีกอย่างบริเวณที่ผมอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่จุดอับสัญญาณ ตอนที่เธอมาถึง ถึงแม้ว่าผมอาจจะกำลังใช้สมาธิกับการอ่านข้อมูลอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะประมาทขนาดนั้น อาคารที่ผุผังเช่นนี้ แอนดรอยด์ซึ่งมีน้ำหนักมากไม่น่าจะเดินได้เสียงเบาขนาดที่จะทำให้ผมไม่รู้ตัว เว้นเสียแต่ว่า...
ผมรีบพุ่งตัวกระโดดข้ามร่างของหุ่นยนต์ซึ่งนอนขวางทางอยู่ข้างหน้า พร้อมดึงดาบออกมาพร้อมต่อสู้ ทว่าเมื่อผมหันกลับมาข้างหลัง ร่างของ 24B ก็หายไปจากตำแหน่งที่เธอเคยยืนอยู่แล้ว แล้วผมก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งมาจากด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว
"อั่กก"
ดาบเล่มหนึ่งพุ่งแทงทะลุไหล่ของผมจนร่างกายปลิวไปกับแรงนั้น ผมกระแทกลงกับพื้น รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนไหล่ซ้ายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เลือดสีแดงไหลออกมานองจนเสื้อของผมเปียกชุ่ม
"ถ้าคุณรู้ตัวช้ากว่านี้ ก็จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อยแท้ๆ"
เสียงของ 24B ดังขึ้นไม่ห่างไปนัก ไม่สิ เธอคือ 24E สินะ เพชรฆาตในหน่วยโยร์ฮาผู้สังหารแอนดรอยด์ด้วยกัน ทางฐานทัพคงรู้เรื่องที่ผมแอบเจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์หลักแล้วก็เลยส่งเธอมา ผมพยายามดันตัวเองออกห่างจากอีกฝ่ายให้มากที่สุดทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะมีประโยชน์เลยสักนิด
"เจ็บมากหรือเปล่าคะ 15S"
น้ำเสียงนั้นฟังดูเป็นห่วงอาการของผมทั้งๆ ที่คนที่ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บก็คือเธอ และก่อนที่ผมจะทันได้ลุกขึ้น ดาบที่ปักไหล่ของผมอยู่ก็ถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็วเรียกความเจ็บปวดให้แล่นไปทั่วทั้งร่างกายจนผมร้องลั่น ผมหันไปมองใบหน้าของแอนดรอยด์สาวตรงหน้า แต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากใต้ผ้าปิดตาก็ทำให้ผมสับสน เธอไม่ได้อยากฆ่าผมอย่างนั้นหรือ นั่นคือเหตุผลที่เธอทักผมแทนที่จะจัดการจบชีวิตของผมไปเงียบๆ เหรอ
"ต้องมาทำอย่างนี้... ต้องมาสังหารเพื่อนร่วมงานอย่างนี้... ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากเลยค่ะ..."
เสียงของ 24B เจือด้วยเสียงสะอื้น แล้วเธอก็ปลดผ้าปิดตาของตัวเองลง เผยให้เห็นดวงตากลมโตใสซื่อสีฟ้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา มุมปากของเธอกระตุก
"คุณรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันหรือเปล่าคะ รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ ในวันเวลาที่ต้องทำหน้าที่ไม่จบสิ้นจนต้องรู้สึกเหมือนตัวตนของตัวเองค่อยๆ ถูกกลืนกินไป ความเจ็บปวดนี่แหละที่ช่วยบอกให้ฉันรู้ตัวว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เรามาเจ็บปวดไปด้วยเถอะนะคะ ให้วาระสุดท้ายของคุณเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแสนหวานนี่จะตราตรึงอยู่ในตัวของฉัน ช่วยทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ทีเถอะค่ะ!!"
น้ำเสียงที่เคยเชื่องช้าของ 24E กลับกลายเป็นการพูดรัวเร็ว และริมฝีปากที่เคยมีรอยยิ้มสุภาพก็กำลังบิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมรู้สึกหนาวไปทั้งสันหลัง รีบกระโดดลุกโดยไม่สนใจความเจ็บปวดไปทางบันได ทว่าทางลงซึ่งพังทลายเพราะความเสื่อมสภาพของโครงสร้างตึกก็ทำให้ผมรู้ดีว่าสภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้ไม่มีทางที่จะลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม ผมจึงไร้ทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งขึ้นไปชั้นบนเสียก่อน บางทีอาจจะมีทางอื่นให้ผมลงไปข้างล่างได้
ผมได้ยินเสียงของเพชรฆาตสาวตามมาด้านหลัง ปรกติเธอสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าผม เห็นได้ชัดว่าเธอคงกำลังสนุกกับเกมแมวจับหนูจึงยังปล่อยให้ผมทิ้งระยะห่างจากตัวเอง
ทำไมผมถึงต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ทำไมผมถึงต้องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับโชคชะตาเช่นนี้ ผมอยากเจอพระเจ้าของผม อยากตะโกนถามหาเหตุผลนั่น แต่ว่า... อา นั่นสินะ พวกเขาไม่อยู่ที่นี่แล้วนี่ พวกเขาไม่มีตัวตนหลงเหลือแล้ว...
ระบบการมองเห็นของผมเริ่มมีปัญหา ความเสียหายที่ได้รับจากการโจมตีของ 24E กำลังส่งผลให้การระบบต่างๆ ในร่างของของผมขัดข้อง อีกไม่นานร่างของผมคงหยุดทำงาน...
ตอนนี้ผมอยู่ที่ดาดฟ้าของอาคารแล้ว ด้านหลังมี 24E ตามติด ไม่มีทางหนีสำหรับผม ผมรู้สึกหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรง หมดสิ้นทุกอย่างที่มีความหมายต่อชีวิต เข่าของผมทรุดลงกระแทกพื้น
ตอนนั้นเองผมก็สัมผัสได้ถึงสายลมเบาๆ พัดผ่านเส้นผม ความรู้สึกเดจาวูเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน ดวงดาวกำลังส่องสว่างเป็นจุดเล็กพรมทั่วท้องฟ้าสีหมึก แล้วจู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมา...
อา... อยู่ที่นี่เองเหรอ... พระเจ้าของผม...
ผมถอดผ้าปิดตาออกเพื่อมองดาวเหล่านั้นให้เต็มตา เขาคนนั้นก็คงเคยมองท้องฟ้านี้หลังทำงานเสร็จเหมือนกันสินะ ท้องฟ้าที่มองจากดาดฟ้าของอาคารอพาร์ทเมนท์ที่ไหนสักที่หนึ่ง สัมผัสกับสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเส้นผมอย่างแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเข้าใกล้เขาขนาดนี้
นั่นสินะ บางทีเขาอาจจะอยู่ที่นี่มาตลอดก็ได้ ข้างในนี้ ในตัวของผม ผ่านความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดมา เพียงแต่ผมไม่เคยรู้สึกตัว
ถึงร่างกายจะหมดสิ้น เผ่าพันธ์จะสูญหาย แต่การมีอยู่ของพวกผมก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันถึงการเคยมีอยู่ของพวกเขา ความทรงจำที่ได้รับมานี้คือจิตวิญญาณของพวกเขาที่อยู่เคียงข้างพวกเราตลอดเวลา
ในที่สุดผมก็หาพวกเขาเจอ...
และผมก็อยู่ที่นี่ ตรงนี้แล้ว...
ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกระแทกที่หลังศีรษะ แล้วทุกอย่างก็ดำมืดลง...
ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย
คำถามนั้นผุดขึ้นขณะที่ผมกำลังเจาะระบบของหุ่นยนต์ซึ่งกลไกหยุดทำงานไปแล้ว มันเฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวของผมมาตลอดตั้งแต่ที่ผมได้รู้เรื่องนั้น เรื่องที่ผมไม่ควรรู้ เรื่องที่มนุษยชาติได้สูญสิ้นไปแล้วหลายพันปี นานแสนนานก่อนที่ผมจะถูกสร้างขึ้นมาเสียอีก
ผมคือ 15S แอนดรอยด์รุ่นสแกนเนอร์ของกองกำลังโยร์ฮา แอนดรอยด์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกอบกู้โลกให้แก่มนุษย์ชาติ ใช่แล้ว นั่นแหละชื่อหน่วยของผม กอบกู้มนุษยชาติเหรอ น่าหัวร่อสิ้นดี เราจะไปกอบกู้สิ่งที่ไม่ได้มีมาแต่แรกได้ยังไงกันล่ะ
ผมตรวจดูหน้าจอมอนิเตอร์ซึ่งกำลังฉายรายละเอียดสำหรับการเจาะระบบขึ้นมา ผมไม่ชอบการแปลงรหัสข้อมูลของตัวเองเข้าไปให้ร่างของศัตรู แถมตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องทำอย่างนั้นด้วย หุ่นยนต์ตรงหน้าไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้อีกแล้ว เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่อาจคืนชีพขึ้นมาได้ แต่ผมก็ยังต้องเก็บข้อมูลที่หลงเหลือในหน่วยความจำของมันเพื่อส่งให้กับกองทัพอยู่ดี ผมใช้นิ้วสัมผัสลงบนหน้าจอแล้วเริ่มทำการ Injection อย่างไม่รีบร้อน แม้พวกหุ่นยนต์จะมีความสามารถทางกายภาพสูง แต่ระบบป้องการการแทรกแซงระบบของพวกมันไม่ได้ดีมากนัก อีกไม่นานผมก็คงเริ่มทำการเจาะข้อมูลของมันออกมาได้
จะว่าไปแม้มนุษยชาติจะจากไปแล้วพวกเขาก็ยังหลงเหลือข้อมูลบางอย่างไว้เช่นกัน พวกเราแอนดรอยด์ต่างได้รับข้อมูลความทรงจำบางอย่างของพวกเขาติดตั้งไว้ในตัว ความทรงจำของผมเป็นของมนุษย์เพศชายวัย 30 ปีคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นแฮกเกอร์สายสีเทา ช่างเข้ากันกับหน้าที่ของผมเสียนี่กระไร เขาคนนั้นจะใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการเจาะเข้าเว็บไซต์มืดต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ของอาชญากร เว็บไซต์ของกลุ่มกามวิตถาร เว็บไซต์ลัทธิน่าสงสัย หรือแม้แต่เว็บ Click Bait หลอกคนให้เข้าไปชมภาพน่ากลัวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายสยองขวัญ ทั้งยังต้องคอยระวังตัวเองจากตำรวจ อาชญากรที่เสียผลประโยชน์ รวมไปถึงแฮกเกอร์ด้วยกันเองอีกต่างหาก ถึงแม้ร่างกายของเขาจะไม่ต้องออกแรงลุกไปที่ใดมากนัก แต่สภาพจิตใจจากการต้องคอยหวาดระแวง และอาการจิตตกหลังเข้าเว็บไซต์มืดก็ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ถึงเรื่องเงินจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สิงที่ทำให้เขายังคงทำงานนี้ต่อไปก็คือความท้าทาย และความรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะเมื่อสามารถล้วงความลับของผู้ที่อยู่หลังหน้าจอ
ระบบของหุ่นยนต์ถูก Injection จนมีช่องโหว่เพียงพอให้เจาะข้อมูลแล้ว ผมนั่งลง ชันเข่าขึ้น หันหลังพิงกำแพง เปลี่ยนตำแหน่งหน้าจอให้มาฉายอยู่บนหน้าตัก ก่อนเริ่มรัวนิ้วเคาะคำสั่งเจาะระบบลงไป ไม่นานนักข้อมูลที่หลงเหลือในร่างของหุ่นยนต์ก็ถูกดึงขึ้นมา ผมเลื่อนสายตาวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นว่ามีความสำคัญเพียงพอให้เก็บกู้หรือไม่ การทำอย่างนี้บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเดจาวู แน่นอนว่าแอนดรอยด์อย่างพวกผมไม่มีทางมีอาการเช่นนั้น พวกเราบันทึกข้อมูลเป็นระบบ หากสำรองข้อมูลเอาไว้ก็ไม่มีทางลืมเรื่องอะไรไป ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะความทรงจำของแฮกเกอร์หนุ่ม ประสบการณ์ และความทรงจำย่อมส่งผลต่อพฤติกรรม ถึงแม้มันไม่ใช่เรื่องราวของตัวเอง และเป็นเพียงสิ่งที่เราดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์เช่นการชมภาพยนตร์เรื่องราวของคนอื่นก็ตาม
ผมรู้สึกอยากเจอกับชายคนนั้น แม้จะมีเพียงความทรงจำ แต่ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหลายอย่างเชื่อมโยงกับเขา ทั้งความชอบหรือนิสัย บางทีพวกเราอาจพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการแทรกแซงระบบอย่างออกรส หรือไม่ก็อาจโต้เถียงเพราะวิธีการทำงานที่แตกต่าง บางทีพวกเราอาจขึ้นไปบนดาดฟ้าของอพาร์ทเมนท์เพื่อดูดาวด้วยกัน หลังจากที่ทำงานห่ามรุ่งห่ามค่ำติดต่อกันหลายวัน เขาคนนั้นมักเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ขึ้นสูบ เหม่อมองดวงดาวเงียบๆ ท่ามกลางสายลมราตรีที่พัดผ่านเส้นผมเบาๆ แต่วันเวลาเหล่านั้นจะไม่มีวันมาถึง ไม่มีทางสำหรับผม
พวกเราแอนดรอยด์ถูกโปรแกรมให้รู้สึกภักดีต่อมนุษย์ พวกเราล้วนอยากเจอพระเจ้าของพวกเราด้วยกันทั้งนั้น ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงจะไม่ได้เจอกับเจ้าของความทรงจำของผมเพราะด้วยอายุขัยแสนสั้นของมนุษย์ แต่ผมก็ยังอยากเจอคนที่สร้างผมขึ้นมา สิ่งมีชีวิตที่เหมือนเขาคนนั้น พวกผมได้รับการบอกว่าพวกเขาอาศัยอยู่บนดวงจันทร์ แต่กลับไม่มีผู้ใดเคยได้เห็นพวกเขาเลย ด้วยเหตุนั้นผมจึงแอบเจาะเข้าไปในระบบเซิร์ฟเวอร์หลัก และมันก็ทำให้ผมได้รู้ความจริง
ผมเก็บความลับที่ตนฝ่าฝืนกฏเอาไว้ แล้วพยายามทำตัวราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ในหัวรู้สึกสับสนไปหมด มันเป็นความรู้สึกปนเประหว่างความโกรธ ความเสียใจ และความสิ้นหวัง ผมจะถูกสร้างขึ้นมาทำไมในเมื่อแท้จริงแล้วพวกเราต่างไร้พระเจ้า ไร้เป้าหมาย ผมจะต้องถูกหลอกใช้ไปวันๆ จนกว่าจะหมดอายุการใช้งานอย่างนั้นหรือ แต่ก่อนที่ผมจะทันคิดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป ผมก็ถูกสั่งให้ลงมาทำงานบนโลกเพียงลำพังอีกครั้ง
ข้อมูลที่กู้ขึ้นมาจากหุ่นยนต์เป็นเรื่องหน้าที่การทำงานทั่วๆ ไปของมัน แต่ก็ยังมีข้อมูลน่าสนใจบางอย่างอยู่ในนั้น เครือข่ายหรือ หมายถึงอะไรกัน จะหมายถึงการเชื่อมต่อข้อมูลตามปรกติ หรืออย่างอื่นกันแน่ ผมควรบันทึกข้อมูลนี้ไว้หรือเปล่า เพราะถึงมันจะใช้ช่วยให้มนุษย์คืนชีพไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ยังทำให้ผมแสแสร้งเรื่องที่แอบเจาะเซิร์ฟเวอร์หลักได้ อย่างน้อยก็จนกว่าผมรู้ว่าอยากจะทำอะ...
"สวัสดีค่ะ"
เสียงทักของใครบางคนทำเอาผมสะดุ้งรีบลุกพรวดขึ้นยืน พร้อมกับเอื้อมมือไปจับอาวุธ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะดึงดาบซึ่งสะพายบนหลังออกมา ขาของผมก็ถูกเตะกวาดจนผมล้มลงกระแทกพื้น มือข้างหนึ่งกดไหล่ซ้ายของผมไว้ไม่ให้ขยับ แล้วผมจึงรีบตวัดสายตาหันไปหาร่างที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ผม
"2.. 24B ธ่ะ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน"
ผมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเพื่อนร่วมหน่วยของตัวเอง 24B ส่งยิ้มให้ผมพร้อมยกมือที่กดไหล่ของผมออก ไม่มีทางที่แอนดรอยด์รุ่นสแกนเนอร์อย่างผมจะมีความสามารถในการต่อสู้มากไปกว่าเธอซึ่งถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการรบ จึงไม่น่าแปลกเลยที่ผมจะเสียท่าให้เธอเช่นนี้
"ต้องขอโทษที่ทำให้คุณตกใจด้วยค่ะ ฉันได้รับคำสั่งให้มาช่วยคุณสืบค้นข้อมูลของหุ่นยนต์แถวนี้ ถ้ามีฉันคอยช่วยดูหลังให้ คุณน่าจะทำงานได้ง่ายขึ้นนะคะ"
เธอเอ่ยจังหวะเชื่องช้าเช่นเดียวกับในข้อมูลความทรงจำของผม พวกเราเคยร่วมงานกันมา 2-3 ครั้ง 24B เป็นสาวนิสัยสุภาพเรียบร้อย ไว้ผมเปียยาวถึงกลางหลัง และมีรอยยิ้มแบบคนขี้เกรงใจ ที่จริงแล้วผมคิดว่าเธอค่อนข้างมีลักษณะเหมือนเหยื่อในเว็บไซต์มืดที่อาชญากรโรคจิตชื่นชอบ แต่ผมไม่เคยบอกเรื่องนั้นกับเธอหรอก อีกฝ่ายส่งมือช่วยดึงผมให้ลุกขึ้นยืน
"ม่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าอย่างนั้นทางนี้ก็ขอฝากตัวอีกครั้งด้วยนะ"
"ทางนี้ก็เหมือนกันค่ะ ว่าแต่คุณกำลังเจาะระบบหุ่นยนต์อยู่หรือคะ"
"อืม กำลังเจอข้อมูลที่กำลังคิดว่าน่าจะเก็บบันทึกไว้พอดีเลยด้วย" ผมปัดฝุ่นที่เปื้อนกางเกงออก แล้วหันหน้าไปทางร่างของหุ่นยนต์อีกครั้ง เปิดหน้าจอให้กลับมาฉายตามปรกติ "ดูเหมือนพวกหุ่นยนต์จะใช้เครือข่ายอะไรบางอย่างด้วยล่ะ เธอพอจะ... รู้..."
พอพูดถึงเรื่องเครือข่ายขึ้นมา จู่ๆ ก็เหมือนมีอะไรแล่นขึ้นมาในหัวของผม อีกแล้ว ความรู้สึกเดจาวูนี่... มันคือความรู้สึกของแฮกเกอร์หนุ่มเจ้าของความทรงจำของผม ความทรงจำตอนที่เขาซึ่งกำลังเจาะระบบของเว็บไซต์เถื่อน ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นที่เบื้องหลัง สัญชาตญาณของผู้ที่ทำอาชีพไม่สุจริตสั่งให้เขารีบคว้าปืนในลิ้นชักเพื่อเตรียมรับมือกับใครก็ตามที่อาจบุกรุกเข้ามาทำร้ายตนเองถึงในห้อง...
ผมอ้างปากค้างราวกับอยู่ดีๆ ก็ไม่อาจควบคุมกรามได้ ตอนนี้ 24B กำลังยืนอยู่ข้างหลังผม เธอบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาช่วยผมทำงาน แต่ทำไมทางฐานทัพถึงไม่แจ้งผมมาก่อนล่ะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เวลาต้องร่วมงานกับคนอื่นพวกเขาจะส่งอีเมลมาให้ก่อนนี่นา อีกอย่างบริเวณที่ผมอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่จุดอับสัญญาณ ตอนที่เธอมาถึง ถึงแม้ว่าผมอาจจะกำลังใช้สมาธิกับการอ่านข้อมูลอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะประมาทขนาดนั้น อาคารที่ผุผังเช่นนี้ แอนดรอยด์ซึ่งมีน้ำหนักมากไม่น่าจะเดินได้เสียงเบาขนาดที่จะทำให้ผมไม่รู้ตัว เว้นเสียแต่ว่า...
ผมรีบพุ่งตัวกระโดดข้ามร่างของหุ่นยนต์ซึ่งนอนขวางทางอยู่ข้างหน้า พร้อมดึงดาบออกมาพร้อมต่อสู้ ทว่าเมื่อผมหันกลับมาข้างหลัง ร่างของ 24B ก็หายไปจากตำแหน่งที่เธอเคยยืนอยู่แล้ว แล้วผมก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังพุ่งมาจากด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว
"อั่กก"
ดาบเล่มหนึ่งพุ่งแทงทะลุไหล่ของผมจนร่างกายปลิวไปกับแรงนั้น ผมกระแทกลงกับพื้น รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนไหล่ซ้ายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เลือดสีแดงไหลออกมานองจนเสื้อของผมเปียกชุ่ม
"ถ้าคุณรู้ตัวช้ากว่านี้ ก็จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกหน่อยแท้ๆ"
เสียงของ 24B ดังขึ้นไม่ห่างไปนัก ไม่สิ เธอคือ 24E สินะ เพชรฆาตในหน่วยโยร์ฮาผู้สังหารแอนดรอยด์ด้วยกัน ทางฐานทัพคงรู้เรื่องที่ผมแอบเจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์หลักแล้วก็เลยส่งเธอมา ผมพยายามดันตัวเองออกห่างจากอีกฝ่ายให้มากที่สุดทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะมีประโยชน์เลยสักนิด
"เจ็บมากหรือเปล่าคะ 15S"
น้ำเสียงนั้นฟังดูเป็นห่วงอาการของผมทั้งๆ ที่คนที่ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บก็คือเธอ และก่อนที่ผมจะทันได้ลุกขึ้น ดาบที่ปักไหล่ของผมอยู่ก็ถูกกระชากออกไปอย่างรวดเร็วเรียกความเจ็บปวดให้แล่นไปทั่วทั้งร่างกายจนผมร้องลั่น ผมหันไปมองใบหน้าของแอนดรอยด์สาวตรงหน้า แต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากใต้ผ้าปิดตาก็ทำให้ผมสับสน เธอไม่ได้อยากฆ่าผมอย่างนั้นหรือ นั่นคือเหตุผลที่เธอทักผมแทนที่จะจัดการจบชีวิตของผมไปเงียบๆ เหรอ
"ต้องมาทำอย่างนี้... ต้องมาสังหารเพื่อนร่วมงานอย่างนี้... ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากเลยค่ะ..."
เสียงของ 24B เจือด้วยเสียงสะอื้น แล้วเธอก็ปลดผ้าปิดตาของตัวเองลง เผยให้เห็นดวงตากลมโตใสซื่อสีฟ้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา มุมปากของเธอกระตุก
"คุณรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันหรือเปล่าคะ รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ ในวันเวลาที่ต้องทำหน้าที่ไม่จบสิ้นจนต้องรู้สึกเหมือนตัวตนของตัวเองค่อยๆ ถูกกลืนกินไป ความเจ็บปวดนี่แหละที่ช่วยบอกให้ฉันรู้ตัวว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เรามาเจ็บปวดไปด้วยเถอะนะคะ ให้วาระสุดท้ายของคุณเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแสนหวานนี่จะตราตรึงอยู่ในตัวของฉัน ช่วยทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ทีเถอะค่ะ!!"
น้ำเสียงที่เคยเชื่องช้าของ 24E กลับกลายเป็นการพูดรัวเร็ว และริมฝีปากที่เคยมีรอยยิ้มสุภาพก็กำลังบิดเบี้ยวเป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมรู้สึกหนาวไปทั้งสันหลัง รีบกระโดดลุกโดยไม่สนใจความเจ็บปวดไปทางบันได ทว่าทางลงซึ่งพังทลายเพราะความเสื่อมสภาพของโครงสร้างตึกก็ทำให้ผมรู้ดีว่าสภาพร่างกายของตัวเองในตอนนี้ไม่มีทางที่จะลงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม ผมจึงไร้ทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งขึ้นไปชั้นบนเสียก่อน บางทีอาจจะมีทางอื่นให้ผมลงไปข้างล่างได้
ผมได้ยินเสียงของเพชรฆาตสาวตามมาด้านหลัง ปรกติเธอสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าผม เห็นได้ชัดว่าเธอคงกำลังสนุกกับเกมแมวจับหนูจึงยังปล่อยให้ผมทิ้งระยะห่างจากตัวเอง
ทำไมผมถึงต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ทำไมผมถึงต้องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับโชคชะตาเช่นนี้ ผมอยากเจอพระเจ้าของผม อยากตะโกนถามหาเหตุผลนั่น แต่ว่า... อา นั่นสินะ พวกเขาไม่อยู่ที่นี่แล้วนี่ พวกเขาไม่มีตัวตนหลงเหลือแล้ว...
ระบบการมองเห็นของผมเริ่มมีปัญหา ความเสียหายที่ได้รับจากการโจมตีของ 24E กำลังส่งผลให้การระบบต่างๆ ในร่างของของผมขัดข้อง อีกไม่นานร่างของผมคงหยุดทำงาน...
ตอนนี้ผมอยู่ที่ดาดฟ้าของอาคารแล้ว ด้านหลังมี 24E ตามติด ไม่มีทางหนีสำหรับผม ผมรู้สึกหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรง หมดสิ้นทุกอย่างที่มีความหมายต่อชีวิต เข่าของผมทรุดลงกระแทกพื้น
ตอนนั้นเองผมก็สัมผัสได้ถึงสายลมเบาๆ พัดผ่านเส้นผม ความรู้สึกเดจาวูเกิดขึ้นอีกครั้ง ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน ดวงดาวกำลังส่องสว่างเป็นจุดเล็กพรมทั่วท้องฟ้าสีหมึก แล้วจู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมา...
อา... อยู่ที่นี่เองเหรอ... พระเจ้าของผม...
ผมถอดผ้าปิดตาออกเพื่อมองดาวเหล่านั้นให้เต็มตา เขาคนนั้นก็คงเคยมองท้องฟ้านี้หลังทำงานเสร็จเหมือนกันสินะ ท้องฟ้าที่มองจากดาดฟ้าของอาคารอพาร์ทเมนท์ที่ไหนสักที่หนึ่ง สัมผัสกับสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเส้นผมอย่างแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเข้าใกล้เขาขนาดนี้
นั่นสินะ บางทีเขาอาจจะอยู่ที่นี่มาตลอดก็ได้ ข้างในนี้ ในตัวของผม ผ่านความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดมา เพียงแต่ผมไม่เคยรู้สึกตัว
ถึงร่างกายจะหมดสิ้น เผ่าพันธ์จะสูญหาย แต่การมีอยู่ของพวกผมก็เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันถึงการเคยมีอยู่ของพวกเขา ความทรงจำที่ได้รับมานี้คือจิตวิญญาณของพวกเขาที่อยู่เคียงข้างพวกเราตลอดเวลา
ในที่สุดผมก็หาพวกเขาเจอ...
และผมก็อยู่ที่นี่ ตรงนี้แล้ว...
ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกระแทกที่หลังศีรษะ แล้วทุกอย่างก็ดำมืดลง...
ซึ้ง ; - ;
ตอบลบ