NieR Replicant Drama CD : The Lost Verses and the Red Sky Part 2
เครดิท : https://nier.fandom.com
ครอบครัว
คาลิ : เฮ้อ ไคเน... การต้องมีหลานสาวแบบเธอนี่มันช่าง...
ไคเน : ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ ท่านย่าคาลิ
คาลิ : มีคนสำคัญมาร่วมงานเลี้ยงตั้งหลายคน แต่เธอกลับเอาแต่ยุ่งอยู่กับเจ้าพันทางนั่น จนไม่ได้ไปทักทายแขกสักคนเลยเนี่ยนะ
(เสียงลูกสุนัขเห่าดังขึ้น)
คาลิ : เป็นหมาที่แสลงตาซะจริง ถ้าอยากได้หมาล่ะก็ เอาไว้ย่าจะหาตัวที่เหมาะสมกับหน้าตาของตระกูลของเรามาให้ พอใจหรือยัง ส่วนเจ้าหมาตัวนั้น... เอามันไปให้คนงานกำจัดทิ้งซะ
ไคเน : แต่ว่าท่านย่าคะ...
คาลิ : เงียบเลยนะ!
(เสียงตบโต๊ะดังขึ้น)
คาลิ : เฮ้อ เธอเนี่ย... ไม่ได้เข้าใจเลยว่าการเป็นชนชั้นนำจะต้องทำตัวให้สง่างาม ถ้าเธอเป็นคนที่เข้าใจความสำคัญของการทักทายคนที่มาร่วมงานเลี้ยงล่ะก็ เธอคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรจะต้องพูดแบบไหนกัน เธอไม่เข้าใจแรงกดดันนี้เลย งานเลี้ยงนั่นเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะได้แสดงความสง่างามของตระกูลของเรา ถ้าเธอเข้าใจถึงภาระนี่แล้วล่ะก็ เจ้าหมาแบบนั้น...
ปู่ : อะแฮ่ม คาลิ... แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ
คาลิ : คุณคะ...
ปู่ : ไคเนไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย ก่อนที่บ้านหลังนี้จะเอาแต่ห่วงเรื่องความสง่างาม คุณเองก็เคยภูมิใจที่มีหลานสาวจิตใจอ่อนโยนนี่นา
คาลิ : คุณก็ให้ท้ายไคเนอยู่เรื่อย นี่มีแค่ฉันคนเดียวเองเหรอที่คิดถึงครอบครัวของเรา พวกเราเป็นครอบครัวทหารที่พยายามสู้มาตลอดจนมีหน้ามีตาได้นะ แล้วคุณ... คุณไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรือไง
ปู่ : เออ... อย่างนั้นเองเหรอ ขอโทษนะ ผมต้องขอโทษด้วย ต่อไปผมจะใส่ใจมากกว่านี้
(คาลิทำเสียงหึ แล้วเดินออกไปจากห้อง)
ไคเน : ท่านปู่คะ... หนูต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ
ปู่ : อะไรกันล่ะ อย่าโทษตัวเองเลย จริงๆ แล้วย่าของหลานเป็นคนใจดีนะ แต่การต่อสู้กับพวก Legion ทำให้จิตใจของคาลิค่อยๆ แข็งกระด้างขึ้น มันเป็น... การต่อสู้ที่ยากลำบาก ก่อนหน้านั้นไม่นาน พวกเขาต่างก็เคยเป็นมนุษย์ เป็นเพื่อนบ้าน เป็นครอบครัว เป็นคนรัก... แล้วจู่ๆ คนที่เรารู้จักมานานก็กลายไปเป็นศัตรู... สำหรับคาลิแล้ว มันเป็นเรื่องเจ็บปวดจนทำให้หัวใจแตกสลาย...
ไคเน : ค่ะ ทุกคนรู้ดีว่าท่านย่าคาลิกลายเป็นวีรสตรีสงครามได้ยังไง เป็นเพราะท่านปู่กับท่านย่า พวกเราเลยได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยแบบนี้
ปู่ : สิ่งที่พวกเราทำไม่ได้น่าชื่นชมอย่างนั้นหรอก พวกเราก็แค่พยายามเอาชีวิตรอด สู้อย่างสิ้นหวังในวันแล้ววันเล่า... เพราะฉะนั้น ไคเน ยกโทษให้คาลิเถอะนะ
ไคเน : ท่านปู่คะ ท่านย่าไม่ได้ทำอะไรผ...
(เสียงลูกสุนัขเห่าดังขึ้น)
ปู่ : ได้ ได้ จะสร้างบ้านหมาไว้ให้ที่สวนหลังบ้านนะ
ไคเน : ท่านปู่... !
ปู่ : ไม่รู้เหมือนกันว่าจะชอบหรือเปล่า เออ... มันเป็นเด็กผู้ชายใช่ไหม
ไคเน (เสียงดีใจ) : เป็นเด็กผู้หญิงค่ะ ท่านปู่
ปู่ : อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ทาบ้านเป็นสีชมพูแล้วกัน
(เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น)
อาวุธ
(เสียงทำงานในศูนย์จัยดังขึ้น)
เจ้าหน้าที่ต้อนรับ (เสียงจากไกลๆ) : ค่ะ ที่นี่ศูนย์วิจัยอาวุธแห่งชาติค่ะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย (คุยโทรศัพท์) : ครับ ครับ พวกเรากำลังติดตั้งอยู่ครับ เข้าใจแล้วครับ เพราะฉะนั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน ในการประชุมครั้งหน้าช่วยอนุมัติให้เราเสนอ... อา ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้นครับท่าน ผมไม่ได้ตั้งใจหมายความแบบนั้น ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ ไม่ว่ายังไงก็จะดำเนินการต่อไปครับ... ครับ ครับ ผมเข้าใจครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ต้องทนพวกเรานะครับ ขอโทษที่รบกวนด้วยครับ
(เสียงวางโทรศัพท์ดังขึ้น)
ผู้ช่วยงานวิจัย : สายเมื่อกี้ คุณยายคาลิอีกแล้วหรือคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : เฮ้อ ให้ตายเถอะ อีแก่โรคจิตนั่น...
ผู้ช่วยงานวิจัย : หัวหน้า อย่าพูดถึงลูกค้าแบบนั้นสิคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ถึงจะเป็นตระกูลวีรบุรุษสงครามจริงๆ ก็เถอะ... แต่ยกเรื่องโบราณคร่ำครึอย่างนั้นมาอ้างนี่มัน...
ผู้ช่วยงานวิจัย : วีรบุรุษ? คุณยายคนนั้นเขามีชื่อเสียงในสงครามหรือคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : อ้าว นี่เธอไม่รู้หรอกเหรอ ยายคนนั้นเคยเป็นเจ้าหน้าที่บัญชาการในสงครามครูเสด ที่ได้รับหน้าที่ให้กำจัดพวก Red Eye กลุ่มสุดท้ายน่ะ รู้สึกว่าสามีของเธอเองก็เป็นสมาชิกในหน่วยด้วยเหมือนกัน
ผู้ช่วยงานวิจัย : แบบนั้น... พวกเธอก็เป็นวีรบุรุษสงครามจริงๆ สินะคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ก็ตามนั้นแหละ รัฐบาลจ่ายเงินตอบแทนความลำบากให้พวกเธอ แล้วก็อาจเพราะพอมีความสามารถในการบริหารอยู่นิดหน่อย หรือไม่ก็เพราะอะไรสักอย่าง พอผ่านไปหลายปีเข้าพวกเธอก็รวยขึ้นมา แล้วก็เพราะเอาเงินมาลงให้การวิจัยทางการทหารเยอะ เธอก็เลยกลายเป็นเหมือนผู้อุปถัมภ์งานของเราไปด้วย ที่ศูนย์วิจัยของเราอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้หลังจากหายนะที่หมายเลข 6 ทำเอาไว้ ก็ต้องขอบคุณเงินสนับสนุนจากบ้านของยายคนนั้นล่ะนะ
ผู้ช่วยงานวิจัย : ถ้าอย่างนั้น เธอก็เป็นผู้มีพระคุณของเราไม่ใช่หรือคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : หืม ก็นั่นนั่นแหละ ทำไมเธอถึงต้องให้เงินกับศูนย์วิจัยอาวุธแบบเราด้วย ยายแก่คนนั้นอาจจะอยากทำสงครามอีก หรือไม่ก็...
(เสียงประตูเปิด และมีเสียงคนวิ่งเข้ามา)
เอมิล : คุณนักวิทยาศาสตร์ครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : อ้ะ มีอะไรหรือจ้ะ
เอมิล : วันนี้ผมแต่งเพลงใหม่ด้วยล่ะครับ ถ้าไม่รังเกียจผมอยากให้คุณนักวิทยาศาสตร์ฟังเป็นคนแรก ตอนนี้พอมีเวลาหรือเปล่าครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : อืม... พอดีตอนนี้ฉันมีงานต้องทำน่ะ งั้น... อีกสัก 30 นาที ฉันค่อยไปหาเธอที่ห้องเปียโนได้ไหม
เอมิล : เข้าใจแล้วครับ ผมจะรอ อย่าลืมนะครับ
(เสียงฝีเท้าวิ่งออกจากห้อง)
หัวหน้าศูนย์วิจัย : หมายเลข 7...
ผู้ช่วยงานวิจัย : หัวหน้า เขามีชื่อว่าเอมิลนะคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : นั่นสินะ... เอมิลคือผู้มีพระคุณตัวจริงของเรา ช่วยผนึกพลังทั้งหมดของหมายเลข 6 ตอนที่มันกำลังคลั่ง ถ้าเราไม่ได้พลังทำให้เป็นหินของเอมิลล่ะก็ ที่นี่คงกลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์ไปแล้วล่ะ
ผู้ช่วยงานวิจัย : ค่ะ แต่ก็เพราะเรื่องนั้น เขาก็เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เห็นโลกอีก
หัวหน้าศูนย์วิจัย : เฮ้อ แต่ก็น่าทึ่งดีนะ ทั้งๆ ที่พวกเราปิดตาของเขาไว้ แต่เขาก็ยังไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่วเชียว
ผู้ช่วยงานวิจัย : ค่ะ เหมือนว่าเขาสามารถบอกได้ว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ตรงไหนบ้าง โดยอาศัยแค่เสียงกับการเคลื่อนไหวของอากาศรอบๆ ตัว
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ว่าแล้วเชียว คงมีแต่สัตว์ประหลาดที่...
(เสียงตบโต๊ะดังขึ้น)
ผู้ช่วยงานวิจัย : หัวหน้า
หัวหน้าศูนย์วิจัย : อา... โทษที
ผู้ช่วยงานวิจัย : เด็กคนนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ... เฮ้อ นี่มันโหดร้ายจริงๆ ที่ใช้เด็กพวกนั้นเป็นตัวทดลอง... เป็นพวกเราเองที่...
ผู้ชาย (คุยโทรศัพท์) : เอ๋ อุบัติเหตุ... ที่ฮัทสึได... แล้วทำไมถึงต้องให้พวกเราไปช่วยล่ะ ฮัลโหล ได้ยินไหมครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...
หัวหน้าศูนย์วิจัย : … ไม่จริงหน่า... เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนส่งอย่างนั้นเหรอ!
ผู้ช่วยงานวิจัย : การขนส่ง? การขนส่งอะไรกันคะ หัวหน้า
(เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น)
ความโกลาหล
(เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ เสียงระเบิด และเสียงผู้คนหวีดร้องวิ่งแตกตื่นดังขึ้น)
เจ้าหน้าที่ A (รับโทรศัพท์) : ก็อย่างที่บอกไปแล้วไงล่ะ ช่วยส่งกำลังสนับสนุนมาให้พวกเราด้วยเถอะครับ เจ้าหน้าที่แค่ 3 รับมือกับคนจำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหวหรอกครับ!
เจ้าหน้าที่ B : พวกเราอยู่ในการเตือนภัยระดับที่ 1 กรุณาอพยพออกจากพื้นที่ด้วยครับ ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบแล้วรีบเดินทางไปที่เขตโยทซึยะโดยเป็นระเบียบ! กรุณาอย่าเดินทางไปที่สถานี โปรดอย่าเดินทางไปที่สถานีชินจูคุนะครับ!
เจ้าหน้าที่ A (โทรศัพท์) : ผมก็บอกแล้วไงว่าที่นี่มี Legion อยู่ แผนภูมิจัดระดับเหรอ ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ข้างหน้าผมมี 1 2 3 4... พวกเรามีผู้เสียชีวิต 7 คนแล้วนะครับ ผมมีประชาชนที่กำลังถูกโจมตีอยู่นะ!
เนียร์ : โยนาห์ ทางนี้!
โยนาห์ (เสียงหอบ) : รอเดี๋ยวค่ะ พี่!
เนียร์ : พวก Legion ถูกกำจัดไปหมดแล้วนี่... แล้วพวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ!
โยนาห์ : พี่คะ...
เนียร์ : ไม่เป็นไร โยนาห์ ไม่เป็นไร พี่อยู่ข้างๆ เธอแล้ว!
ผู้ชาย : โอ๊ย อย่าผลักสิวะ!
ผู้หญิง : รีบไปซิ ให้ฉันไปนะ!
ผู้หญิง : อะไรนะ ฮัลโหล คุณพูดว่าอะไรนะ โยทซึยะเหรอ ตำรวจบอกให้พวกเราไปที่โยทซึยะ แต่ที่นี่มีคนเยอะไปหมดจนเดินไม่ได้เลย!
เนียร์ : อึก โยนาห์ อย่าปล่อยมือพี่นะ!
(เสียงรัวปืนดังขึ้น)
เจ้าหน้าที่ A : ครับ ได้ครับ อะไรนะครับ หยุดการขนส่งทางทหารของกองกำลังป้องกันประเทศ อะไรนะครับ... หยุดอะไรนะครับ ให้ตายเถอะ ไม่มีสัญญาณเลย ฮัลโหล ฮัลโหล ได้ยินผมไหม อ้ากกก...
(เสียงระเบิดดังขึ้น ผู้คนหวีดร้องด้วยความเจ็บ)
เจ้าหน้าที่ A (กัดฟันพูดด้วยความเจ็บ) : ไม่จริง... มันไม่ใช่ Legion... นั่นมัน Red Eye…
(เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังขึ้น)
ผู้บัญชาการ : นี่กองกำลังหน่วยที่ 2 ยืนยัน พบ Red Eye อยู่ในวิสัย เมื่อเวลา 13.50 น. พวกเราไม่สามารถติดต่อกับบริษัทกลางที่รับหน้าที่คุ้มครองการขนส่งได้ครับ ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในฮัทซึได ดูเหมือนจะเป็นตัวอย่างทดลอง B ที่หลุดออกมา ข้อมูลระบุว่ามันควรมีความสูง 8 เมตร แต่พวกเราได้รับการยืนยันมาว่าตัวอย่างทดลอง B ในตอนนี้มีความสูงอย่างน้อย 20 เมตรครับ เชื่อว่าน่าจะเหมือนตัวอย่างทดลองของรัฐบาลคิวชู ขออนุมัติเบิกใช้งานรถถังจู่โจม... ครับ... ครับ... ครับ... ตอนนี้พวกเรากำลังรับมือการขัดขืน และปะทะศัตรูโดยไม่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ หือ ไม่อนุญาตให้ทำร้ายตัวอย่างทดลอง B หมายความว่ายังไงกันครับ นั่นมันคือ Red Eye นะ ไม่ทำไม่ได้หรอกครับ ถ้าเราไม่หยุดมันไว้ พวกเราจะตายกันหมดนะครับ!
โยนาห์ : พี่คะ!
เนียร์ : โยนาห์ จับพี่ไว้แน่นๆ นะ!
(โยนาห์ไหลไปตามฝูงชน)
เนียร์ : โยนาห์ โยนาห์!
โยนาห์ (เสียงค่อยๆ ไกลออกไป) : พี่คะ พี่!
เนียร์ : บ้าจริง ช่วยหลบไปทีครับ! น้องสาวของผม... โยนาห์ โยนาห์!
การปราบปราม
นักวิทยาศาสตร์ชาย (เสียงจากไกลๆ) : แขกเหรอ แต่วันนี้ไม่มีกำหนดการเข้าเยี่ยมชมนี่...
นักวิทยาศาสตร์หญิง (เสียงจากไกลๆ) : มีคนอยู่ที่หน้าทางเข้าเต็มไปหมดเลย...
ผู้ช่วยงานวิจัย : หัวหน้า ฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับการขนส่งเลยนะคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ก็เพราะฉันไม่ได้บอกใครเลยน่ะสิ นี่เป็นแผนขั้นแรกที่จะรวมกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเข้ากับพวกเรา และเพื่อใช้ตัวอย่างของ Red Eye ที่พวกเขาเก็บรักษาไว้มาพัฒนาอาวุธให้ทันสมัย รัฐบาลกังวลเกี่ยวกับกำลังทหารที่ไร้ประสิทธิภาพก็เลยจะให้เงินทุนพวกเราไงล่ะ นี่เป็นความลับระดับสูงสุดนะ!
ผู้ช่วยงานวิจัย : แล้วเจ้า Red Eye นี่ก็เกิดคลั่งขึ้นมาระหว่างการขนส่งหรือคะ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ตอนนี้... พวกเราก็ยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด...
ผู้ช่วยงานวิจัย : ไม่จริง... หัวหน้า นี่คุณทำอะไรลงไปเนี่ย!
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ก็มันช่วยไม่ได้นีนา เราจำเป็นต้องใช้เงินสำหรับการวิจัย ถ้าญี่ปุ่นอยากจะงัดข้อกับองค์กรฮาเมลิน นี่ก็เป็นเรื่องเดียวที่ทำได้!
(เสียงกลุ่มคนเข้ามาในห้องพร้อมปืน นักวิทยาศาสตร์พากันร้องด้วยความกลัว)
หัวหน้าศูนย์วิจัย : อะไรเนี่ย พวกคุณเป็นใครกัน!
ผู้บุกรุก : อยู่นิ่งๆ ซะ ถ้าขยับพวกเรายิงแน่!
(เสียงคนเดินเข้ามา ทุกคนเงียบ)
ยูระ : เอาล่ะ เหล่านักวิจัยทุกท่านของศูนย์วิจัยอาวุธแห่งชาติ หรือที่มีรหัสแฝงว่า มุราซากิ นับจากนี้ไปศูนย์วิจัยแห่งนี้จะถูกควบรวมกับฝ่ายต่อต้านสิ่งมีชีวิตผิดปรกติของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น และฉัน ยูระ คนนี้จะเป็นคนควบคุมที่นี่เองครับ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ไม่จริง... นี่มันไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้นี่!
ยูระ : ไม่หรอกครับ นี่แหละคือที่คุยกันไว้ ฮ่ะๆๆๆ ถ้ามีปัญหา ที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรีจะเป็นคนให้คำตอบเองครับ
หัวหน้าศูนย์วิจัย : ตั้งแต่แรกแล้วสินะ พวกแกตั้งใจจะเข้ามาควบคุมศูนย์วิจัยนี้ใช่...
(เสียงปืนดังขึ้น มีคนล้มลง หัวหน้าศูนย์วิจัยร้องด้วยความเจ็บปวด)
หัวหน้าศูนย์วิจัย : แก... !
ผู้ช่วยงานวิจัย : หัวหน้าคะ หัวหน้า!
ยูระ : แหม แหม ฉันบอกไว้ว่ายังไงนะ ถ้าขยับ ฉันยิง ก็บอกไปแล้วนี่เนอะ ฉันทำตามพูดไว้ไงล่ะ ฮ่าๆๆๆ เข้าใจแล้วหรือยัง พวกเรากำลังอยู่ในสงคราม แต่ในระหว่างที่พวกแกมัวแต่ทำวิจัยห่วยๆ ฉันกับกองกำลังของฉันก็กำลังต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้าพวกแกอยากมีชีวิตต่อไปอีกนานๆ ล่ะก็ พวกแกห้ามขัดคำสั่งของเรา พวกแกต้องทำตามคำสั่งของฉันไม่ให้บกพร่อง เข้าใจไหม!
(เสียงหัวหน้าศูนย์วิจัยสำลักเลือดดังขึ้น)
ผู้ช่วยงานวิจัย : เราต้องรีบพาเขาไปที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้นะ!
ยูระ : อ๋อ เกือบลืมไปเลย ฉันมีเรื่องจะถามคุณหน่อย
ผู้ช่วยงานวิจัย : รีบพาหัวหน้าไปก่อน เขาเสียเลือดไปมาก ไม่อย่างนั้นเข...
(เสียงปืนดังขึ้น นักวิจัยหวีดร้อง หัวหน้าศูนย์วิจัยร้องเฮือกสุดท้ายแล้วเงียบไป)
ยูระ : หึ ทีนี้ก็เรียบร้อยดีแล้วนะครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : อะไรกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน...
ยูระ : ฉันมีคำถามแค่ข้อเดียว อาวุธหมายเลข 7 อยู่ที่ไหนครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : หมายเลข 7 คุณหมายถึงเอมิลเหรอ
ยูระ: ดูเหมือนคุณจะเลี้ยงสัตว์ประหลาดเป็นสัตว์เลี้ยงสินะครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : เอมิลไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะ!
(เสียงอะไรบางอย่างกระแทกกันดังขึ้น ผู้ช่วยงานวิจัยร้องด้วยความเจ็บ)
ยูระ : ไม่เอาหน่า ฉันไม่ได้ถามความเห็นของคุณสักหน่อย ฮ่ะๆๆๆ นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นแบบนี้เป็นยังไง
(เสียงดีดนิ้วดังขึ้น ก่อนที่เสียงขยับปืนจะตามมา)
ยูระ : ถ้าไม่ยอมบอกที่อยู่กับส่งมอบสิทธิ์ในการควบคุมหมายเลข 7 ให้ฉันล่ะก็ จากนี้ไปทุกๆ 1 นาที เราก็มาฆ่าพวกคุณทีละคนกันดีกว่า พวกคุณมี 24 คน... อ้ะ ไม่สิ หัวหน้าของคุณตายไปแล้วนี่ รวมคุณด้วยก็จะมี 23 คนงั้นเหรอ อย่างนั้นถ้าคุณให้คำตอบมาภายใน 22 นาที... ก็ไม่มีปัญหาครับ
ผู้ช่วยงานวิจัย : พูดเรื่องอะไรกั...
ยูระ : ฉันก็อยากให้เวลาคุณมากกว่านี้หรอกนะ...
ผู้ช่วยงานวิจัย : …ถ้าฉันพาตัวเอมิลมาให้คุณแล้วจะเป็นยังไงต่อ
ยูระ : ฉันก็จะให้มันไปสู้แล้วก็ตายเพื่อประเทศอันยิ่งใหญ่ของเราอยู่แล้วล่ะสิ เหลือเวลาอีก 45 วินาที!
ผู้ช่วยงานวิจัย : เด็กคนนั้น... เขาทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้หรอก!
ยูระ : อย่างนั้นหรือครับ แต่เวลาที่หมาจนตรอก อะไรๆ มันก็ทำได้หมดแหละเนอะ ฮ่าๆๆ เหลืออีก 35 วินาที
(เสียงประตูเปิด และมีคนวิ่งเข้ามา)
เอมิล : คุณนักวิจัย!
ผู้ช่วยงานวิจัย : เอมิล อย่ามาทางนี้นะ!
ยูระ : เธอคือ... หมายเลข 7 อย่างนั้นเหรอ
เอมิล : อย่าทำร้ายพวกนักวิจัยนะครับ!
ยูระ : ถ้าเธอเป็นเด็กดี ทำตามที่ฉันบอก ฉันก็ไม่ทำอะไรพวกเขาหรอก ฮ่ะๆๆ
เอมิล : ผมจะไปครับ... เพราะฉะนั้น อย่ายิงพวกเขาเลยนะครับ!
ผู้ช่วยงานวิจัย : เอมิล คนพวกนี้เขาจะให้เธอไปสู้กับ Red Eye นะ!
เอมิล: ไม่เป็นไรครับ... ถึงผมจะเป็นคนไม่เอาไหน แต่ผมก็แข็งแกร่ง ผมทำได้ครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะต้องกลับมาแน่
ผู้ช่วยงานวิจัย : เอมิล…
ยูระ : ดูเหมือนว่าเจ้าหนูหมายเลข 7 ของเราจะเข้าใจสถานการณ์ดีนะ
(เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น)
(เกร็ดเล็กน้อยเผื่อลืมกันไปแล้ว ยูระ มาซาโยชิ ในอนาคตจะเปลี่ยนชื่อเป็นไทเรนน์ เขาคือ Shade ที่สิงในร่างของไคเน Replicant)
การโต้เถียง
(เสียงนาฬิกาลูกตุ้มตีบอกเวลาดังขึ้น)
คาลิ (พูดโทรศัพท์) : คุณลืมไปแล้วหรือว่าใครเป็นคนให้เงินทุนกับพวกคุณ กรุณาพยายามจำด้วยว่าทำไมดิฉันถึงได้ยกมุราซากิให้ เข้าใจใช่ไหม ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยส่งคนคุ้มกันของคุณมาที่บ้านของดิฉันเดี๋ยวนี้ด้วย
ปู่ : คาลิ... นี่คุณกำลังทำอะไรเนี่ย
คาลิ : ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก
ปู่ : อย่าทำตัวไม่มีเหตุผลสิ คาลิ
คาลิ : ฉันขอให้ช่วยส่งคนคุ้มกันมาประจำการที่นี่เป็นพิเศษน่ะค่ะ
(เสียงลูกสุนัขเห่าดังขึ้น)
ไคเน : เอาล่ะ คุณชื่อว่า ชิโระ นะ คิดว่ายังไงบ้างคะ ตั้งมาจากชื่อของเจ้าหญิงหิมะเลยนะ ชอบหรือเปล่าคะ
(เสียงลูกสุนัขเห่า)
ไคเน : อ้าว ไม่ชอบเหรอ... หรือว่าชอบ แบบไหนกันแน่นะ หุๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณอยากบอกเลยแฮะ
คาลิ (เสียงจากไกลๆ) : ...เป็นอภิสิทธิ์ชน เมื่อไรกันที่คุณจะ....
ปู่ : ผมก็เคยบอกไปแล้วไงว่าไคเนไม่ต้องการ...
คาลิ : พวกคุณสองคนเนี่ย ทำให้ความพยายามฉันต้องเสียเปล่าจริงๆ!
(เสียงโวยวายของคาลิค่อยๆ ห่างออกไป)
ไคเน : ท่านปู่เป็นคนใจดี แต่ว่าท่านย่า... ก็ใจดีเหมือนกันนะคะ เขาว่ากันว่าท่านเป็นผู้กล้าในสงครามกับพวก Legion ถึงเรื่องจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังมีทหารหลายคนคอยมาหาท่านตลอด
(เสียงลูกสุนัขร้องหงิง)
ไคเน : ฉันมี... ความสุข... เพราะว่าฉันมีท่านปู่ กับท่านย่าอยู่ด้วย... ก็เลยมีความสุข...
(เสียงลูกสุนัขร้องหงิง)
ไคเน : แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกกลัว... ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันเหมือนกับว่ามีหมอกดำหนาทึบอยู่ข้างในหัวใจของฉัน ชีวิตนี้ฉันไม่เคยรู้สึกว่าขาดอะไรไป แต่ฉันกลับมีฝันร้ายนี้อยู่... ฉัน... ควรทำยังไงดี...
(เสียงลูกสุนัขเห่า)
ไคเน : นั่นสินะ ถ้ามีคุณอยู่ด้วย ก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ
ผู้ประกาศ (บนรถกระจายข่าว) : ... ขอประกาศยกเลิกการอพยพในเขตชินจูกุ ชิบุยะ นาคาโนะ และเซตากายะครับ สำหรับผู้ที่ยังอยู่ภายในบ้าน ขอให้พยายามอย่าออกมาภายนอก ย้ำอีกครั้งครับ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Legion ขอให้เขตชินจูกุ ชิบุยะ นาคาโนะ และเซตากายะ...
ไคเน : Legion...?
เด็กชาย เด็กหญิง และอาวุธ ตอนที่ 1
(เสียงกระแทกหูโทรศัพท์ดังขึ้น)
ยูระ : หึย อีนังแม่มดแก่ เคยเป็นผู้กล้าแต่ไม่ได้รู้อะไรเลยสักนิด แล้วยังมีหน้ามาสั่งอะไรตามใจชอบอีก แต่ว่า... ถ้าไม่มีเงินนั่นพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้... หึย ฉันไม่ยอมรับงานคุ้มกันให้อีแม่มดเฒ่านั่นหรอก!
(เสียงอะไรบางอย่างกระแทกโต๊ะดังขึ้น)
ผู้ช่วยงานวิจัย : อย่าใช้ความรุนแรงสิคะ!
ยูระ : หา นี่ว่าฉันเหรอ พวกนักวิทยาศาสตร์อย่างแกจะมาเข้าใจชีวิตของคนเป็นทหารได้ยังไง
(เสียงล้มโต๊ะดังขึ้น)
เอมิล : นี่ หยุดเถอะครับ คุณนักวิจัยไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยไม่ใช่หรือครับ!
ยูระ : หึย ฉันไม่อยากฟังพูดของเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกเว้ย ไอ้เด็กเปรต
(เสียงยูระบีบคอของเอมิล)
เอมิล : อึก... ผมไม่... ของผม...
ยูระ : หยุดเลยนะ!
(เสียงเปิดเครื่องจักรบางอย่างดังขึ้น เอมิลหล่นกระแทกพื้น)
เอมิล : อาาา!
ยูระ : ล้อมมัน แล้วกดมันเอาไว้!
เอมิล : นี่มัน... คืออะไร... กัน
ผู้ช่วยงานวิจัย: เอมิล!
ยูระ : หึๆๆ คิดว่าฉันจะมาเผชิญหน้ากับอาวุธปิดผนึกที่แข็งแกร่งที่สุดของมุราซากิโดยไม่เตรียมอะไรไว้เลยเหรอ ไอ้พวกปัญญาอ่อน นี่คือระบบปราบปรามใหม่ล่าสุดของฮาเมลิน เห็นไหมว่ามันไม่ส่งผลอะไรกับมนุษย์เลยสักนิด แต่กับอะไรก็ตามที่มีอนุภาค Maso อยู่ มันค่อนข้างมีผลเยอะเลยล่ะ
(เสียงปรับเครื่องจักรให้ทำงานแรงขึ้น เอมิลสำลักของเหลวออกมา)
ผู้ช่วยงานวิจัย: เอมิล!
(เสียงขยับปืนจำนวนมากดังขึ้น)
ยูระ : เย็นไว้ก่อน ถึงเครื่องจักรจะไม่มีผลต่อมนุษย์ แต่ปืนนี่มีนะ อยากให้ฉันลองฝังลูกตะกั่วไว้ในตัวไหม
ผู้ช่วยงานวิจัย : เอาเครื่องจักรของฮาเมลินมาใช้แบบนี้... คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!
ยูระ : ถ้าเพื่อเป้าหมายแล้วล่ะก็ มีอะไรให้ใช้ ฉันก็ใช้หมดนั่นแหละ เจ้านั่นเองก็เป็นสิ่งที่ฉันใช้ได้เหมือนกัน... อ้ะ สิ่งที่ฉัน... ใช้ได้... ใช้ได้... เดี๋ยวก่อนนะ อีแม่มดแก่มันอยากได้ศูนย์สั่งการ... ถ้าอย่างนั้นก็... เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าพวกเราจะทำยังไงกันต่อ ส่งแผนที่มานี่!
ทหาร : ครับ!
ยูระ : ตรงนี้สินะ ติดต่อไปที่กองบัญชาการ จากสถานการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น พวกเราเลยต้องทำการจับ Red Eye ที่ส่วน B-24 ของเขตที่อยู่อาศัยของพลเรือน แต่เพื่อป้องกันการแทรกแซง อย่าประกาศเรื่องนี้ให้สาธารณะรู้ แจ้งไปตามนี้ซะ
ทหาร : รับทราบครับ!
ผู้ช่วยงานวิจัย : ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นประชาชนจะตกอยู่ในอ...
(เสียงของหนักกระแทกใส่ผู้ช่วยงานวิจัยดังขึ้น)
ยูระ : เหอะ ฉันล่ะเกลียดผู้หญิงพูดมากจริงๆ
เอมิล: คุณ... นักวิ... จัย...
ยูระ: เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ทีม 1 กับทีม 6 อยู่ที่นี่ คอยควบคุมฐานต่อไป ส่วนคนอื่น เราจะไปที่ B-24 !
ทหาร : ครับ!
ยูระ : ไปแสดงฝีมือกัน ที่นั่นมีคนเยอะพอให้เป็นผู้ชมได้พอดีเลย หึๆๆ ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ
เด็กชาย เด็กหญิง และอาวุธ ตอนที่ 2
(เสียงแตรรถ ผู้คนหวีดร้อง และวิ่งหนีกันวุ่นวายดังขึ้น)
เนียร์ : โยนาห์ โยนาห์ ขอโทษครับ เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่เสื้อโค้ทสีฟ้ามีฮูดบ้างไหมครับ มีใครบ้างไหม เด็กผู้หญิง...
ผู้ชาย : ไม่เห็นหรอก แต่ที่สำคัญกว่านั้นเธอต้องรีบออกไปจากที่นี่นะ พวก Legion กำลังมาทางนี้แล้ว!
เนียร์ : อา อย่างนั้นหรือครับ ต้องขอโทษด้วยครับ... มีใครบ้างไหม มีใครเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ บ้างไหมครับ
(เสียงเนียร์ชนกับใครบางคนดังขึ้น)
เนียร์ : อา ขอโทษครับ เออ...
ผู้หญิง A : หัดมองทางบ้างสิ มันอันตรายนะ!
(เสียงวิ่งจากไป)
เนียร์ : ...ขอโทษครับ โยนาห์... เธออยู่ที่ไหน จะยอมแพ้ไม่ได้ ผมต้องปกป้องโยนาห์ ผม... ต้องทำให้โยนาห์ปลอดภัย
ผู้หญิง B : เป็นอะไรไหม ลุกไหวหรือเปล่า
เนียร์ : อา ขอบคุณครับ
ผู้หญิง B : เธอกำลังตามหาคนอยู่เหรอ
เนียร์ : ครับ ผมกับน้องสาวพลัดกัน เธอใส่เสื้อโค้ทสีฟ้ามีรอยปะครับ
ผู้หญิง B : ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเด็กคนเดียวกันหรือเปล่า แต่ฉันเห็นเด็กที่ใส่เสื้อโค้ทสีแบบนั้นนะ
เนียร์ : จริงหรือครับ
ผู้หญิง B : พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์น่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้เห็นหน้า เลยไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
เนียร์ : คฤหาสน์?
ผู้หญิง B : อ๋อ พอผ่านถนนเส้นนั้นไปจะมีป่าใหญ่ ข้างในนั้นมีบ้านหลังใหญ่ของพวกคนรวยอยู่ พวกเราก็เลยเรียกว่าคฤหาสน์น่ะ เด็กคนนั้นกำลังไปที่นั่น
เนียร์ : อา ขอบคุณมากครับ
ผู้หญิง B : อย่าเป็นอะไรไปนะ พวกเขาบอกว่า Legion กำลังมาทางนี้
เนียร์ : ครับ!
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น